ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 82
ตอนที่ 82 รุนหาความตาย
ใบแก้มของนางเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าไร
อี้เซิงทดสอบลมหายใจ เห็นว่านางไม่ตอบสนอง จึงเริ่ม ร้องไห้ด้วยความกังวลขึ้นมาอีก แต่ทว่าในยามที่น้ำตาเข้า ใกล้จะร่วงหล่น หลินซินเยียนกลับรู้สึกตัวและเช็ดน้ำตาใสๆ ที่หางตาของเขาแทน
อิ้ม ข้าไม่เป็นไร ข้าเพียงแต่กำลังใช้ความคิด ว่าต้องทำ อย่างไรตนเองจึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่พอข้า ได้คิดตลอดทั้งคืน จึงรู้สึกว่านอกจากความสามารถในการ สร้างอาวุธของตัวข้าแล้ว ในด้านอื่นๆก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ เรื่องเลย โชคดี..ที่ตอนนี้หลายๆอาณาจักรมีท่าทีสงบสุข แต่ เบื้องลึกกลับเป็นกระแสน้ำเชี่ยว ขอเพียงแค่ข้าได้โอกาส ข้า ก็สามารถกลายเป็นบุคคลที่ไม่สามารถขาดแคลนได้เหมือน กัน
น้ำเสียงของนางฟังดูเหมือนสงบ ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งจาก ผ่านประสบการณ์อันดำมืดในค่ำคืนที่ผ่านมา ในบางที ขอ เพียงเป็นคนหัวใจแกร่ง ก็จะสามารถเผชิญความหวาดกลัว ได้ทุกอย่าง
อี้เซิงยังเด็กจึงยังไม่เข้าใจความหมายของนางมากนัก แต่ กลับมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคำว่าการสร้างอาวุธ “พี่ สาว ท่านบอกว่าท่านสามารถสร้างอาวุธได้?”
“ใช่ ข้ายังเชี่ยวชาญอีกด้วย” หลินซินเยียนลูบศีรษะของอี้เชิง ทำให้หัวใจของอี้เซิงพลันอบอุ่นขึ้น
“พี่ ท่านแตกต่างจากหญิงสาวที่สร้างภาพจิตใจดีเหล่านั้น อย่างที่คาดไว้” อี้เซิงกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “พี่สาว ถ้าเช่น นั้นพวกเราจะไปหาคนที่จะสนับสนุนท่านทำอาวุธได้ อย่างไร?”
หลินซินเยียนหัวเราะพลางกล่าวว่า “ภูเขาไม่มาหาเรา เราก็ ไปหาภูเขา”
ประโยคที่นางกล่าวมีความหมายแสนลึกล้ำ นางกลับไปที่ ห้อง และด้วยความพยายามชั่วครู่ก็เดินออกมาในรูปลักษณ์ ของลูกผู้ดีที่หล่อเหลา
เอ้อร์ยาที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นคนแปลก หน้าจึงร้องตะโกนเสียงดัง “คุณชายสุดหล่อ” พลันตกใจจน น้ำแกงรดหกใส่มือ แต่สักพักนางก็กรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา “พี…พี่สาวววว”
หลินซินเยียนแต่งกายเปลี่ยนเป็นบุรุษ เค้าโครงบนใบหน้า ก็ใช้วิชาแต่งหน้าต่อเติมเสริมแต่ง นอกเสียจากเป็นคนที่คุ้น เคยแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะพบความจริงว่านางเป็นสตรี อีก ทั้งบังเอิญโชคดี ในตอนที่นางย้ายมาที่เรือนหลังนี้ก็ได้เตรียม เสื้อผ้าบุรุษไว้หลายชุด เพราะมันคงไม่สะดวกเท่าไหร่สำหรับ สตรีที่จะออกไปเที่ยวเป็นครั้งคราว การใส่เสื้อผ้าบุรุษช่วย ลดปัญหาไปได้เยอะ
นางพบเสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่ง หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยก็ ออกไปข้างนอก และได้สั่งให้เอ้อร์ยาดูแลอี้เซิงให้ดี แต่เพราะ ว่าเอ้อร์ยาและอี้เซิงรู้สึกกังวลจึงอยากจะตามไปแต่ทว่านาง ปฏิเสธ มีธุระบางอย่างที่นางต้องไปจัดการคนเดียว หากพาเด็กไปด้วยอีกสองคนรังแต่จะไม่สะดวก เอ้อร์ยาและอี้เซิงไม่ อาจเปลี่ยนใจนาง จึงได้แต่ยอมปล่อยให้ไป
เมืองเฟิ่งชีในยามกลางวันนั้นคึกคักอย่างมาก หลังจากที่ ทำความคุ้นเคยอยู่หลายวัน นางก็มีความคุ้นเคยเมืองโบราณ นี้บ้างแล้ว แม้ว่าเมืองยุคโบราณจะเจิรญรุ่งเรือง แต่ในแง่ของ ขนาดและถนนหนทางกลับยังห่างไกลกับเมืองในยุคปัจจุบัน อย่างเทียบไม่ติด ด้วยสติปัญญาของนาง การจดจำถนน แต่ละสายกลับไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร
ทางทิศตะวันออกของเมืองเพฟิ่งชี มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน และครึกครื้นมากที่สุด อีกทั้งเป็นสถานที่ที่เส้นทางข่าวสาร แพร่ลือได้อย่างรวดเร็วที่สุด
หลินซินเยียนมาถึงตลาดแห่งหนึ่งที่ฝั่งทิศตะวันออก ใน ตลาดมี(ไผฟาง)ซุ้มประตูหนึ่ง บนซุ้มประตูนั้นมักจะมี ครอบครัวสกุลใหญ่มาติดประกาศต่างๆ มีทั้งการจ้างวานหมอ เทวดา จ้างวานอาจารย์วิทยายุทธ์ การซื้อ-ขายข้อมูล ข่าวสาร เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าสามารถจะทำได้ ก็อาจจะเห็น ประกาศที่ติดอยู่บนนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
นางยืนมองอยู่หน้าป้ายประกาศ มีการประกาศตามหาช่าง ฝีมืออย่างที่คิด แต่ทว่าในวันนี้นางไม่ได้มาเพื่อหางาน ดังนั้น นางจึงได้หยิบประกาศใบหนึ่งที่ได้เตรียมมา หลังจากนั้นจึง แปะลงไปอย่างไม่ลังเล
“สาส์นท้าประลอง?”
บุรุษผู้มีลักษณะปัญญาชนคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ อ่านตัว หนังสือบนประกาศของนาง สายตาฉายแววความประหลาด ใจในทันที
“น้องชายตัวน้อย นึกไม่ถึงว่าจะส่งสาส์นท้าประลองศาลา ความลับแห่งสวรรค์ด้วย?”
“ศาลาความลับแห่งสวรรค์คือสถานที่แบบใด ที่นั่นน่ะเป็น ดั่งศาลาเทพเซียนในสรวงสวรรค์ของเหล่าช่างฝีมือเชียวนะ น้องชายตัวน้อย ไม่ใช่ว่าสมองเจ้ามีปัญหาหรือ?”
“อาจจะใช่ เจ้าเห็นสาส์นท้าประลองที่เขาเขียนไหม ยัง กล่าวอีกว่าต้องการท้าทายฝีมือทุกคนในศาลาความลับแห่ง สวรรค์ ! บ้าไปแล้ว สมองน่าจะมีปัญหาไม่เบา ท่าทางก็ดู เหมือนปกติดีนะ แล้วทำไมจึงโง่เง่าเช่นนี้เล่า?”
“แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีบางคนกล้าจะส่งสาส์นท้าประลอง ศาลาความลับแห่งสวรรค์นะ เจ้าว่าคนจากศาลาความลับแห่ง สวรรค์จะออกมาไหม?
“พูดยาก เจ้าดูสิบนสาส์นท้าประลองยังกล่าวอีกว่า ถ้าหาก คนของศาลาความลับของสวรรค์ไม่ออกมาตอบรับการ ประลอง ก็นับว่าเป็นคนขี้ขลาดไร้ความสามารถ”
“ใช้วิธีการล่วงเกินรุนแรงไปก็เท่านั้น ช่างฝีมือของศาลา ความลับแห่งสวรรค์เองก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะติดกับดัก ง่ายดายขนาดนี้
ผู้คนโดยรอบพูดคุยถูกเถียงกัน มีเพียงใบหน้าของหลินซิน เยียนผู้เดียวที่กำลังยิ้มบางๆ หลังจากที่นางติดประกาศก็หัน กายจากไป อีกทั้งไม่สนใจที่จะโต้เถียงและอธิบายกับกลุ่ม คนเหล่านั้นที่กำลังถกเถียงกันอยู่
หลังจากสามวันนัดประลองที่ศาลาเฟิงอี ศาลาเฟิ่งอีเป็น สถานที่ที่เหล่านักวิชาการ หรือนักศึกษานิยมไปกัน นางเลือกสถานที่ดังกล่าวเพื่อตั้งใจจะสร้างแรงกดดันให้กับศาลาความ ลับแห่งสวรรค์ ท้ายที่สุดแล้วการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยทั้งวาจา และพู่กันหมึกของเหล่านักวิชาการและนักศึกษาก็ไม่ใช่สิ่งที่ ทุกคนจะสามารถรับได้
นางเองก็รู้ว่าวิธีการเช่นนี้เป็นการยกย่องอีกฝ่ายเกินจริง และนางก็รู้ว่าเหล่าบุคคลสำคัญในศาลาความลับแห่งสวรรค์ ไม่สามารถมาเผชิญหน้าประลองกับนางได้แค่เพียงเพราะ การแจ้งประกาศอย่างไม่เป็นทางการ แต่ทว่าศาลาความลับ แห่งสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่มาก คนภายในก็มากมาย และในที่ที่ ผู้คนมากก็ยิ่งมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่มักจะมีผู้เยาว์ อารมณ์ร้อนสักคนสองคนอดทนกับคนที่ยั่วยุไม่ไหวและ ปรากฏตัวมาทำห้าวกับนาง
เพียงไม่นาน ข่าวที่มีคนส่งสานสั้นท้าประลองถึงศาลา ความลับแห่งสวรรค์ก็ร่ำลือไปทั่วถนนทุกตรอกซอกซอยของ เมืองเฟิ่งชี
ภายในศาลาเฟิงอี บัณฑิตผู้หนึ่งสั่นหัวส่ายศีรษะไปมาใน ขณะที่ได้ยินไต้ซือรูปหนึ่งกำลังสนทนากับเสนาบดีฝ่ายซ้าย ไต้ซือรูปนั้นก็คือหลวงจีนเฒ่า**ที่ออกจาริกมาถึงเมืองเฟิ่งชี แม้ว่าจะไร้ชื่อเสียง แต่ยังได้รับการเคารพจากใต้เท้าฝ่าย ซ้าย ซึ่งพระพุทธศาสนาและวรรณกรรมดั้งเดิมมีจุดร่วม เดียวกันอยู่มาก ดังนั้นในยามที่สองคนสนทนาจึงดึงดูดผู้ฟัง หลายชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
มีคนลือมาว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์ถูกคนท้าประลอง ไต้ซือพลันตกใจ พยักหน้าหัวเราะกล่าวว่า สมกับที่เป็นเมือง หลวงของหนานเยว่ ผู้มีความสามารถปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
เป็นผู้มีความสามารถจริงหรือไม่จริงกลับยังไม่รู้แน่ชัด แต่ ในส่วนของความกล้าหาญนั้นทำให้ผู้คนประทับใจมาก หยิน ฉันเองก็กล่าวชื่นชม อีกทั้งผู้ท้ายังเลือกทำการประลองที่ศาลา เฟิงอี เดิมทีข้าและท่านไต้ซือได้สนทนากันไว้ว่าน่าจะหลัง จากนี้ประมาณสามวัน ถ้าเป็นเช่นนั้น นับว่าพวกเรามีเรื่อง สนุกให้ดู
ไต้ซือพยักศีรษะ “หลวงจีนเฒ่าอย่างข้าแม้จะไม่สนใจใน ด้านการสร้างอาวุธ แต่สรรพชีวิตกลับอาจต้องการได้ยินทั้ง สองคนกล่าวเช่นนี้ เหล่านักศึกษาหลายคนที่อยู่รอบๆก็ คึกคักขึ้นมาทันที แสดงท่าทีว่าสามวันหลังจากนี้ต้องการมา รวมตัวกันที่ศาลาเฟิงอีอีกครั้งอย่างแน่นอน
ภายในจวนอู่เซวียนอ๋อง โม่จื่อเฟิงในชุดหรูหราปักลายงู เหลือมสีดำกำลังอ่านจดหมายจากนกพิราบสื่อสาร จินมู่ ประสานมือคารวะและเข้ามาด้วยความลังเล ได้กราบทูลกับ เขาว่า ท่านอ๋อง ตอนเช้าของวันนี้แม่นางหลินแต่งกายเป็น บุรุษไปติดประกาศฉบับหนึ่งที่ตลาดทิศตะวันออก นางนาง ต้องการท้าประลองกับช่างฝีมือศาลาความลับแห่งสวรรค์ เรียนนายท่าน พวกเราต้องยับยั้งนางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?
โม่จื่อเฟิงเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองจินมู่โดยไม่กระพริบ แม้แต่ การแสดงออกบนใบหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาพลันแค่นเสียงเย็น ตัวเองรนหาที่ตาย ไยจะต้องไปขัด ขวางกันเล่า? ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตนเองมีความสามารถ ไม่เท่าไหร่ก็คิดว่ายอดเยี่ยมมากนักหรือ? ความสามารถที่แท้ จริงบนโลกใบนี้ จะมีสักกี่คนที่รอดมาได้?”