ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 424
ตอนที่424เก็บรักษาไว้เพื่อใช้งานเอง
คนรับใช้วัยกลางคนก้มหัวทำให้หลินซีนเยียนมองไม่เห็นแววตาที่คลุมเครือของเขาตอนเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งสีหน้าเขาเรียบเฉยอย่างยิ่ง“แม่นางได้โปรดท่านไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดข้าน้อยพูดไม่ได้”
“เจ้าพูดคำเดียวข้าจะไม่ถามเรื่องนี้อีกเจ้าคิดว่าจะบอกได้หรือไม่?”ถ้าพบเรื่องเช่นนี้ให้อีกฝ่ายพูดคำเดียวก็พอแล้วดูเหมือนว่านางจะงี่เง่าเกินไปใช่ไหมใจคนเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากนักใช่ว่าทุกๆคนพูดออกมาแล้วจะเชื่อถือได้ยิ่งเป็นคนน่าสงสารความเป็นไปได้ที่จะพูดโกหกมดเท็จยิ่งมากขึ้นฉะนั้นน้ำเสียงหลินซีนเยียนเริ่มเย็นชาลงกว่าเดิม
ชายวัยกลางคนคิดว่านางพูดมีเหตุผลมากถ้าเปลี่ยนมาเป็นเขาเองอาจจะไม่รับฟังคำพูดไร้สาระของอีกฝ่ายและเอาคนไปบั่นหัวทันทีสำหรับคนเลือดอาบปลายดาบอย่างพวกเขายอมฆ่าทิ้งไม่ปล่อยไว้ฉะนั้นผู้หญิงตรงหน้ายังมีจิตใจเมตตา
“งั้นท่านคิดว่าจะทำอย่างไรดีล่ะ?”คนรับใช้วัยกลางคนถาม
พูดตามความจริงหลินซีนเยียนคิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไรให้นางฆ่าเขาหรือเหมือนอย่างที่เขาพูดจนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่เคยก่อเรื่องทำร้ายนางแต่จะปล่อยเขาไปก็คงทำไม่ได้
ทั้งสองคนเงียบเหมือนต่างไม่รู้ว่าจะจัดการสถานการณ์ที่หยุดชะงักเช่นนี้ได้อย่างไร
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังจะพูดสวี่ห้าวและอี้เซิงเดินเข้ามาเห็นคนรับใช้วัยกลางคนคุกเข่าอยู่ในห้องทั้งสองคนอึ้งไปก่อนหลังจากนั้นอี้เซิงถาม“พี่สาวคนๆนี้ทำอะไรผิดหรือ?”
หลินซีนเยียนส่ายหน้า“เปล่าเขาไม่ใช่คนของโจว่เฉิงเป็นคนที่แอบลักลอบเข้ามาอีกอย่างเข้าบอกมาว่ามาปกป้องข้าพวกเจ้าเชื่อหรือไม่?”
อี้เซิงและสวี่ห้ายส่ายหน้าพร้อมกันโดยเฉพาะสวี่ห้าวเป็นถึงชายชาตรีขึ้นเหนือล่องใต้มีประสบการณ์มากมายพูดขึ้นทันที“มีเรื่องดีเช่นนั้นที่ใดกันเป็นคนสะกดรอยตามเป็นไปได้สูงมากที่จะมาเพื่อฆ่าคน”
“ไม่ข้ามาปกป้องแม่นางจริงๆไม่มีเจตนาใดจะมาทำร้ายแม่นางแน่นอน”คนรับใช้วัยกลางคนรีบอธิบาย
“พูดจาเลื่อนลอยปากมันอยู่บนตัวเจ้าตอนนี้เจ้าต้องพูดเช่นนี้อยู่แล้วพี่สาวจะบอกให้โจว่เฉิงรู้หรือไม่?”อี้เซิงขมวดคิ้วตัดสินใจไม่ได้
“ไม่ต้องแล้วข้าค่อนข้างเชื่อที่เขาพูดถึงอย่างไรเขาติดตามตั้งแต่ระยะทางเขตแดนแคว้นหมันจนเมืองชวน”หลังหลินซีนเยียนพูดจบเหมือนคิดอะไรออกขึ้นมาจึงพูดกับคนรับใช้วัยกลางคนนั้นอีก“แบบนี้ดีกว่าในเมื่อเจ้าบอกว่าจะไม่ทำร้ายข้างั้นในช่วงนี้เจ้าก็มาเป็นสายลับของพวกข้าส่งข่าวและของจำเป็นให้พวกข้า?”
คนรับใช้วัยกลางคนตะลึงสวี่ห้าวและอี้เซิงที่อยู่ข้างๆก็ตะลึงเหมือนคาดไม่ถึงว่าหลินซีนเยียนจะวางแผนซ้อนแผนตัดสินใจเช่นนี้ออกมา
แต่สำหรับคนรับใช้วัยกลางคนแค่ไม่ให้เขาบอกว่าเจ้านายคือใครเรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงอย่างไรเสียเจ้านายแค่ให้เขามารักษาความปลอดภัยนางเท่านั้นเองคนอื่นคงไม่สร้างข้อตกลงชัดเจน
“ได้ข้าตกลง”
เห็นชายวัยกลางคนตกลงแล้วหลินซีนเยียนพยักหน้าอย่างเต็มใจ“เจ้าชื่ออะไร?”
“เอ่อ…..”คนรับใช้วัยกลางคนถูกถามคำถามนี้สีหน้าลังเล“อันที่จริงข้าไม่มีชื่อมีเพียงรหัสประจำตัวเท่านั้นถ้าแม่นางไม่รังเกียจเรียกข้าว่าเสี่ยงหลงเถิด”
“เสี่ยวหลง…..”หลินซีนเยียนอดชักมุมปากไม่ได้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งชื่อ
เสี่ยวหลงไม่คิดว่าคำเรียกนี้จะดูอ่อนหวานไปรึ?แต่นางไม่สนใจว่าจะให้เขาชื่ออะไรจึงตอบตกลง
“ถ้าแม่นางไม่สั่งอะไรข้าขอตัวก่อนมาอยู่ที่นี่นานเกินไปคนจะสงสัยได้”เสี่ยวหลงกล่าว
“ช้าก่อนเจ้าช่วยหาของสองสามอย่างให้ข้าก่อน”หลินซีนเยียนลุกขึ้นเข้าไปในห้องหยิบพู่กันหมึกกระดาษและจานฝนหมึกออกมาเขียนกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วหยิบออกมาส่งให้ในมือเสี่ยวหลง“ของสองสามอย่างนี้ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีหรือไม่แต่ขอช่วยเจ้านำของพวกนี้เข้ามาแต่ตอนนำมาต้องระวังตัวอย่ากองไว้ด้วยกันต้องแยกของออกมา”
“เสี่ยวหลงหยิบกระดาษมาอ่านในตาเต็มไปด้วยความสงสัยแต่พูดด้วยความมั่นใจมาก“มีของพวกนี้ทั้งหมดแต่ข้าไม่เคยได้ยินชื่อดินประสิวนี้ไม่ทราบว่ามันคืออะไร?”
หลินซีนเยียนถอนหายใจนางรู้แน่นอนว่าดินประสิวนี้หาได้ไม่ง่ายถึงอย่างไรประเทศหนานเยว่ก็ไม่มีแน่นอนไม่นั้นนางคงเริ่มสร้างอาวุธไปตั้งนานแล้ว
“ดินประสิวเป็นหินชนิดหนึ่งเผาไหม้เป็นควันได้เจ้าต้องพยายามหาให้เต็มที่ก่อน”หลินซีนเยียนอธิบาย
เสี่ยวหลงตอบพูดซุบซิบ“หินที่เผาไหม้ได้…..ได้ยินมาว่าในระยะสามสิบลี้ในประเทศหนานเยว่มีเหมืองแร่ข้าจะเข้าไปสอบถามทันทีว่ามีหินแบบนี้หรือไม่”
“ดีรบกวนเจ้าแล้ว”หลินซีนเยียนพูดกับเขาด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรได้เป็นผู้ช่วยแม่นางเล็กๆน้อยๆก็เป็นเกียรติของข้าน้อยแล้ว”หลังจากเสี่ยวหลงพูดจบก็อำลาหลินซีนเยียนถึงรีบออกไปเขาอยู่เป็นเวลานานมากแล้วจะดึงดูดให้คนของโจว่เฉิงสนใจจะเป็นปัญหา
หลังจากรอเขาเดินออกไปสวี่ห้าวถึงทำหน้าขุ่นมัวถามหลินซีนเยียน“เจ้าเชื่อเขารึ?”เขาคิดว่าหลินซีนเยียนไม่ใช่คนหลอกง่ายขนาดนี้
หลินซีนเยียนถอนหายใจอย่างจำใจพูด“หลายวันนี้เจ้าไม่รู้สึกว่ารอบๆเรือนเงียบมาก”
สวี่ห้าวพยักหน้า“จริงข้าก็เคยสังเกตคนรอบๆเรือนสองสามหลังค่อยๆลดน้อยลงบางทีรอให้คนของพวกเขาน้อยลงมากพอข้าคงสังหารพาพวกเจ้าออกไปได้”
“ไม่ ยิ่งคนพวกเขาน้อนเท่าไหร่ยิ่งแสดงว่าพวกเรากำลังจะมีอันตราย อี้เซิงมีความสำคัญกับโจว่เฉิงเจ้ากับข้าก็รู้ แม้แต่คนเฝ้าดูแลอี้เซิงเขากระจายไปตามจุดต่างๆเกินครึ่งนี่ก็เห็นได้ชัดว่าการเตรียมแผนของเขาได้ประกาศใช้แล้วเขาเริ่มใช้แผนการพวกเราจะเดินต่อไปอย่างไร?”นี่ก็เป็นสิ่งที่หลินซีนเยียนกังวล“ข้าก็รู้ว่าไม่ควรจะไปเชื่อคนไม่มีที่มาที่ไปแต่ตอนนี้พวกเรามีทางเลือกรึ?แม้เจ้ามีวิทยายุทธชั้นเลิศแต่เพื่อปกป้องอี้เซิงเจ้าก็ไม่สามารถแยกจากตัวอี้เซิงได้แม้แต่ช่วงเดียวแต่ข้าไม่มีพละกำลังจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำได้แค่ตายเอาดาบหน้าถ้าเขาไม่ทำร้ายพวกเราจริงๆพวกเราก็โชคดีไปถ้าเขาต้องการทำร้ายพวกเราสถานการณ์คงไม่ย่ำแย่กว่าตอนนี้”
ฉะนั้นนางถึงตัดสินใจเป็นช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจริงๆจึงทำได้แค่เลือกเสี่ยงหาทางรอดพ้นจากความตายสักครั้ง
พระอาทิตย์ยังสาดส่องแสงอุ่นเหมือนเดิมแต่ทว่าตอนนี้ใจทั้งสามคนเงียบสงัดยิ่งนักไม่มีใครมีจิตใจจะไปเสพสุขรับแสงพระอาทิตย์อบอุ่น
ช่วงที่ไม่ทันระแวดระวังหลินซีนเยียนแหงนหน้ามองท่ามกลางท้องฟ้าพบเพียงเมฆขาวมากมายในความคิดนางกลับคิดล่องลอยไปไกลแสนไกลในสมองมีแต่ความสงสัยวนเวียนไปมาไม่หยุดเสี่ยวหลงจะเป็นคนของโม่จื่อเฟิงได้ไหมนะ?ได้ไหมนะ?