ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 88
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 88 ใครจะชนะ
ทั่วทั้งสนามเงียบกริบ เมื่อเกิดเสียงดัง “ปั๊ง!” เหลือเพียง ลูกสาลี่ที่ระเบิดออกจากกัน
สิ่งแปลกประหลาดที่เรียกว่าเข็มดอกแพร์ ชั่วพริบตาที่ ปะทะเข้ากับลูกสาลี่ก็พลันระเบิดออก ที่พุ่งออกมาจากข้าง ในมีลวดเหล็กหลายเส้น แล้วแยกลูกสาลี่ออกเป็นชิ้นๆ
เศษกระจุยกระจายของอดีตลูกสาลีลอยว่อนอยู่กลาง อากาศ กระทั่งในอากาศกลิ่นหอมบางๆของสาลี่ก็กำลัง ลอยโชยอยู่ ฉากอันน่าตกตะลึงนี้ ทำให้หลายๆคนที่มุง ดูอยู่อดไม่ได้ที่รูม่านตาจะหรี่หดลง สิ่งที่ดูเหมือนจะ 2 ธรรมดา แต่ว่าพลังทำลายนั้นกลับระเบิดออกในพริบตา ถ้าหากว่าโดนเข้ากับคน หรือแขนขาของคน แล้วผลหลัง จากนั้นล่ะ…
หลังจากที่ผู้คนหวาดกลัวไปพักหนึ่ง ยามที่มองหลินซิน เยียนอีกครั้ง ในดวงตาก็แฝงไว้ด้วยความตกตะลึงใจอย่าง ไม่สามารถปกปิดได้
สิ่งเล็กๆที่หน้าตาดูอัปลักษณ์ นึกไม่ถึงว่าจะมีอำนาจ ทำลายล้างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ราวกับนักวิชาการซึ่งจู่ๆก็กลาย เป็นผู้ก่อตั้ง อาณาจักรแม่ทัพที่ยับยั้งทัพทหารราบหนึ่ง ล้านนายไว้ได้ ด้วยพลานุภาพของหนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหาร หมื่นนายมิอาจกรายผ่าน ทำให้ผู้คนตกตะลึงแล้วตกตะลึง อีก
คิ้วของอินฉีขมวดแน่น ราวกับไม่เชื่อฉากที่เห็นเบื้องหน้าสายตา เขารู้ว่านางนันแข็งแกร่งมาก แต่คิด ไม่ถงวาจะ แข็งแกร่งได้ถึงจุดๆนี้!
อู่ฉือลุกขึ้นยืนด้วยความสั่นคลอนเดินไปยังเบื้องหน้า หลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ราวกับต้องการจะไปดูสาลี่ที่ระเบิด เป็นซากแล้วให้แน่ชัด เศษที่อยู่เต็มพื้นได้พิสูจน์ความเป็น จริงของฉากเมื่อสักครู่นี้ หลังจากนั้นอยู่นาน เขาขยับ กล่องเสียงเหมือนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับพบ ว่าตนเองนั่นไม่สามารถกล่าวอะไรได้เลย
เทียนหยุนชิงที่กำลังส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าไม่ เต็มใจที่จะยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้
กลับเป็นเทียนหยุนจือที่ใบหน้าซีดขาวอมเขียว จนใน ที่สุดเขากลับเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมา เขาเดินไปยัง เบื้องหน้าหลินซินเยียน โค้งมือคารวะและกล่าวว่า เจ้าชนะ แล้ว
“ชนะ….ชนะแล้ว…ในที่สุดอู่ฉือก็สามารถพูดออกมาได้ ที่แท้เขามีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเขาจึงลงเดิมพันชัยชนะข้างตนเองอย่างไม่ลังเล เขา ไม่ได้อาศัยโชคแต่เป็นความแข็งแกร่ง
ยุคที่เจริญรุ่งเรืองเช่นทุกวันนี้ แม้ในด้านสว่างจะมีอยู่ เพียงไม่กี่คน แต่ทว่าสายตาลอบกัดกลับมีมากมายอย่าง ยิ่งในที่แห่งนี้ ยามที่ผลแพ้ชนะปรากฏแพ้ชนะออกมาในที่ แห่งนี้ ภายในฝูงชนก็จะมีคนเร้นกายออกไปจากที่นี่อย่าง รวดเร็ว
คาดการณ์ได้ว่าในช่วงหลายวันนี้ ชื่อเสียงเรียงนามของเยว่อู่เหินจะร่ำลือไปทั่วขุมกำลังหลักขนาดใหญ่ของเมือง เพิ่งชี
แต่ทว่าหลินซินเยียน นางกลับไม่ได้ถูกชัยชนะครอบงำ จนเสียสติ นางเข้าใจถึงเหตุผลข้อนี้ดี คนไม่มีความผิด ผิด ที่ครอบครองหยก แม้นางจะมีความสามารถมากกว่านี้ หาก ไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเอง นางก็เป็นได้แค่ เนื้อชั้นเลิศชิ้นหนึ่งที่ตกอยู่ในวังวนการแย่งชิงของขุมกำลัง หลัก และไม่มีที่ว่างสำหรับการต่อต้านของตัวชิ้นเนื้อนั้น เมื่อวางแผนได้ไม่ดีในตอนจบก็จะตกเป็นผู้ที่ถูกเชือดเฉือน
ดังนั้น ในยามที่ผู้คนทั้งหมดต่างรับรู้ว่าศาลาความลับ แห่งสวรรค์ได้พ่ายแพ้แล้ว หลินซินเยียนกลับหัวเราะออก มาทันที นางยิ้มอย่างเจียมตัวพลันกล่าวกับเทียนหยุนจือว่า แม้ท่านจะปรากฏตัวโดยการเป็นบ่าว แต่ข้าทราบดีว่าท่าน ย่อมเป็นผู้ลงมือหลักในการแข่งขันครั้งนี้ ข้าน้อยได้ ชัยชนะ ทว่ากลับเป็นแค่ความโชคดี ที่จริงแล้วข้าน้อยมี คำขอที่อวดดี หวังว่าท่านจะช่วยสมปรารถนา”
นางถ่อมตนอย่างสุภาพ ในยามที่กล่าวออกมาทั้งโค้ง กายต่ำมาก ไม่ว่าใครก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
“คุณชายถ่อมตนไปแล้ว มีเรื่องอะไรก็เชิญกล่าวได้เลย” เทียนหยุนจือตอบกลับ
“ที่จริงแล้ว ในครั้งนี้ข้าน้อยทำเกินกว่าเหตุ ไม่มีอะไรมาก ไปกว่าเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ข้าน้อยทราบว่าศาลา ความลับแห่งสวรรค์คือสถานที่ที่ช่างฝีมือทุกคนล้วนคาด หวังที่จะไปร่ำเรียน ฉะนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ข้าน้อยเองก็ต้องการเข้าสู่พรรคของศาลาความลับแห่งสวรรค์” หลินซิ นเยียนประสานมือคารวะกล่าว
เข้าพรรคศาลาความลับแห่งสวรรค์!
เมื่อครู่เพิ่งจะกระทำการตีแสกหน้าไปหมาดๆ ตอนนี้กลับ มาบอกว่าจะเข้าสู่พรรคศาลาความลับแห่งสวรรค์ เมื่อได้ เห็นคำกล่าวเช่นนี้ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่เมื่อ ลองคิดดูให้ดี กลับรู้สึกว่าทำไมจึงจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ล่ะ?
ช่างฝีมือผู้หนึ่งแหงนมองศาลาความลับแห่งสวรรค์มา เนิ่นนาน เพื่อที่จะได้เข้าศาลาความลับแห่งสวรรค์จึงเค้น สมองคิดหาหนทางที่ดูคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ เมื่อเขาชนะ ศาลาความลับแห่งสวรรค์ ตัวเขาก็ทำให้ศาลาความลับแห่ง สวรรค์อับอายขายขี้หน้า แต่ถ้าหากเขาเข้าสู่พรรค เช่นนั้น ผลลัพธ์ก็ย่อมแตกต่าง เท่ากับว่าใบหน้าที่เคยถูกเหยียบ เขากลับประคองเก็บขึ้นมาให้ด้วยสองมือ
สำหรับศาลาความลับแห่งสวรรค์แล้วไม่เพียงไม่เสียหน้า แต่ยังไว้หน้าโดยการให้ทางลงที่ดีที่สุดอีกด้วย
“เจ้า…”คำว่า “ฝันไปเถอะ” ของเทียนหยุนชิงยังไม่ทันมี
โอกาสจะกล่าวออกมา ก็ได้ยินเทียนหยุนจือดักคำพูดของ
นางไว้ก่อน
“ตกลง! แต่ทว่าความสามารถโดยส่วนตัวของคุณชาย นั้นไร้ที่ติ เกรงว่าพวกเราไม่อาจจะเป็นอาจารย์ของท่านได้ เรื่องนี้ข้าจะกลับไปรายงานท่านประมุขพรรค เมื่อได้ฤกษ์ งามยามดี จะให้ผู้อาวุโสของพรรคเป็นเจ้าภาพพิธีกราบ ไหว้ท่านอาจารย์
“ที่ท่านกล่าวว่าจะรับข้าน้อย เชื่อถือได้หรือไม่?” หลินซิน เยียนยังคงไม่วางใจ
เทียนหยุนจือหยิบแผ่นป้ายโลหะสีทองโยนเข้าอ้อมแขน นาง “คำพูดของข้า เชื่อถือได้”
หลินซินเยียนพยักศีรษะ ข้างในใจมีความเชื่อมั่นกับตัว
ตนของบุคคลที่อยู่เบื้องอยู่หน้าหลายส่วน สามารถตัดสิน
ใจเช่นนี้ได้ ตำแหน่งในศาลาความลับแห่งสวรรค์ย่อมไม่ ต่ำต้อย มีการประกาศเชื้อเชิญของศาลาความลับแห่งสวรรค์ ซึ่ง เท่ากับนางค้นพบผู้สนับสนุนแล้ว เกรงว่าขุมกำลังทั้งหลาย เหล่านั้นที่ต้องการจะตะล่อมนางคงจะต้องคิดหนัก
สำหรับการแข่งขัน ในที่สุดศาลาความลับแห่งสวรรค์ที่ พ่ายแพ้สู่สายตาผู้คน กลับได้หน้าชนะปิดฉากในตอน สุดท้าย เรื่องเพียงหนึ่งเดียวที่หลายครอบครัวหลายสกุลมี ความสุขคือการลงเดิมพันในบ่อนพนัน ยามที่ผู้คนส่วน ใหญ่กลับไปเพราะพ่ายแพ้เงินตำลึงและเสียใจในการ ตัดสินตอนแรก
เทียนหยุนจือเดินนำเทียนหยุนชิง เมื่อตัวเอกลาเวที ผู้คน ก็ค่อยๆแยกย้ายกันไป
เดิมที่หลินซินเยียนอยากจะติดรถม้าของอู่ฉือกลับเข้า เมือง แต่ทว่าอินฉีก็เชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร บอกว่าต้องการ จะออกไปสังสรรค์เล็กน้อย ต่อหน้าอินฉีอู่ฉือก็ไม่กล้าที่จะ ออกความเห็นมากนัก ดังนั้นจึงหลบฉากไปก่อนอย่างรู้ งาน/รู้กาลเทศะ
ในดงต้นพลัม เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน
อินฉีไล่คนที่อยู่รอบๆกาย หลังจากนั้นจึงเดินมายังข้าง กายของหลินซินเยียนหยิบลวดเหล็กที่เหลือขึ้นมาจากพื้น คิดไม่ถึงว่าแม่นางจะสามารถประดิษฐ์อาวุธได้ ช่างทำให้ ผู้คนแปลกหูแปลกตาเสียจริง
เขามองออกอย่างที่คาดไว้
“ทำให้ใต้เท้าอินต้องขบขันเสียแล้ว” ในเมื่อถูกเขารู้ทัน เล่ห์เหลี่ยม หลินซินเยียนกลับไม่ปิดบังอีกต่อไป
“อู่เซวียนอ่อง ดีกับเจ้าหรือไม่?” อินฉีที่ดูเหมือนกำลัง มองลวดเหล็กด้วยความตั้งใจโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา กลับเอ่ยคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า อย่างกะทันหันโดยไม่คาดคิด
“เอ่อ….” หลินซินเยียนรู้สึกว่าคำถามนี้ มันไม่ใช่ว่าความ
สัมพันธ์ของพวกนางจะถามได้ เขาและนาง แม้แต่สหายก็
ไม่สามารถเป็นได้ มิใช่หรือ?
อินฉีกลับหัวเราะออกมาในทันที หลังจากที่วางลวดเหล็ก นั้น ก็พลันเงยหน้าขึ้นมา “ข้าวู่วามไปเสียแล้ว เพียงแค่รู้สึก ว่าอย่างแม่นางซินเยียน ไม่ควรจะเป็นเพียงแค่สาวใช้อุ่น เตียง”
เป็นครั้งแรก ยามที่เขาเอ่ยถึงนางจากแม่นางหลินได้ เปลี่ยนเป็นซินเยียน การเปลี่ยนคำเรียกขานได้แสดงถึง ท่าทีในการพูดคุยของเขา
“ในบางเรื่อง ไม่มีคำว่าควรหรือไม่ควร แท้จริงก็เป็นเช่นนี้คำกล่าวที่ดูเหมือนจะไม่มีความหมาย” ในน้ำเสียงของหลิน ซินเยียนฟังดูเหมือนไม่ปรากฏถึงความอ้างว้าง ความโดด เดี๋ยวของนางไม่อาจจะให้ผู้อื่นพบเห็นได้โดยง่าย