ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 48
ตอนที่ 48 รอข้ามาปกป้องเจ้า
“พี่สาว ! พี่สาว!”
เสียงแผดดังของอี้เซิงดูเหมือนจะปรากฏขึ้นอย่าง กะทันหันเกินไปท่ามกลางแสงอาทิตย์อบอุ่นในยามบ่าย
โม่จื่อเฟิงที่เพิ่งลุกยืนขึ้นมุ่นหัวคิ้วในขณะที่กำลังจัด เสื้อผ้าให้เรียบร้อย สีหน้าดิ่งลงในพริบตา เขายกมือขึ้น มากำลังจะเตรียมเรียกคน หลินซินเยียนกลับไม่สนใจ เสื้อผ้ารุ่มร่ามที่อยู่บนร่าง คว้าแขนของเขาไว้อย่างเร่ง ร้อน
เขายังเป็นเด็ก ไม่เข้าใจอะไรนัก ขอท่านได้โปรด ห้าม..เสียงของหลินซินเยียนมีความสะอื้น โม่จื่อเฟิงหันกลับมาอย่างเย็นชา “จะห้ามอย่างไร ห้าม
ฆ่าเขางั้นหรือ?” สายตาของเขาทอดลงบนเสื้อผ้าอัน
รุ่มร่ามของนาง รูม่านตาหรี่วูบอยู่ชั่วครู่ “อย่าได้ลืมตัวตน
ของพวกเจ้า!”
ถึงจะพูดเช่นนั้น ในที่สุดเขาก็ยังรามือ
หลินซินเยียนถอนหายใจ รีบจัดเสื้อผ้ารุ่มร่ามของตน อีกครั้ง หลังจากนั้นรีบวิ่งนำโม่จื่อเฟิงไปยังปากทางประตู เมื่อวิ่งมาจนสุดทางก็เห็นอี้เชิงที่พุ่งมาตรงหน้า
นางคว้าตัวอี้เซิงไว้ ดึงเขามาที่ด้านหน้าของตนอย่าง ระมัดระวัง “ที่นี่คือจวนอ่อง ห้ามวิ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต
“เขารังแกท่านอีกแล้วใช่ไหม?” อี้เซิงไม่ตอบคำของ นาง แต่กลับเงยศีรษะขึ้นมาถามอย่างจริงจัง
สายตาของอี้เชิงกระจ่างใสบริสุทธิ์ ไม่รู้ว่าเหตุใด สายตาเถรตรงเช่นนี้ทำให้นางจิตใจกระวนกระวาย นาง ฉีกยิ้มอย่างฝืนใจพลันลูบศีรษะของเขา พูดเลอะเทอะ อะไร ท่านอ๋องไม่ได้รังแกข้าเสียหน่อย เอาล่ะมาให้พี่สาว ดูซิว่าหลายวันมานี้เจ้าผอมลงหรือไม่?
นางทำท่าทางสำรวจกายของเขาอย่างจริงจัง มีเพียง แค่นางที่รู้ว่าในยามที่นางพูดประโยคเมื่อครู่นี้จำเป็นจะ ต้องใช้ความกล้าอย่างมาก
“พี่สาว” อี้เซิงได้มองไปยังประตูลานด้านหลังของนาง ด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว “รออี้เซิงเติบใหญ่ จะไม่ให้เขารังแก ท่านอีกแน่นอน”
ถูกทำให้หัวเราะได้ด้วยคำพูดของเขา อ้อ งั้นหรือ? พี่ สาวจะรอวันนั้น เจ้าก็ต้องรีบนิด พยายามอีกหน่อย รอวัน ที่เจ้าแข็งแกร่งแล้วก็จะสามารถปกป้องข้าได้
บางครั้งมันก็ดีจริงๆที่มีญาติพี่น้องอยู่ ถึงแม้จะเกิดเรื่อง ราวเจ็บปวดมากมาย เพียงสัมผัสจากการดูแลและคำพูด ที่เอาใจใส่ เมฆหมอกทั้งหมดก็จะมลายหายไป
“ข้าทำได้!” ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขารับใช้พี่ใหญ่ องครักษ์หลายนายที่หน้าลานตลอดทั้งวัน นั่นก็เพื่อจะได้
ร่ำเรียนวิชาการต่อสู้
“ดี ข้าเชื่อเจ้า!” หลินซินเยียนหัวเราะพลันจูงมือเขาเดิน ไปทิศของโรงอาหาร “วางใจเถิด พี่สาวคิดวิธีที่จะไปจาก ที่นี่ไว้ แล้ว แต่พี่สาวรับปากท่านอ่องไว้อยู่หนึ่งเรื่อง ถ้า หากทำสำเร็จ เขาก็จะปล่อยพวกเราไป รอพวกเราไปจาก ที่นี่ ก็จะหาเมืองขนาดเล็กที่มีทิวทัศน์สวยงามสักเมือง พี่ สาวจะทำกิจการย่อมๆเพื่อหารายได้ หลังจากที่เลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ ก็ค่อยหาเงินให้เจ้าไว้แต่งสะใภ้”
“จริงหรือ? พวกเราสามารถไปจากที่นี่แล้วใช้ชีวิตกัน สองคนพี่น้องจริงๆหรือขอรับ?” สุดท้ายแล้วอี้เชิงก็เป็น เพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งปัจจุบัน ยังไม่เคยผ่านคืนวันที่สงบสุขได้เกินสองสามวัน ถูกหลิน ซินเยียนชักจูงด้วยการวาดภาพร่างในอนาคต นึกไม่ ถึงว่าจะเกิดการรอคอยบางส่วนขึ้นมา
เขาไม่เคยกล้าที่จะคิด สักวันจะสามารถใช้ชีวิตที่เงียบ สงบและปลอดภัยเช่นนั้น
หลินซินเยียนจับไหล่ทั้งสองข้างของเขาและดึงเขาเข้า
มาในอ้อมแขนของตนเป็นการให้อ้อมกอดอันอบอุ่นแก่
เขา จริงสิ! เพียงแค่พวกเราต้องพยายามจะต้องทำได้ อย่างแน่นอน หลังจากที่ได้ทานข้าวและกำชับเรื่องที่อี้เซิงจะต้อง ระวังให้ดีภายในจวนอ่องแล้ว หลินซินเยียนจึงกลับไป
ห้องของตนเพื่อศึกษาภาพร่างอาวุธหน้าไม้อีกครั้ง
ความละเอียดรอบคอบในด้านการคิดคำนวณ โครงสร้างของผู้ที่ออกแบบอาวุธหน้าไม้นั้นทำให้หัวใจ ของนางเกิดความชื่นชม ในยุคอาวุธเย็นนึกไม่ถึงว่ายังมี บุคคลเช่นนี้ดำรงอยู่ ด้วยความสัตย์จริง ถ้าหากมีโอกาส นางยังต้องการที่จะพบจริงๆสักครั้ง
ในยามเช้าเดิมทีได้วางแผนออกไปซื้อวัตถุดิบการผลิต เพราะว่ากลับต้องเจอพรรคพวกฮูเหยียนหลิวหยุนอีกทั้ง ถูกบังคับให้กลับจวน นางจึงได้ขบคิดเกี่ยวกับแบบร่าง ร่างโครงสร้างหลายแบบที่สามารถเป็นไปได้ กลับยิ่งรู้สึก คันไม้คันมือ แทบอยากจะรีบไปนำวัตถุดิบมาลองในทันที
เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว นางยังต้องหามู่เหอ บาดแผลขอ งมู่เหอน่าจะถูกทายาแล้ว ถึงแม้ดูเหมือนจะทำให้ตกใจ กลัวอยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเลือดท่วม นองในตอนแรก
หลังจากนำรายการวัตถุดิบที่เขียนเสร็จส่งให้กับมู่เหอ มู่เหอก็ตามคนออกไปซื้อมาอย่างรวดเร็ว
วัตถุดิบเหล่านั้นยุ่งเหยิงอย่างมาก เป็นไปไม่ได้อย่าง แน่นอนที่จะรวบรวมในช่วงเวลาสั้นๆ อากาศอบอุ่นเช่นนี้ ในเมื่อไม่สามารถออกไปนอกจวน เดินรอบๆภายในจวนก็ ดูไม่เลว
ห้องปฏิบัติการในอดีต ถ้าหากเหล่าเพื่อนๆทำงานหลาย วันติดต่อกัน เธอจะเป็นคนรับผิดชอบลากเพื่อนๆออกไป เดินเล่นชานเมือง การผสมผสานระหว่างการทำงานและ การพักผ่อนนั้นสามารถนั้นใช้แรงน้อยแต่ได้งานที่มาก
ที่นี่ไม่มีเหล่าเพื่อฝูง แต่นิสัยในการผสมผสานระหว่าง การทำงานและการพักผ่อนที่ปลูกฝังไว้ในการทำงาน กลับถูกนางรักษาไว้
สวนดอกไม้แห่งจวนอู่เซวียนอ่องไม่ใช่ว่าทุกคนจะมี โอกาสสามารถเยี่ยมชม ดังนั้นหลินซินเยียนจึงถือโอกาส กลับมายังสวนดอกไม้พร้อมกับแสงแดดเนื้อยๆหลังยาม
บ่าย
แสงแดดเช่นนี้ ถ้าหากว่าอยู่ริมทะเล ใส่บิกินี่สวมแว่น กันแดด ทาครีมปกป้องผิวแล้วนอนเงียบๆสักพักจะ สบายใจขนาดไหนกันนะ?”
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มีบางอย่างที่ทำให้เท้าของหลินซินเยียนก้าวไม่ออก นางยกสายตามองตรงไปเห็น สถานที่ลึกลงไป ในลานมีป่าเล็กๆ ใบไม้ที่ร่วงที่ปกคลุม พื้นดินจนหนาเป็นชั้น นางเดินเข้าไป แต่ละก้าวที่เดินรู้สึก เหมือนกับว่าใต้ฝ่าเท้าคือเบาะผ้าฝ้าย ความสบายที่อ่อน
นุ่ม
นางกางแขนทั้งสองข้างออกแล้วล้มตัวลงนอนบนพื้น ใบไม้ร่วงหลายใบกระจายลอยหล่นบนร่างของนาง ปล่อยให้แสงแดดที่ส่องผ่านช่องว่างระหว่างแมกไม้ทอด ลงบนใบหน้า นางส่งเสียงครางออกมาด้วยความสบาย หลับตาลงและเริ่มงีบหลับ
“นอนหลับสบายดีหรือไม่?”
นางที่กำลังจะหลับตา ก็ได้ยินเสียงอยากรู้อยากเห็น แว่วมาจากด้านบนของศีรษะนาง เมื่อนางลืมตาขึ้น ภาย ใต้แสงที่สะท้อนก็เห็นบุรุษในชุดผ้าแพรจ้องนางอยู่ครู่ หนึ่ง
“ข้าถามเจ้าว่านอนหลับสบายดีหรือไม่?” บุรุษผู้นั้นถาม อีกครั้ง
“สบายหรือไม่สบาย เจ้ามาลองด้วยตนเองก็รู้แล้วมิใช่ หรือ?” หลินซินเยียนเลิกคิ้วพร้อมทั้งหลับตาลงด้วยความ เกียจคร้านอีกครั้งโดยไม่สนใจบุรุษที่ขัดจังหวะการพัก
ผ่อนของนาง
รอบด้านเงียบลงอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง สวบสาบไม่ไกลจากข้างกาย หลินซินเยียนสงสัยจึงหันไป มอง กลับเห็นบุรุษผู้นั้นค่อยๆเลียนแบบอย่างจากนางที่ กำลังนอนอยู่บนผืนใบไม้ร่วง
ตามแสงอาทิตย์ที่ทอดลงมา หลินซินเยียนจึงเพิ่งเห็น รูปลักษณ์ของเขาได้ชัดเจน อายุประมาณ 17-18 ปี องค์ ประกอบบนใบหน้าประณีตอย่างยิ่ง เพียงเหลือบมองก็ เป็นการถ่ายทอดพันธุกรรมที่ต่อต้านสวรรค์ เพียงแค่น่า เสียดาย ต่อให้รูปงามกว่านี้แต่ในสายตาของหญิงสาววัย รุ่นตอนปลายอย่างหลินซินเยียน เขาเป็นเพียงเด็กอายุ 17-18 ปีคนหนึ่งเท่านั้น
ว้าว สบายดีจริงๆ บุรุษได้นอนไปสักพักก็ยืดมือมาวางที่ ข้างแก้มของตนมองภาพทิวทัศน์ของแสงอาทิตย์ที่กำลัง ส่องผ่านลอดช่องของแมกไม้ เขาหัวเราะอย่าง เพลิดเพลิน คิดไม่ถึงจริงๆว่าสาวน้อยจะสุขสบายได้เช่น นี้!
“สาวน้อย?” หลินซินเยียนมุ่นคิ้ว พลันกลอกตาขาวใส่ เขา ให้เขาเรียกนางว่าคุณป้ายังได้เลย!
บุรุษผู้นั้นเห็นนางไม่พอใจแถมยังทำปากยื่นใส่ “อย่างไรกัน เจ้าเป็นเด็กสาวอายุ 15- 16 ปี แล้วข้าไม่ สามารถเรียกเจ้าว่าสาวน้อยได้หรือไง?”