ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 90
เนื่องจาก ACC Google Drive บินไปหลาย Email
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่90 เมามาย
ค่ำคืนนั้น หลินซินเยียนนอนหลับโดยสงบอย่างน่า ประหลาดใจ บางทีอาจเป็นเพราะทราบถึงสาเหตุที่โม่ จื่อเฟิงจะไม่มาตามหานางกระมัง ถ้ารู้ว่าเขาจะมา ในทาง ตรงกันข้ามนางคงจะว้าวุ่นใจ
เพียงแต่เมื่อยามฟ้าสาง ยามที่นางรู้สึกถึงร่างกายอัน ร้อนรุ่มที่อยู่ข้างๆ นางถึงกับตกใจโดยไม่ทันตั้งตัว
โม่จื่อเฟิงอยู่ข้างกายนาง? เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
นางค่อยๆลุกขึ้นย่องโดยที่ไม่ปลุกเขา หลังจากที่เก็บ ของให้เรียบร้อยเหมาะสมก็ออกมานอกห้อง จึงสั่งให้เอ้อร์ ยาไปซื้อกว้านทั้งเปาที่ตรอกแห่งนั้น กว้านทั้ง เปา(ซาลาเปาน้ำซุป)ที่นั่นเป็นร้านเก่าแก่ รสชาติต้นตำรับ ตัววัตถุดิบก็ยังเป็นของแท้สมราคา หลังจากที่หลินซิน เยียนเคยกินอยู่หลายครั้งก็รู้สึกได้ว่ามันอร่อยไม่เลว ใน ภายหลังจึงมักจะถือโอกาสไปดูกิจการบ่อยๆ
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูง โม่จื่อเฟิงที่นอนหลับอยู่ในห้องก็ ตื่นขึ้นมาในที่สุด ขณะที่เขากำลังตื่น องครักษ์ที่ไม่รู้ว่า โผล่มาจากไหนก็ได้เตรียมเสื้อผ้าที่ซักสะอาดเรียบร้อย แล้วส่งเข้าไปให้เปลี่ยน
สำหรับองครักษ์ที่มักจะปรากฏตัวอย่างลึกลับเหล่านั้น
หลินซินเยียนนั้นเคยชินเสียแล้ว ดังนั้นในช่วงที่โม่จีื่อเฟิง
ปรากฏกายที่นี่ นางก็จะเริ่มสวมบทบาทเป็นสาวใช้อุ่นเตียง
ที่ปฏิบัติอย่างใส่ใจใกล้ชิด
ในยามที่โม่จื่อเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา หลินซช็นเยียน ก็ได้ยินรออยู่ด้านหน้าประตูห้องอย่างน่าเอ็นดู ท่านอ่อง เพคะ ได้ซื้อซาลาเปาน้ำซุปมาไว้แล้ว กำลังอุ่นอยู่ที่ครัว หม่อมฉันจะไปเรียกให้เอ้อร์ยาจัดขึ้นสำรับนะเพคะ
โม่จ่อเฟิงไม่ได้กล่าวอะไร สื่อความหมายถึงการอนุญาต
ดังนั้นหลินซินเยียนจึงย่อกายคำนับเพื่อไปเรียกเอ้อร์ยา เมื่อเสร็จการกระทำดังกล่าว แม้แต่นางเองก็ค่อนข้าง แปลกใจ ความสามารถในการปรับตัวของตนช่างยอด เยี่ยม แม้กฎเกณฑ์จะน่ารำคาญแต่นางก็ยังเรียนรู้ได้อย่าง เป็นรูปเป็นร่าง
บนโต๊ะอาหาร โม่จื่อเฟิงคือเจ้านาย พวกนางล้วนไม่ใช่ ฉะนั้นในขณะที่เขากำลังรับประทานอาหาร ต้องรอจนหลัง จากที่เขาทานเสร็จพวกนางจึงจะกินได้
โม่จื่อเฟิงกัดซาลาเปาน้ำซุปเข้าไปหนึ่งคำ คิ้วที่ขมวดมุ่น ขยายออกชั่วขณะ เหมือนกับว่าเขากำลังคิดอะไรออก พลันเงยหน้าขึ้นมามองหลินซินเยียนแล้วกล่าวว่า “นั่งลง ทานสิ”
หลินซินเยียนตกตะลึง ทว่ากลับไม่ได้ขยับ “หม่อมฉัน เป็นบ่าว”
“เจ้าเคยคิดว่าตนเองเป็นบ่าวด้วยหรือ?” ถึงแม้นางจะ แกล้งทำจนเหมือนมาก แต่ทว่าในสายตาของนาง ไม่เคย คิดว่าตนเองเคยเป็นบ่าวเลยสักครั้ง
หลินซินเยียนไม่อยากที่จะพูด เมื่อโม่จื่อเฟิงเรียกอีกครั้งนางจึงตอบ พวกเราเคยทานร่วมกันเพคะ ความทะนงตน ของนางทำให้ไม่สามารถยอมรับการปฏิบัติราวกับให้ทาน เช่นนี้ นางไม่มีวันลืมว่าเมื่อครั้งก่อนเขาทำให้นางไร้ คุณสมบัติที่จะทานข้าวร่วมกับเขา
เช่นนั้นก็มาทานอีกสิ โม่จื่อเฟิงเริ่มมีโทสะ สตรีผู้นี้แม้ว่า ผิวเผินจะดูเหมือนยอมจำนน แต่ทว่าข้างในยังคงเป็นสตรี ผู้นั้นที่เขาพบเจอในครั้งแรก ในแววตาของนาง เหมือนกับ ไม่มีรู้เรื่องชนชั้นฐานะ
หลินซินเยียนทำท่าทางปากยื่นแต่ก็ไม่กล้าที่จะต่อต้าน จึงต้องมานั่งลง หยิบซาลาเปาที่ปกติมักจะชอบทานแต่ ตอนนี้กลับไม่มีความอยากอาหาร บางทีซาลาเปาน้ำซุปที่ ทานมาตั้งนานควรจะได้เวลาเปลี่ยนรสชาติบ้างแล้ว
ในขณะที่ทานข้าว คนทั้งสองไม่ได้สนทนากัน โม่จื่อเฟิ งกลับดูเหมือนไม่ได้รังเกียจซาลาเปา กลับยังทานหมด อย่างรวดเร็ว เขาพลันเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่มีสิ่งใดที่อยากจะ ถามข้าหรือ?”
จะต้องถามอะไรล่ะ? ถามว่าเมื่อคืนเขากับสตรีผู้นั้นมี อะไรเกิดขึ้นบ้างงั้นหรือ? หรือต้องถามว่าวิธีกระทำของ สตรีผู้นั้นไม่ดีหรือปรนนิบัติเขาไม่ดี จึงทำให้เขาต้องหนีมา นอนกับนางที่นี่ถึงค่อนคืน?
“หม่อมฉันเป็นบ่าว ไม่มีคุณสมบัติอันใดที่จะเอ่ยคำถาม กับท่านอ๋องเพคะ” หลินซินเยียนใคร่ครวญดูแล้วจึงเลือก ให้คำตอบเช่นนี้
โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงเย็น และก็ไม่ได้ถามต่อ แต่กลับวางตะเกียบแล้วลุกเดินออกไป
หลินซินเยียนลุกตามออกไปส่ง ส่งเขาขึ้นรถม้าและมอง ดูเขาจนกระทั่งจากไปอย่างว่าง่าย ราวกับสะใภ้ตัวน้อยผู้มี คุณธรรมอย่างที่สุด บางครั้งนางก็สงสัย ไม่ใช่ว่านางเริ่มที่ จะแสดงท่าทีดื้อดึงเกินไปงั้นหรือ จึงทำให้เขามีความ ปรารถนาที่จะพิชิตนาง ถ้าหากเป็นเช่นนั้น นางก็สามารถ ปรับเปลี่ยนได้ เปลี่ยนแปลงเป็นเหมือนสตรีคนอื่นๆ ที่เชื่อ ฟัง ทำตัวประจบประแจงเพื่อให้เขาพอใจ หลังจากนี้ก็จะ ให้เขาได้รู้สึกเบื่อและรังเกียจนาง
หิมะตกลงมาในวันส่งท้ายปี ฟ้ายังไม่ทันจะมืด เหล่า เด็กๆที่อยู่ในตรอกซอกซอยก็ออกมาเล่นจุดดอกไม้ไฟ
หู่เอ่ออยากเป็นสหายกับอี้เซิงมาตลอด ดังนั้นจึงถือพลุ ไฟมาหาอี้เซิง อี้เซิงไม่ต้องการจะเล่นเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่ด้วยความรบเร้าของหู่เอ่อร์และความคาดหวังของหลิน ซินเยียน จึงต้องตามหู่เอ่อร์ไปเล่นด้วยกันในตรอกซอย
เอ้อร์ยาเตรียมอาหารมื้อค่ำฉลองปีใหม่ หลินซินเยียนไป ซื้อเหล้าข้าวเหนียวจากโรงสุราที่ตลาด เพื่อเตรียมไว้ดื่ม กับเอ้อร์ยาในช่วงมื้อค่ำ
นางนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน ในทุกช่วงฉลองปีใหม่ เหล่า เพื่อนร่วมงานในหอพักของที่ทำงานก็มักจะบ่นที่ต้อง ทำงานล่วงเวลา หลังจากนั้นก็จะทานอาหารมื้อดึกฉลองปี ใหม่ที่ซื้อมาจากข้างนอกอย่างทั้งทรมานทั้งมีความสุข คิดถึงในช่วงเวลานั้น ทุกวันเหนื่อยหอบอย่างกับสุนัข แต่ กลับเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ราวกับว่าชีวิตก็ควรจะเป็นตะเกียบแล้วลุกเดินออก ไป
หลินซินเยียนลุกตามออกไปส่ง ส่งเขาขึ้นรถม้าและมอง ดูเขาจนกระทั่งจากไปอย่างว่าง่าย ราวกับสะใภ้ตัวน้อยผู้มี คุณธรรมอย่างที่สุด บางครั้งนางก็สงสัย ไม่ใช่ว่านางเริ่มที่ จะแสดงท่าที่ดื้อดึงเกินไปงั้นหรือ จึงทำให้เขามีความ ปรารถนาที่จะพิชิตนาง ถ้าหากเป็นเช่นนั้น นางก็สามารถ ปรับเปลี่ยนได้ เปลี่ยนแปลงเป็นเหมือนสตรีคนอื่นๆ ที่เชื่อ ฟัง ทำตัวประจบประแจงเพื่อให้เขาพอใจ หลังจากนี้ก็จะ ให้เขาได้รู้สึกเบื่อและรังเกียจนาง
หิมะตกลงมาในวันส่งท้ายปี ฟ้ายังไม่ทันจะมืด เหล่า เด็กๆที่อยู่ในตรอกซอกซอยก็ออกมาเล่นจุดดอกไม้ไฟ
หู่เอ๋ออยากเป็นสหายกับอี้เซิงมาตลอด ดังนั้นจึงถือพลุ ไฟมาหาอี้เซิง อี้เซิงไม่ต้องการจะเล่นเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่ด้วยความรบเร้าของหู่เอ๋อร์และความคาดหวังของหลิน ซินเยียน จึงต้องตามหู่เอ๋อร์ไปเล่นด้วยกันในตรอกซอย
เอ้อร์ยาเตรียมอาหารมื้อค่ำฉลองปีใหม่ หลินซินเยียนไป ซื้อเหล้าข้าวเหนียวจากโรงสุราที่ตลาด เพื่อเตรียมไว้ดื่ม กับเอ้อร์ยาในช่วงมื้อค่ำ
นางนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน ในทุกช่วงฉลองปีใหม่ เหล่า เพื่อนร่วมงานในหอพักของที่ทำงานก็มักจะบ่นที่ต้อง ทำงานล่วงเวลา หลังจากนั้นก็จะทานอาหารมื้อดึกฉลองปี ใหม่ที่ซื้อมาจากข้างนอกอย่างทั้งทรมานทั้งมีความสุข คิดถึงในช่วงเวลานั้น ทุกวันเหนื่อยหอบอย่างกับสุนัข แต่ กลับเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ราวกับว่าชีวิตก็ควรจะเป็นเช่นนี้
หลังจากที่ได้มาถึงยังโลกแห่งนี้ มื้อค่ำของทุกปีใหม่ก็จะ กินร่วมกับคนทั้งหมดในจวนทหาร แต่ทว่าผู้คนในแต่ละ ห้องนั้นสนุกสนานเพียงผิวเผิน ความเป็นจริงแล้วต่างคน ต่างมีความในใจ มื้อดึกฉลองปีใหม่เช่นนั้น ไม่ทานซะยังดี กว่า
ไม่ง่ายนักเลยที่ปีนี้จะได้ทานมื้อดึกฉลองปีใหม่อย่างสงบ สุข หลินซินเยียนอดไม่ได้ที่จะรอคอยให้มีเหตุการณ์เช่น นั้น อีกทั้งพวกนางไม่ได้อาศัยอยู่ในจวนอู่เซวียนอ่อง ไม่ ต้องทานฉลองปีใหม่ร่วมกับคนอื่นๆในจวนอ๋อง ความรู้สึก เช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ในส่วนของโม่จื่อเฟิงที่เป็นถึงอ๋องแห่ง ราชวงศ์มื้อดึกฉลองปีใหม่ของจวนอ่องย่อมต้องเต็มไป ด้วยความครึกครื้น
สำรับอาหารถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ อี้เซิงที่ได้กลับมาจาก เล่นพลุถึงอย่างไรก็ยังเป็นเพียงเด็กหกเจ็ดขวบคนหนึ่ง เขานั้นไม่ได้ปล่อยมือจากพลุเลย ยังคงตื่นตาตื่นใจกับ ฉากอันงดงามของพลุไฟยามที่บานสะพรั่ง ฉะนั้นเมื่อหลัง จากที่เขาได้กลับมาก็ชื่นชอบหลินซินเยียนมากขึ้นไปอีก พี่ สาวตัวน้อยที่เข้ามาในชีวิตของเขาอย่างกะทันหัน นำเขา ออกมาจากความมืดมนและรอดชีวิตออกมา
“รีบมานั่งเร็ว จะเริ่มกันแล้วนะ!” หลินซินเยียนชูตะเกียบ ขึ้น หัวเราะร่วนมีความสุขอย่างหาได้ยาก
เอ้อร์ยาและเซิงนั่งลงแต่โดยดี หยิบตะเกียบขึ้นมาและ เริ่มทานเนื้อคำโต
หลินซินเยียนเปิดฝาผนึกขวดเหล่าออก รนเหลา เหนียวให้กบตนเองและเอ้อร์ยา ยกชามตะโกนขึ้นด้วย เสียงดังชัดเจน มา เอ้อร์ยา ปีใหม่วันนี้ พวกเราก็ผ่อนคลาย อย่างมีความสุขกันสักครั้ง! คืนนี้ ไม่เมาไม่เลิก!
“อ่า ดื่มเหล้ากันด้วยนี่นา พี่สาว ข้ายังไม่เคยดื่มเลย แต่ ก่อนบิดาข้าเคยบอกไว้ว่าลูกผู้หญิงไม่สามารถดื่มเหล้าได้” เอ้อร์ยาที่กำลังถือชามเหล้า กล่าวด้วยความกังวล
หลินซินเยียนชูนิ้วชี้ขึ้นและส่ายไปมา ไม่! อาศัยอะไรจึง มีแต่บุรุษที่สามารถดื่มเหล้าได้? สังคมนี้ ทำไมจึงมีแต่บุรุษ ที่สามารถมีสามภรรยาสื่อนุภรรยา แต่สตรีต้องครองคู่โดด เดี๋ยวตลอดชีวิต หลังจากที่บุรุษนอกใจ เมื่อกลับมายอมรับ ความผิดในภายหลังส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับการให้อภัยจาก สตรี แล้วฝ่ายหญิงล่ะ เมื่อนอกใจเพียงสักครั้ง..อย่างเบา ครอบครัวก็ร้าวฉาน อย่างหนักก็ถูกคนนับพันเหยียบย่ำ ตลอดชีวิต! อาศัยเหตุผลอันใด พวกบุรุษจึงสามารถ กระทำได้ ส่วนพวกผู้หญิงอย่างเราสิ่งใดก็ไม่สามารถ กระทำได้?
เอ่อ…พี่สาว ท่านยังไม่ได้ดื่มเลยนี่นา ทำไมจึงเริ่มพูดจา เลอะเทอะแล้วล่ะ เอ้อร์ยาที่กำลังถือเหล้าข้าวเหนียวอยู่ ยิ่งรู้สึกไม่กล้าดื่มเข้าไปกันใหญ่ วาทกรรมความเท่าเทียม กันของชายหญิงเช่นนี้ สำหรับคนยุคสมัยโบราณอย่างเอ้ อร์ยาที่เกิดและโตที่นี่ ยังยากที่จะยอมรับได้