ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 452
ตอนที่452 ความจริงใจของคนเลือดเย็น
ถึงแม้เสี่ยวหลงไม่ได้พูด ทว่าหลินซีนเยียนกลับเข้าใจดี
ตอนนั้น โม่จื่อเฟิงต้องการหญ้าจื่ออวี๋นมาก หญ้าจื่ออวี๋นก็คือยาวิเศษชนิดเดียวที่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ น่าขันก็คือ ตอนนี้เพื่ออี้เซิงแล้ว หลินซีนเยียนกลับฉกชิงหญ้าจื่ออวี๋นจากมือคนของเขามา
บางที นี่ก็คือการเล่นตลกต่อโชคชะตามนุษย์ พระเจ้ามอบเรื่องตลกร้ายอันยิ่งใหญ่แก่นาง ท่ามกลางความลำบากใจทำให้นางต้องเลือกระหว่างโม่จื่อเฟิงกับอี้เซิง
“อี้เซิง จื่อเฟิง…” หลินซีนเยียนพึมพำสองคำนี้ออกมาในลำคอ หยาดน้ำตาใสร่วงรินจากพวงแก้มเป็นสองสาย ทั้งเรือนกายโงนเงนแทบทรุด สายตาถูกน้ำตาทำให้พร่ามัว นางมองโลกรอบด้านไม่ชัดแล้ว ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องตะโกนอย่างเดือดดาลของสาวใช้คนนั้น
“เจ้ายังร้องไห้เป็นด้วย? ตอนแรกที่เจ้าผลักเจ้านายสู่ห้วงลึก เหตุใดเจ้าจึงสงบเยือกเย็นเพียงนั้น เจ้าคิดว่าคนของพวกเรารังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ หากไม่ใช่ว่าต่อมาเจ้านายได้บัญชาเอาไว้ ไม่ให้พวกเราแตะต้องเจ้า เจ้าคิดว่าคนแค่หยิบมือของพวกเจ้านั่น จะขัดขวางพลังการจู่โจมทั้งหมดของพวกเราได้หรือ กองกำลังที่เจ้านายฝึกฝันมาหลายปีขนาดนั้น อย่าบอกว่าพวกเจ้าไม่กี่คน อยู่ในราชวังโอ่อ่า พวกเราจะไม่อาจบุกรุกเข้าไปได้!”
เด็กสาวตัวน้อยที่คล้องตะกร้าไม้ไผ่ร่ำร้องไห้ ความเกลียดชังที่มีต่อหลินซีนเยียนยิ่งดิ่งลึกไปตามอารมณ์ที่ปะทุออกมาหลายเท่า
“เอาล่ะ! เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว!” เสี่ยวหลงค่อนข้างจะทนเห็นสภาพวิญญาณหลุดลอยของหลินซีนเยียนไม่ได้อีกต่อไป อดห้ามปรามเด็กสาวคนนั้นไว้ไม่ได้
สาวใช้คนนั้นเงยคอขึ้น จ้องเขาเขม็ง แผดเสียงกล่าว “เจ้าก็เป็นคนไร้จิตใจ เจ้านายถูกผู้หญิงคนนี้ทำร้ายจนตาย เจ้ายังจะช่วยนางอีก!”
“เจ้านายมีความสุข เจ้าจะจัดแจงได้หรือ ไม่ใช่คนทุกคนต่างเห็นความสำคัญต่อชีวิตของตนเองมากที่สุดหรอกหรือ สาวใช้คนหนึ่งอย่างเจ้า จะเข้าใจอะไร!” เสี่ยวหลงพลันตะโกนย้อนกลับไป
ฉับพลันทั้งสองก็วิวาทกันขึ้น ส่วนหลินซีนเยียนที่อยู่ด้านข้าง ก็ค่อยๆ ฟังไม่ชัดว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกันอยู่ ในหัวสมอง ล้วนเป็นฉากที่โม่จื่อเฟิงมอบใบหย่าให้แก่นาง
อันที่จริง นางน่าจะคิดได้แต่แรก ความรู้สึกของเขาที่มีต่อนาง นางเป็นเจ้าของเรื่อง เหตุใดจึงไม่อาจรับรู้ได้ เขาคนที่ทระนงตนเช่นนั้น จะต้องมีความจริงใจให้นางแน่ จะต้องรักเดียวใจเดียว ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจทำเรื่องอะไรใดๆ ออกไปได้เลย
นาง ไฉนจึงข้องใจกับความจริงใจของเขา?
ยิ่งหลินซีนเยียนคิด ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีความผิดต่อความรู้สึกของโม่จื่อเฟิง ท่ามกลางความอลหม่าน ก็ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองหนึ่งฉาด อาจเพราะนางใช้แรงรุนแรงมากเกินไป เสียง “เพี๊ยะ” นั้นดังกังวานเสียจนทำให้ทั้งสองคนที่กำลังปะทะคารมกันอยู่หยุดชะงักในเวลาเดียวกัน
เสี่ยวหลงและสาวใช้คนนั้นหันหน้ามามองทางหน้าอย่างนิ่งงัน เห็นเพียงใบหน้าของนางซีดขาว ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ รูม่านตาไม่มีแววสะท้อน ประหนึ่งร่างอันไร้วิญญาณ สีหน้าของนางทำให้หัวใจของทั้งสองคนตื่นตระหนก พวกเขาเคยเผชิญหน้ากับความยากลำบากของคนมาไม่น้อย ทว่าแต่ไรไม่เคยเห็นสีหน้าของคนไหนที่เป็นแบบหลินซีนเยียนในเวลานี้ นั่นเป็นสีหน้าที่ไร้หนทางหาคำมาบรรยาย มีความลุ่มลึกกว่าสิ้นหวัง โหร้ายกว่าหัวใจวายมอดไหม้
“แม่นางหลิน…” เสี่ยวอดส่งเสียงออกมาไม่ได้ นึกอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความเป็นจริงกลับพูดไม่ออก
หลินซีนเยียนไม่มีปฏิกิริยาตอยสนองเป็นเวลานาน ทำเพียงยืนตรงอย่างนิ่งทื่อ
ท่ามกลางอากาศ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คละคลุ้งอบอวลอยู่ มันคือไม้จันทน์หอมที่เสี่ยวหลงจุดไว้ก่อนหน้านี้ ไม้จันทน์หอมเผามอดจนถึงจุดสิ้นสุด มีเพียงกลิ่นที่หลงเหลืออยู่ในอากาศบางส่วนเท่านั้น
บรรยากาศในยามนี้น่าพิศวงมาก เสี่ยวหลงกระดากอายพ่ายแพ้ เด็กสาวคนนั้นนึกอยากลงมือกับหลินซีนเยียนหลายค่อหลายครั้ง ทว่าไม่รู้ว่าเหตุใด ทุกครั้งตอนที่เงื้อกริชขึ้น แค่เพียงได้เห็นสีหน้าของหลินซีนเยียนเพียงแวบเดียว มือของนางกลับกระทำต่อไปไม่ลง เพราะว่านางมองเห็นถึงความรักอันเข้มข้นจากสายตาของหลินซีนเยียน นั่นก็คือความรักที่มีต่อเจ้านายของนาง
มีคนกล่าวว่า ยิ่งภายนอกดูเป็นคนเย็นชา ยามที่ความรู้สึกปลดปล่อยออกมา ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น บางที หลินซีนเยียนก็คือคนประเภทนี้ ยามปกติไม่อาจแสดงออกถึงความสนใจของตนเอง ทว่ายามที่ต้องแสดงออกมาจริงๆ ก็เพียงพอจะทำให้คนรอบตัวล้วนรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง
การดูเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่กี่คนหมกตัวอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่วิธีการที่ดี เสี่ยวหลงเริ่มจะร้อนรนขึ้น นึกอยากจะกระตุ้นหลินซีนเยียนสักหน่อย แต่กลับทำอย่างไรก็ไม่อาจเปิดปากเอ่ยถึงคำนั้นได้
ในที่สุด ยามที่เสี่ยวหลงและเด็กสาวคนนั้นเริ่มจะอดกลั้นไม่ไหว หลินซีนเยียนก็ขยับตัว
พระอาทิตย์ในบริเวณไกลๆ ตกอยู่ท่ามกลางสายตาของหลินซีนเยียน หลงเหลือไว้เพียงแสงอ่อนจางทรงกลดสีเหลืองอร่าม นางหันคออย่างแข็งทื่อ จากนั้นก็กล่าวกับเด็กสาวคนนั้น “เจ้าวางใจเถิด หากว่าจื่อเฟิงตายเพราะข้าแล้วจริงๆ รอหลังจากจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จ ข้าก็ปฏิเสธจะอยู่โดยลำพัง ดังนั้น เจ้าเพียงแค่รอข้าสักหน่อยก็พอแล้ว”
“ท่าน…” เด็กสาวมองเสี่ยวหลง ก่อนจะมองที่นาง “ท่านกำลังพูดว่าท่านจะตายเป็นเพื่อนเจ้านายของข้าอย่างนั้นหรือ”
หลินซีนเยียนพยักหน้าอย่างเงียบสงบ “ใช่ ข้าจะตายเป็นเพื่อนเขา ไม่ว่าจะเป็นสรวงสวรรค์หรือนรก ข้าก็ล้วนจะไปกับเขา”
ประโยคนี้ ไม่ใช่คำมั่นที่นางให้กับเด็กสาวคนนั้น แต่เป็นสัญญาที่นางให้กับตัวเอง
“แม่นางหลิน อันที่จริงแล้วเจ้านายคาดหวังว่าท่านกับเจ้านายน้อยจะมีชีวิตอย่างดี…” ดวงตาของเสี่ยวหลงก็แดงก่ำตามไปด้วย
“เขาคาดหวัง…” หลินซีนเยียนหัวเราะเย็น “เหตุใดเขาจึงมักคาดหวังให้เป็นอย่างนั้น? ทำไมเขาไม่ยอมบอกความจริงกับข้า เขากล้าดีอย่างไรมาตัดสินใจแทนข้า ข้าเคยพูดว่าข้ากลัวอันตรายจนไม่กล้ายืนอยู่ข้างกายเขาหรือ ข้าเคยพูดว่าข้าอยากซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยเพียงคนเดียวไหม เขากล้าดีอย่างไรถึงทำเรื่องทุกอย่างที่เขาคิดว่าถูกต้องแล้ว แต่กลับไม่ไตร่ตรองถึงความเห็นข้าเลยสักนิด?”
“…” เผชิญกับคำครหาของนาง เสี่ยวหลงไร้คำจะพูด ทำได้เพียงมีสีหน้าแดงเรื่อ
เคราะห์ดี หลินซีนเยียนเองก็ไม่ได้กำลังกล่าวหาเสี่ยวหลงจริงๆ นางทอดถอนใจยาวหนึ่งเฮือก ก่อนกล่าวกับเด็กสาวคนนั้นอีก “แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่การพูดสิ่งเหล่านี้ แต่คนเป็นต้องเห็นตัว คนตายต้องเห็นร่าง พวกเจ้าบอกว่าเขาตายแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าให้ข้าดูศพของเขาหน่อย!”
หลินซีนเยียนจากสิ้นหวังมาเป็นใจเย็น แปรเปลี่ยนได้รวดเร็วกว่าที่เด็กสาวคนนั้นคาดเดาเอาไว้เยอะ ก็ทำให้ในอกของเด็กสาวคนนั้นเพิ่มความชื่นชมขึ้นมาหนึ่งขนัด เพียงแต่สำหรับหลินซีนเยียน นางยังคงชิงชังอยู่ “เฮ้! ท่านว่าจะไปดูก็ให้ดู? หลังจากเจ้านายตายแล้วจะให้ถูกคนรบกวนอย่างยุ่งเหยิงได้อย่างไรกัน สถานที่ฝังศพของเขาย่อมเป็นความลับ พี่หนีหว่านบอกว่า หลุมศพของเจ้านายนางเป็นคนขุดฝังเองกับมือ มีเพียงพี่หนีหว่านที่รู้ว่าหลุมศพของเจ้านายอยู่ที่ไหน”
“เช่นนั้นหนีหว่านอยู่ที่ไหน” หลินซีนเยียนขมวดคิ้ว เดิมทีนางก็วางแผนอยากจะไปหาหนีหว่านเพื่อทำความเข้าใจข่าวคราวอยู่แล้ว
ได้ยินหลินซีนเยียนถามถึงหนีหว่าน บนหน้าของเด็กสาวคนนั้นก็เผยความร้าวระทมออกมา น้ำตากลางดวงตาก็ไหลออกมา “พี่หนีหว่าน…” นางค่อนข้างร่ำไห้ไร้สุ้มเสียง ท้ายสุดก็พูดต่อไปไม่ได้
การตอบสนองของนาง ทำให้หลินซีนเยียนและเสี่ยวหลงล้วนมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี เจ้านายตายแล้ว ในตระกูลหรงสถานที่ที่กลืนคนไม่คลายกระดูกแห่งนี้ บทลงเอยของหนีหว่าน…
“หนี่หว่าน…ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” หลินซีนเยียนไตร่ตรองอยู่ ก่อนกัดฟันถาม
สาวใช้ตัวน้อยปาดน้ำตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวพลางสะอื้น “มีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ว่ากลับเจ็บปวดยิ่งกว่าการตายเสียอีก ตอนนี้นางถูกปิดตายอยู่ในคุกใต้น้ำ ข้าหาโอกาสงามๆ เคยไปดูมาแล้ว ฉากนั่น…พวกท่านไปดูนางเองเถิด ก็ไม่รู้ว่านางจะฝืนได้สักกี่วัน”