ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 91
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 91 ถูกต้องตามกฎหมาย
“ข้าไม่ได้พูดเพ้อเจ้อนะ เอ้อร์ยา เจ้ามาดื่มก่อนแล้วพี่ ค่อยล้างความคิดให้” หลินซินเยียนยื่นเหล้าที่อยู่ในมือให้ เอ้อร์ยา นางไม่รอให้เอ้อร์ยาดื่มก็เงยหน้าขึ้นดื่มเหล้าอีก จอก
พออี้เชิงเห็นก็รีบมาแย่งเหล้าในมือของเอ้อร์ยาไป “พี่ สาว ข้าดื่มเป็นเพื่อนพี่”
หลินซินเยียนกลับเอาจอกเหล้ามาซ่อน “เจ้าเด็กนี่จะมา ดื่มเหล้าได้อย่างไรกัน เหล้าใสๆสามารถส่งผลกระทบต่อ พัฒนาการของร่างกายแล้วก็สติปัญญาด้วย เจ้ายังโตไม่ เต็มที่เลย จะดื่มเหล้าอะไรหา อยากเป็นคนปัญญาอ่อน หรืออย่างไร”
อีเซิงถูกนางด่าก็รู้สึกงงงวยนิดหน่อย รู้จักกันมาตั้งนาน ความประทับใจที่มีต่อหลินซินเยียนมาตลอดก็คือความ ฉลาด มองการณ์ไกลและความสง่างาม เขารู้สึกแปลกใจ นิดหน่อยที่หลินชินเยียนในวันนี้เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ ด่าทอคนอื่น
แต่ทว่า เขาไม่รู้สึกเกลียดและเบื่อหลินซินเยียนที่เป็น แบบนี้เลย
หลินซินเยียนก็ไม่ใช่คนเก่งในด้านดื่มเหล้า แค่เหล้าหมัก
จอกเดียวลงท้องไปหน้าก็แดงแล้ว แต่ว่าแววตาของนาง
กลับดู กระปรี้กระเปร่า นางดึงดันที่จะยื่นเหล้าหมักให้กับ
เอ้อร์ยา “เอ้อร์ยา ดื่ม! ข้าบอกเจ้าแล้ว อยู่ที่อื่นเราไม่สามารถยุ่งได้ แต่อยู่ที่นี่ พวกเราหญิงชายเท่าเทยมกัน พวกผู้ชายพวกนั้นก็แค่หว่างขามีของแตกต่างกับเรา เลย เก่งไปนัดหรือ แล้วพวกเรายังให้กำเนิดลูกได้นี่แล้วพวก เขาละทำได้หรือเปล่า ถ้านับไปก่อนอีกหลายพันปี มันเป็น สังคมเพศแม่ชัดๆ สังคมเพศแม่พวกเจ้ารู้จักหรือไม่ว่ามัน หมายถึงอะไร”
เอ้อร์ยาและอี้เซิงมองหน้ากันแล้วก็ส่ายหัวไปมา
“สังคมเพศแม่นั่นก็คือเพศหญิงจะได้รับการยกย่อง ผู้ชายก็จะต้องฟังที่ผู้หญิงพูด ผู้หญิงที่สามารถให้กำเนิด ลูกได้ก็จะถือว่าเป็นผู้หญิงที่น่าสรรเสริญมาก ดังนั้น ทั้งผู้ หญิงและผู้ชายไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของใครทั้งนั้น แต่ ว่ารูปแบบสังคมในเวลานี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้เป็นรูปแบบ สังคมผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้ชายมีฐานะเป็นหลักเพราะฉะนั้นจึง สามารถมีภรรยาหลายคนได้ แต่ใครจะรู้ว่าเวลาผ่านไป หลายพันปีผู้หญิงจะสามารถทำลายรูปแบบสังคมแบบนี้ได้ หรือไม่”
นางพูดไป ก็ยกเหล้าดื่มไปด้วย หลังจากนั้นก็ชนกับเอ้อร์ ยา หลักดันให้เอ้อร์ยารีบดื่ม
ราวกับว่าถูกนางแพร่เชื้อให้รู้สึกเช่นเดียวกัน ครั้งนี้เอ้อร์ ยาไม่ได้ปฏิเสธ นางแค่ดื่มคำเล็กๆไป เหล้าหมักไม่ทำให้ รู้สึกร้อนท้องและก็ไม่บาดคอ ทำให้ดื่มไม่ยาก เมื่อก่อนเอ้ อร์ยาไม่รู้ แต่ตอนนี้นางได้ลิ้มรสมันแล้วก็ไม่รังเกียจการ ดื่มเหล้าแล้ว
“เออ เจ้าว่าผู้หญิงที่นี่แต่งงานไปมีเจตนาจะเป็นอะไรในบ้านยังมีความรักของมารดา เมื่อแต่งงานไปแล้ว หนึ่งปี ก็ได้พบเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง ต่อให้อยากเจอก็ต้องดู สีหน้าแม่สามี ผู้หญิงที่แต่งงานไปแล้ว ก็ต้องปรนนิบัติสามี แม่สามี ถ้าทำได้ไม่ดีก็จะถูกผู้อื่นประณาม แล้วผู้ชายก็จะ ไปมีเมียคนที่สามคนที่สี่อีก จะอิจฉาก็ไม่ได้แถมยังต้อง แสร้งทำเป็นรับได้ ไหนจะต้องสู้แย่งชิงผู้ชายกับผู้หญิงใน บ้านอีก ว่าปรนนิบัติผู้สามีดีหรือไม่ ดูแลได้อย่างไม่ขาดตก บกพร่องหรือไม่ เหอะๆ นี่มันโรคจิตชัดๆ นี่มันมีสิทธิ์อะไร กัน ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าผู้หญิงแต่งงานออกไปมีเจตนาอะไร กันแน่ เอ้อร์ยา เจ้าคิดว่าเป็นเพราะอะไร”
คำพูดของหลินซินเยียน ก็ทำให้เอ้อร์ยาเบิกตากว้าง อย่างมาก “ผู้หญิงโตขึ้นก็ต้องแต่งงานออกไปไม่ใช่เรื่อง ธรรมชาติหรือ” แต่คำพูดของหลินซินเยียนทำให้นางเริ่ม รู้สึกสับสนไม่น้อย
“ธรรมชาติ”หลินซินเยียนรู้สึกว่าคำนี้มันน่าขันเสียจริง “ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมชาติทั้งนั้น ถ้าเช่นนั้นงานแต่งงานจะ มีประโยชน์อะไรเล่า เฝ้ารออยู่กับผู้ชายหนึ่งคนใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยไร้ค่าอยู่ในโลกของเขา ดูแลพ่อแม่แทนเขา ดูแลเขา แล้วพ่อแม่แท้ๆที่ให้กำเนิดเลี้ยงเจ้ามายี่สิบปีเล่า เลี้ยงเจ้ามายี่สิบปี เมื่อโตขึ้นแต่งงานออกไปแล้ว ลูกสาว ที่รักของตนกลับไปทำงานเป็นวัวเป็นม้าอยู่ที่บ้านคนอื่น เหลือเพียงแค่ผู้อาวุโสที่ใช้ชีวิตอย่างเดียวดายอย่างนั้นรี”
ไม่รู้นางคิดถึงอะไร หลินซินเยียนพูดไปก็เกิดแรงกระตุ้น ทำให้ร้องไห้ นางยกเหล้าข้าวเหนียวดื่มจอกแล้วจอกเล่า สุดท้ายก็ดื่มเข้าไปเสียอีกใหญ่
ก็แค่กินเนื้อคำใหญ่และดื่มเหล้าอีกใหญ่ไม่ใช่หรือหรือ เมื่อไหร่มันกลายเป็นสิทธิ์ของผู้ชายไปแล้ว
นางร้องเสียงต่ำ เป็นเพราะเหล้าหมักลงท้องไป เหล้าใน ไหถูกนางดื่มเข้าไปมากกว่าครึ่ง นางสะอีกครั้งหนึ่ง รู้สึกได้ อย่างเลือนลางว่าตอนนี้นางกำลังเมาแล้ว “ทำไมยิ่งพูดยิ่ง รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่เคียดแค้นอย่างนั้นแหละ พูดตาม จริง ข้าไม่ได้เคียดแค้นอะไร มีอะไรให้แค้นนักเหรอ ก็แค่ ถูกบังคับนอนกับผู้ชายคนนั้นเอง มีอะไรที่รับไม่ได้ละ แต่ ว่าเรื่องแบบนี้นะมันอยู่ที่ทั้งสองฝ่าย เขาปล้ำข้า ข้าปล้ำ เขา จะพูดได้ชัดเจนอย่างไร ที่จริงแบบนี้ก็ดี ข้าก็จะไม่ได้ ใส่ใจเวลาที่ต้องแต่งงานให้ชายคนหนึ่งพร้อมกับผู้หญิงคน อื่น แบบนี้ช่างดีเหลือเกิน ความรักของชายหญิง สุดท้ายก็ ไม่มีใครก้าวก่ายชีวิตของแต่ละคน”
เมื่อพูดจบ นางก็รู้สึกโลกทั้งใบกำลังหมุนอยู่ ร่างของนาง
ยืนอย่างโอนเอน อยากจะเดินสองก้าว กลับพบว่าตัวเอง
ยืนไม่นิ่ง ตามองก็เสียการทรงตัว เอ้อร์ยาก็รีบเข้ามาช่วย ประคองนางทันที “แม่นาง ท่านเมาแล้วข้าส่งท่านกลับไปพักผ่อนที่ห้องดี กว่า” เอ้อร์ยาพยายามโน้มน้าว
“ข้าไม่ได้เมา ปีใหม่ พวกเราต้องมีความสุข ต้องพูดเรื่อง ที่ไม่พอใจออกมาให้หมด” หลินซินเยียนเรอออกมาอีกที หนึ่ง แล้วก็ถูกเอ้อร์ยาฉุดดึงเข้าห้องไป
อี้เซิงช่วยประคองอย่างระวังที่ข้างกายนาง ช่วยเอ้อร์ยา อีกข้างหนึ่ง
รอจนสองคนจัดวางนางให้นอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เอ้อร์ยาก็ถามอี้เซิง “เจ้าว่าแม่นางพูดเยอะขนาดนี้นั้น หมายความว่าอย่างไร”
แต่ไหนแต่ไรอี้เซิงก็ถือเป็นคนที่ฉลาดเฉลียว เขา ใคร่ครวญแล้วว่า “น่าจะหมายถึงผู้ชายควรจะแต่งผู้หญิง เข้าบ้านเพียงแค่คนเดียว ถ้าผู้ชายมีภรรยาสามสี่คนสู้ไม่มี เสียดีกว่า”
%3D “อ่า…เอ้อยาเบิกตากว้าง “นี่ นี่มันเป็นการขัดกับ ธรรมเนียมปฏิบัติมากไปหรือเปล่า”
“แต่ข้ารู้สึกว่าพี่สาวพูดได้ถูกต้อง” อี้เซิงไม่สนว่าความ คิดแบบนี้สำหรับผู้อื่นนั้นจะถูกต้องหรือไม่ เขารู้แค่ว่า สิ่งที่ พี่สาวพูดนั้น จะต้องถูกเสมอ “รอข้าโตขึ้น ข้าจะดีกับผู้ หญิงแค่คนเดียว”
เอ้อร์ยามีนงง อดไม่ได้ที่จะไปลูบหัวของเขา “อี้เซิงเป็น เด็กดี ภายหน้าผู้ใดที่จะแต่งให้กับเจ้านั้นมีวาสนามากเลย”
ทั้งสองคนพูดไปหัวเราะไปก็กลับมาที่ห้องลานบ้านทาน ข้าวต่อ อาหารมื้อข้ามปีแบบดั้งเดิม เพราะว่าหลินซินเยียน นั้นดื่มเหล้าจนเมาแล้ว ดังนั้นที่เหลือก็กลายเป็นหน้าที่ของ พวกเขาสองคนแล้วละ
แต่ว่า บรรยากาศแบบนี้ กลับทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึก หัวใจอบอุ่น ไม่ต้องการบรรยากาศที่เสียงดังเอะอะและยิ่ง ใหญ่ เพียงแค่เงียบๆแบบนี้ จิตใจสงบเงียบ เท่านี้ก็ดีแล้ว
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง
ผู้ใหญ่มักจะพูดว่าวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ควรที่จะ อยู่ข้ามคืนไปจนถึงรุ่งเช้า สวดมนต์ภาวนาให้ปีถัดไปสงบ สุข เมื่อพ่อแม่ของเอ้อร์ยายังมีชีวิตอยู่ ก็มักจะอยู่ข้ามคืนปี ใหม่กับคนในครอบครัว แต่วันนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว แต่นาง ก็ยังอยากอยู่จนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น ดังนั้นจึงให้อี้เชิงอยู่ใน ห้องโถงจุดเตาอบเป็นเพื่อน ผิงไฟข้ามปีด้วยกัน
เมื่อปรากฏเงาของคนอยู่ที่หน้าประตู ทั้งสองคนก็ตะลึง งัน พวกเขาลุกขึ้นทันทีเพื่อทำความเคารพ
“นางอยู่ที่ไหน” โม่จื่อเฟิงที่มากับจินมู่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ถามเอ้อร์ยากับอี้เซิงอย่างเย็นชา ทั้งสองคนดูเหมือนว่า กำลังอยู่ข้ามคืนปีใหม่อย่างสงบสุขและเป็นมงคลด้วยกัน ทำให้สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย