ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 480
ตอนที่480การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิดของตระกูลหลิง
แสงแดดสาดส่องกระทบพืชพรรณสีเขียวขจีทำให้พืชพรรณที่มีชีวิตชีวิตชีวายิ่งส่องประกายงดงามยิ่งขึ้น
เสียงครืนๆได้จบสิ้นลงหินที่แกะสลักเป็นพิเศษก้อนนั้นราวกับหินที่ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆแตกกระจายไปทั่วถึงขนาดในความรวดเร็วนั้นก็ยังคงมีเสียงหินแตกครึกๆๆดังอยู่
หลินซีนเยียนถอยหลังไปสองสามก้าวเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นหน้าผาที่อยู่ตรงหน้าได้แตกสมบูรณ์แล้วหินที่แกะสลักเป็นพิเศษก้อนนั้นก็กลิ้งตกลงไปด้วยตกลงมาที่แถวๆเท้าของนางหินผาก็ค่อยๆทยอยร่วงลงมาเพียงเวลาพริบตาก็เผยให้เห็นปากถ้ำสูงสิบฟุตแห่งหนึ่ง
ปากถ้ำลึกเข้าไปปรากฏภาพสีดำมืดมิดมีฝุ่นคละคลุ้งออกมาจากด้านในพร้อมกับมีกลิ่นแปลกๆอีกด้วย
หลินซีนเยียนปิดจมูกแน่นขมวดคิ้วหันกลับไปมองทางผู้อาวุโสที่รู้วิชาการแพทย์ดี
ผู้อาวุโสคนนั้นราวกับเข้าใจความหมายของหลินซีนเยียนก้าวมาด้านหน้าสองสามก้าวดมกลิ่นเบาๆพร้อมพูดว่า:”ดมดูแล้วคล้ายกับกลิ่นการสึกกร่อนที่สะสมมาเป็นเวลาหลายปีแต่ว่าคงจะไม่มีพิษอะไร”
ฟังเขายืนยันแล้วทุกคนก็สบายใจขึ้นมาหน่อย
หรงเย่ให้คนไปจุดคบไฟหันไปส่งสายตาให้ผู้ติดตามเสร็จแล้วก็เดินนำหน้าขึ้นไปทหารม้าของหลิงสู่เดินอยู่ข้างหลังพวกเขาตามที่ตกลงไว้แต่แรกเหมือนเดิมคนของหลี่อวิ๋นซ่านเดินตามมาสุดท้ายส่วนหลินซีนเยียนเพราะว่ามีความเกี่ยวข้องกับสถานะที่พิเศษนางก็เลยเดินอยู่ข้างๆหรงเย่
ที่เดินนำหน้าทั้งสองคนก็ยังมีผู้อาวุโสจากตระกูลหรงอยู่อีกสองคนยืมคบไฟที่พวกเขาถืออยู่เลยสามารถมองเห็นพื้นที่ด้านหน้าได้ประมาณสิบกว่าฟุตที่นี่คืออุโมงค์ยาวแห่งหนึ่งทั้งสองฝั่งของอุโมงค์มีตะเกียงน้ำมันที่เก่าแก่อยู่แต่ว่าน้ำมันได้มอดไหม้ไปหมดแล้วเพราะงั้นไฟก็เลยดับไปด้วย
พวกเขาเดินไปได้สักพักถึงจะผ่านอุโมงค์มาถึงภายในถ้ำที่กว้างขวางในถ้ำยิ่งใหญ่ตระการตาหลายคนชูคบไฟสูงขึ้นก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
หรงเย่ให้คนของเขากระจายตัวออกไปทั่วทุกทิศทางผู้อาวุโสไม่กี่คนก็แยกกันออกไปแต่ละคนต่างก็ไปตามหาสุดขอบถ้ำแต่ว่าถ้ำแห่งนี้ใหญ่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มากพวกเขาชูคบไฟขึ้นกระจายตัวออกไปก็ยังคงไปไม่ถึงขอบถ้ำยิ่งทำให้แสงสว่างจากคบเพลิงเกือบจะเผยให้เห็นสถานที่ต่างๆที่ทุกๆคนอยู่
”คนจากตระกูลหลิงจงฟังคำสั่งข้าตามไป”ในเวลาสำคัญหลิงสู่ก็ไม่กล้าไปเสี่ยงอันตรายโดนพลการดังนั้นตอนที่คนของตระกูลหรงแสงไฟค่อยๆห่างหายไปก็รีบให้คนของตนเองกระจายตัวออกไป
เพียงแต่ถ้ำแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือคณานับหลังจากที่คนของตระกูลหลิงตามไปแล้วก็ยังคงไปไม่ถึงจุดสิ้นสุดช่วยไม่ได้หลี่อวี๋นซ่านเลยได้แต่ให้คนของตนกระจายตัวออกไปด้วย
ก็เป็นเช่นนี้แทบจะทุกคนต่างก็ชูคบเพลิงขึ้นคนแล้วคนเล่าต่างก็กระจายตัวออกไปราวกับไฟฉายที่เคลื่อนไหวค่อยๆเผยให้เห็นเค้าโครงร่างทั้งหมดของถ้ำแห่งนี้
และแล้วหลังจากที่ทุกคนกระจายตัวออกไปในที่สุดคนที่อยู่หน้าสุดก็พบเข้ากับจุดสิ้นสุดของถ้ำ
เพียงแต่ในตอนที่แสงของคบไฟส่องสว่างไปทั่วทั้งถ้ำกลับทำให้ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังเพราะว่าถ้ำแห่งนี้ก็แค่ถ้ำถ้ำหนึ่งก็เท่านั้นข้างในไม่มีอะไรเลยนอกเสียจากเสียงสะท้อนที่ว่างเปล่าราวกับไม่มีสิ่งอื่นใดอีกที่คุ้มค่าต้องพิจารณาอีกอย่างรอบๆถ้ำก็ไม่มีทางเข้าอื่นราวกับที่นี่คือสุดทางของถ้ำแล้ว
”แม่นางหลินเจ้าว่าอย่างไร?”หรงเย่ถามพลางขมวดคิ้ว
เวลานี้มีแค่หรงเย่หลิงสู่หลี่อวี๋นซ่านและหลินซีนเยียนที่อยู่ใจกลางของถ้ำพอหรงเย่ถามขึ้นมาแบบนี้คนอื่นๆก็หันมามองหลินซีนเยียนเป็นตาเดียวกัน
หลินซีนเยียนไม่ได้รีบตอบคำถามนั้นแต่กลับเดินสำรวจทั่วทั้งถ้ำผ่านไป สักพักนางถึงจะย้อนถามว่า:”พวกท่านไม่รู้สึกว่าถ้ำแห่งนี้มันว่างเปล่าจนน่าแปลกไปหน่อยหรอ?”
”ยังต้องให้พูดอีกรึไง?”หลิงสู่ยิ้มหึออกมารอบหนึ่ง”ตั้งแต่กำแพงหินเข้ามาถึงในถ้ำแห่งนี้ล้วนยากเย็นแสนเข็ญแต่ในถ้ำนี้กลับไม่มีอะไรเลยแน่นอนว่ามันแปลกมาก!ถ้ำแห่งนี้ใหญ่โตขนาดนี้หากว่าภายในเก็บซ่อนไว้คือทองคำนั่นก็เป็นสมบัติมหาศาลแต่ว่าพวกเจ้าดูสิตอนนี้ไม่มีอะไรอยู่เลยแสดงว่าจะต้องมีใครก่อนหน้านี้เอาออกไปจนหมดแน่”
ในคำพูดของหลิงสู่แฝงความสงสัยหลินซีนเยียนว่ามาที่นี่ก่อนล่วงหน้าจากนั้นก็ขนสมบัติออกไปจนหมด
”นายใหญ่หลิงนี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ท่านสงสัยข้า?”สีหน้าของหลินซีนเยียนบึ้งตึง”หากว่าท่านยังคงทำท่าสงสัยอยู่อย่างนี้ถ้างั้นข้าก็ขอเชิญท่านออกไปเดินดีๆไม่ไปส่งสิ้นสุดการร่วมมือกันเพียงเท่านี้!”
ตั้งแต่ที่หลินซีนเยียนร่วมมือกับสามตระกูลเป็นต้นมานี่เป็นครั้งแรกเลยที่พูดจารุนแรงเช่นนี้ทำให้หลายคนตกใจออกมาคนคนหนึ่งหากว่าท่าทางยามปกติดูแข็งแกร่งนั่นแสดงว่านางมีที่พึ่งพาแต่ที่พึ่งพาของหลินซีนเยียนล่ะคืออะไร?
”ยัยเด็กบ้าข้ายอมให้หน่อยเจ้าก็ได้ใจใหญ่!ถ้างั้นเจ้าก็พูดมาสิพวกข้ามาถึงที่นี่อย่างยากลำบากแต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลยมันคืออะไรนอกจากเจ้ายังจะมีคนอื่นสามารถเข้ามาที่นี่ได้อีก?”หลิงสู่ยังคงซักไซร้ต่อ
หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะกลอกตาขึ้นบนถอนหายใจลงต่ำ:”ความตกต่ำของตระกูลหลิงที่แท้ก็มีเหตุผลหลิงสู่ทำไมท่านไม่คิดๆดูก่อนหน้าที่พวกเราจะเข้ามาหินที่อยู่บนหน้าผานั้นแตกกระจายออกมานั่นแสดงว่าในถ้ำเกิดการแยกตัวหินและกำแพงหินพวกนั้นก็เลยแตกออกพอแตกออกแล้วก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งเดียวถ้ำแห่งนี้จะแยกตัวได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น!หากว่ามีคนมาที่นี่ก่อนแล้วจริงๆท่านคิดว่าตอนที่พวกเรามาถึงกำแพงหินนั่นจะยังดีๆอยู่หรอ?”
คำพูดของหลินซีนเยียนราวกับเตือนสติเวลานั้นทุกคนต่างก็ฉุกคิดขึ้นมาได้จำเป็นต้องบอกว่าคำอธิบายของนางนั้นมีเหตุมีผล
หรงเย่ก็พยักหน้าแล้วพูดต่อ:”ถูกแม่นางหลินพูดมีเหตุผลยิ่งนักหลิงสู่เจ้าเลิกเอะอะได้แล้วมาดูว่าที่นี่ตกลงว่าเก็บซ่อนสิ่งใดไว้ดีกว่าแล้วก็แม่นางหลินนั้นเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลหรงของข้าแม้แต่ตระกูลหลิงของเจ้าเห็นแก่หน้าตระกูลหรงของข้าอย่าได้ทำอะไรมากเกินไปกว่านี้อีกเลย”
จิ้งจอกแบบหรงเย่ในเวลาแบบนี้ดันเลือกที่จะให้หลินซีนเยียนขึ้นเวที
แต่ว่าในความคิดของหลินซีนเยียนมันช้าไปหน่อยแล้วหากว่ามีใจคิดจะช่วยนางจริงทำไมเมื่อกี้ที่หลิงสู่อ้าปากพูดถึงไม่ออกมาตอนนี้หลินซีนเยียนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเสร็จแล้วถึงจะออกมาพูดนี่มันช้าไม่ทันการชัดๆ
หลิงสู่หัวเราะเหอะออกมาหันหลังใส่พวกเขาไม่กี่คนและไม่พูดอะไรอีกราวกับกำลังสำรวจถ้ำแห่งนี้อยู่
หลินซีนเยียนส่ายหน้าแล้วก็มองไปรอบๆเช่นกันเพียงแต่ถ้ำแห่งนี้มันช่างว่างเปล่าเสียจริงๆว่างซะจนคิดว่าน่าจะไม่พบเจอสิ่งผิดปกติใดๆ
ทันใดนั้นไม่รู้ว่าลมมาจากไหนทำให้คบไฟทั้งหมดต่างก็ดับลงในพริบตาแต่ว่าโชคดีทุกๆคนรีบควักตะบันไฟออกมาจุดคบไฟใหม่อีกครั้ง
”ใครเป็นคนทำ?”
คบไฟได้จุดขึ้นใหม่อีกครั้งเสียงแรกที่แผดดังออกมาก็คือหลิงสู่เขาตาแดงก่ำมองดูกองเลือดสีแดงสดที่อยู่แถวๆเท้า
ทุกคนยังไม่ทันเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นก็เห็นหลิงสู่ชี้ไปที่กองเลือดกองนั้นแล้วตะคอกถาม:”ผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลหลิงของข้าหายไป!เป็นฝีมือใคร?”