ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 60
ตอนที่ 60 มีเรื่องกับคนเลว
โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นมาอยากจะตีให้เธอสลบ ในขณะที่ยกมือขึ้นมากลับหยุดชะงักเอาไว้ สุดท้ายเขาก็ ถอนหายใจ “ช่างเถอะ พิษของยากำหนัด หากจะถอนก็ ถอนได้ไม่ยาก แต่เจ้าเป็นสตรีของข้า ครั้งนี้ ข้าจะเป็นยา ถอนพิษให้เจ้า”
ภายในห้อง เกิดเหตุการณ์กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขึ้น ท่ามกลางความคลุมเครือ
ไม่ว่าใครเห็นว่าม่านผืนใหญ่ได้คลุมรอบเตียงไปเมื่อใด ในช่วงเวลานั้น นัยน์ตาของหลินซีนเยียนได้สะท้อนเป็น เงาของภาพนั้นได้อย่างชัดเจน
โชคดี โชคดี เธอได้ใช้เศษแก้วในมือสร้างความเจ็บ ปวดเพื่อทำให้ตนเองได้สติ จึงได้แสดงละครให้ โม่จื่อเฟิง เห็นแผนทรมานร่างกายตัวเองหนึ่งฉาก โชคดี โชคดี ที่
เขามาทันเวลา
เธอรู้ว่าอ่องอู่เสวียนเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายมาก ย่อมไม่เชื่อใจใครง่ายๆ ในขณะที่เธอขาดสติการรับรู้ และใช้โอกาสนั้นในการสารภาพรักไปก็ยังไม่ทำให้ใจ ของชายผู้นี้ที่แข็งราวกับเหล็กกล้าอ่อนลงได้ แต่ทว่า.. เธอไม่สน เดิมทีแล้วเธอก็ไม่ได้ทำเพื่อจะได้หัวใจของเขา ที่เธอต้องการมีสิ่งเดียวนั่นก็คือความเชื่อใจจากเขา
ได้ความเชื่อใจก็ยังดูง่ายมากกว่าได้ความจริงใจจาก
เขา
เหล่านักพรตหญิงในวัดลัทธิเต๋าที่ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเพียงบุรุษรูปร่างผู้หนึ่งใช้กระบี่ยาวบุกเข้า มา แต่ละคนจึงตกใจจนหน้าซีด
เสียงร้องของพวกนางได้ปลุกคนที่กำลังพักผ่อนอยู่จน ตื่นขึ้นมา ผ่านไปไม่ได้นาน ด้านในวัดก็มีเหล่าสตรีเดิน หาวหวอดออกมายืนรวมตัวกัน พอเห็นศพเพื่อนของ ตนเองนอนตายอยู่กลางห้อง ทุกคนก็ตกใจจนความง่วง หายเป็นปลิดทิ้ง
“อากกกก! “พวกนางตกใจจนส่งเสียงร้องออกมา นักพรตหญิงแก่เดินฝ่าวงล้อมเข้ามากลางห้อง เห็น นักพรตหญิงคนหนึ่งถูกบีบคอจกหัก นางก็โกรธเป็นฟืน เป็นไฟแล้วชี้ไปยังบุรุษที่ถือกระบี่ยาวที่อยู่ตรงเดินทาง “มารนหาที่ตายหรืออย่างไร รู้หรือไม่ว่าสถานที่แห่งนี้เป็น ของผู้ใด?”
“รนหาที่ตายรีส์?”จินมู่แค่นเสียง ถือกระบี่ยาวในมือสูง ขึ้น “เช่นนั้นแล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นคนของผู้ใด?”
นักพรตหญิงน้อยคนก่อนหน้าที่เจอหลินซีนเยียนอยู่ที่ หน้าประตูเห็นเช่นนั้น นางจึงดึงกระโปรงของนักพรต หญิงแก่แล้วเอ่ยขึ้น “คนผู้นี้เป็นพี่ใหญ่ของนางสตรีผู้นั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีวรยุทธด้วย”
“ข้าต้องสนด้วยหรือว่าเจ้าเป็นผู้ใด ในเมื่อกล้ามา ทำลายที่นี่ของพวกเรา เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! “นักพรต หญิงแก่ยึดอกฝั่งผาย มองไปยังจินมู่ราวกับอยู่เหนือกว่า แล้วตะโกนนักพรตหญิงอยู่ยืนอยู่ด้านหลัง “พวกเจ้ายังไม่ จัดการคนผู้นี้อีกรี?”
เมื่อตั้งใจมอง ที่แท้นักพรตหญิงเหล่านั้นก็ไม่เหมือนกับคนอื่น เหล่าสตรีของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวอายุ ประมาณ 20 ปีกว่า แต่มีเพียงนักพรตหญิงเหล่านั้นที่ มีอายุมากกว่า 30 ปี รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกับคนอื่น ตอนนี้มองดูพวกนางราวกับเป็นมือสังหารในวัดลัทธิเต๋า แห่งนี้ จะเป็นแม่นางรับแขกทั่วไปได้ที่ไหนกัน
พวกนางเดินมาล้อมตัวจินมู่ แต่น่าเสียดาย พวกนางยัง ไม่ได้ลงมือ เพียงได้ยินจินมู่ตะเบ็งเสียงร้องดังสนั่น แล้ว ถือกระบี่ยาวบุกเข้าไปหา พวกนางก็ตระหนักได้ว่า บุรุษผู้ นี้ไม่ใช่คนที่พวกนางจะรับมือไหว
ผ่านไปไม่นาน พวกนางก็ถูกฟาดฟันจนนอนจมกอง
เลือดอยู่บนพื้น แขนขาที่ถูกตัดขาดได้กระเด็นตกไปอยู่
กึ่งกลางของเหล่านักพรตหญิง ทำให้คนหลายคนที่ขึ้
ขลาด เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจจนเป็นลมล้มพับไป
จินมู่เป็นทหารที่เคยออกศึก ตัวของเขาเองก็กลิ่นอาย ของความกระหายเลือดอยู่ ภาพตรงหน้าทำให้เหล่า นักพรตหญิงที่ยังรอดอยู่ก้มหน้าคุกเข่าร้องขอชีวิต
นักพรตหญิงแก่ตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว นางชี้ไป ที่เขา “จะ เจ้า เจ้ากล้าฆ่าคนของพวกเรา นายท่านของข้า ต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่! หากเจ้าไปซะตอนนี้ พะ พวกเรา จะถือว่าแล้วกันไป.”
“คุยโวโอ้อวด! ไม่ว่านายท่านของเจ้าจะเป็นผู้ใด กล้า มามีเรื่องกับคนของนายท่านข้าล้วนไม่ตายดี!”จินมู่ถ่ม น้ำลายลงพื้น เอานายท่านมาข่มขู่? ใครกลัวใคร? ชื่อ เสียงของอ่องอู่เสวียน นอกจากท่านผู้นั้นที่อยู่ในวังหลวง ยังจะมีใครกล้ามาหาเรื่องอีกรี?
” เจ้า นายท่านของเจ้าเป็นผู้ใด? “นักพรตหญิงแก่สุดอยากจะรู้ว่านายท่านของคนผู้นี้เป็นผู้ใด
จินมู่แค่นเสียง เอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัด”อ๋องอู่ เสวียน”
เพียง 3 คำนี้ เกิดเป็นเสียงที่ดังก้องกังวานจนทำให้ นักพรตหญิงแก่ตกใจจนเข่าอ่อนทรุดลงกองกับพื้น! ใน วินาทีนั้น นางรู้ว่า ทุกอย่างของที่นี่ต้องจบเห่ จบเห่แน่ นางง้างมือตบหน้านักพรตหญิงน้อยที่อยู่ด้านข้างจนดัง สนั่น “นางโง่ เจ้าก่อเรื่องไว้ได้ดีจริงๆ ไปหาเรื่องใครไม่หา ดันไปหาเรื่องท่านผู้นั้น! ”
“ขะ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร…”นักพรตหญิงน้อยรู้สึกผิด อย่างมาก นางคลานไปหาจินมู่เพื่อร้องขอชีวิต” พี่ชาย ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ พวกเราเพียงทำตามคำสั่ง เท่านั้น ไม่ได้ทำกันเอง พี่ชาย น้องสาวของเจ้าอยู่ในห้อง นั้น ตอนนี้เจ้าเข้าไปช่วยนางได้ บางที อาจจะยังทัน..
ถึงตอนนี้พวกนางก็ไม่รู้ว่า โม่จื่อเฟิงได้เข้าไปในห้องนั้น แล้ว น่าเสียดาย หากรอจนถึงตอนนี้ คงจะช่วยไม่ทันแน่
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่านางไม่ได้พูดปด ประตูห้องนั้นก็ ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
โม่จื่อเฟิงกำลังลุ่มหลินซีนเยียนค่อยๆ ก้าวเดินออกจาก ห้อง เพียงเขาเดินก้าวเท้าออกมาจากประตูด้วยท่าทาง องอาจก็ทำให้คนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว
“จินมู่ ทำไมถึงช้าอย่างนี้ ก็แค่จัดการเศษขยะที่นี่ เจ้า ถึงต้องเสียเวลาไปมากขนาดนี้”เมื่อ โม่จื่อเฟิงเอ่ยปากก็ มองไปยังกองเลือดอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเพียงอุ้มหลิน ซีนเยียนที่หมดสติอยู่เดินออกไปข้างนอก
การปรากฏตัวของเขา ทำให้คนที่ยังรอดชีวิตอยู่กลับ ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังอย่างมาก บุรุษผู้นี้เห็นชีวิตคนเป็น ผักเป็นปลา เขาไม่ลังเลที่จะสังหารพวกนางทั้งหมดที่นี่
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ!”จินมู่ก้มหน้ายอมรับผิด “ท่าน อ่อง พวกนางยังมีคนที่อยู่เบื้องหลัง ต้องเหลือไว้เป็น พยานปากหรือไม่ขอรับ? ”
โม่จื่อเฟิงแค่นเสียง “จะเหลือไว้ทำไม? เป็นเพียงแค่ นักพรตหญิงสกปรก ทำไม คนของข้าไปสืบหาคนที่อยู่ เบื้องหลังไม่ได้เลยรี?
“ท่านอ่องกล่าวได้มีเหตุผล”เมื่อจินมู่ได้ยินดังนั้น ก็หมุน ตัวเดินไปหานักพรตหญิงเหล่านั้น
โม่จื่อเฟิงอุ้มหลินซีนเยียนเดินออกจากประตูหลังไป โดยไม่สนใจเสียงร้องอย่างเจ็บปวดที่ส่งมาจากด้านหลัง อีกเลย
ในค่ำคืนนั้น หลินซีนเยียนนอนหลับไม่สบายเท่าไร เธอ ฝันเห็นคนในวัดลัทธิเต่าโดนฆ่าไม่เหลือเลยสักคน ทุกหน ทุกแห่งมีแต่เลือดสดนองพื้น แขนขาที่ถูกตัดขาด และ เสียงร้องอย่างเจ็บปวด..
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็เป็นยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นแล้ว เสียงเรียกปลุกที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้นแล้วกวาดตามองไปทั่วก็พบว่าตนเองอยู่ ในห้องที่ไม่คุ้น ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเท่ากับเห็นใบหน้าของอี้ เชิงที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“พี่”เสียงของอี้เซิงบ่งบอกถึงความดีใจและความรัก พอเห็นเขา หลินซีนเยียนก็วางใจและโล่งอก “เด็กดี”
“พี..”้เชิงเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับรู้สึกลังเล
“มีอะไรรี? “หลินซีนเยียนพยายามส่งยิ้มไปให้เขา
อี้เชิงลังเลอยู่สักพัก ก็ชี้ไปทางปากประตู “ตาแก่หัว โล้นคนนั้นบอกว่าพี่เป็นตัวกาลกิณี!” ตาแก่หัวโล้นอะไร? ตัวกาลกิณีอะไร? หลินซีนเยียน
ไม่เข้าใจที่เขาพูด ในใจกลับรู้สึกสงสัยอย่างมาก