ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 298-2 ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด
ยิ้มอย่างจนปัญญา “ตอนนี้วิกฤตเมืองเปี้ยนอยู่ตรงหน้าแล้ว ท่านแม่ทัพทั้งสองได้โปรดช่วยด้วย”
จูเยี่ยนไม่ได้พูด หลงหยางเพียงกระแอมอย่างเย็นชา แต่เหลยเถิงเฟิง เข้าใจว่าพวกเขาได้ตอบตกลงแล้ว แอบโล่งอกอยู่ในใจ
ในวันถัดมา การปิดล้อมของกองทัพตระกูลม่อก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเหมือนไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทหารของซีหลิงที่รักษาการณ์ประจำเมืองดูเหมือนจะได้สติในทันใด เมื่อต้องเผชิญกับกองทัพตระกูลม่อผู้สังหารโหดก็ไม่ได้ลุกลี้ลุกลนและหวาดกลัวเหมือนตอนเริ่มต้นอีกต่อไป การป้องกันบนหอคอยประจำเมืองแน่นหนา และเมืองเปี้ยนทั้งเมืองก็แข็งแกร่งราวกับถังเหล็ก การโจมตีกินเวลาตลอดทั้งเช้าและการป้องกันของเมืองเปี้ยนไม่ได้คลายลงเลย ซึ่งทำให้แม่ทัพตระกูลม่อที่ประสบความสำเร็จมาตลอดทางตั้งแต่ออกไปรบรู้สึกกังวลอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเวลานี้ท่านอ๋องและพระชายาของพวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวต่ออยู่หน้าขบวน จนกระทั่งเวลาเกือบบ่าย กองทัพตระกูลม่อซึ่งไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวก็ถอยทัพ
ภายในกระโจม ม่อซิวเหยามองแม่ทัพที่ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นควันอย่างอารมณ์ดี ไร้ซึ่งความไม่พอใจและความโกรธที่เสียเปรียบจากสงคราม “แม่ทัพทุกท่าน การสู้รบในวันนี้ดีหรือไม่”
นายทหารอายุน้อยสองสามคนหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อวานนี้เป็นเสียงโห่ร้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา ม่อซิวเหยาเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “ไม่ต้องอาย ข้าไม่ตำหนิพวกเจ้าหรอก ถ้าคนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าที่ไม่ได้ต่อสู้มาหลายสนามรบ สามารถยึดเมืองเปี้ยนได้อย่างง่ายดาย หลงหยางและจูเยี่ยนก็ไม่ได้ถูกเรียกว่าแม่ทัพแห่งซีหลิงทั้งสามผู้มีชื่อเสียงอีกต่อไป แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอายุมากแล้ว แต่พวกเจ้าควรรู้ว่า ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด”
นายทหารหนุ่มหลายคนมองหน้ากัน ถึงได้ส่งคนไปรายงาน “รายงานท่านอ๋อง เมืองเปี้ยนแตกต่างจากเมืองที่เราโจมตีก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่กำแพงจะแข็งแกร่ง ป้องกันได้ง่าย ยากที่จะโจมตี แม้แต่องครักษ์ประจำยังยังแตกต่างจากทหารก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ทหารเมืองเปี้ยนนั้นกล้าหาญและสงบนิ่งมากอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาประเมินศัตรูต่ำไป นี่คือความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของกองทัพซีหลิง”
ม่อซิวเหยาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เข้าใจแล้วก็ดี ไม่ต้องกังวล…ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าอีกสามวัน เปิดประตูเมืองเปี้ยนให้ได้ ทำได้หรือไม่”
นายทหารหนุ่มหลายคนลังเล พวกเขาทั้งหมดเป็นนายทหารหนุ่มที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีจากกองทัพตระกูลม่อ แม้ประสบการณ์จะไม่มาก แต่เมื่อละทิ้งความภาคภูมิใจในตนเองก่อนหน้านี้ก็ยังมองเห็นจุดยืนและความสามารถของตนเองได้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสุขที่ท่านอ๋องสามารถมอบความรับผิดชอบอันหนักอึ้งให้แก่พวกเขาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ต่อให้พวกเขาจำต้องกัดฟันและยืนยันว่าสามารถยึดเมืองเปี้ยนได้ในสามวัน พวกเขาก็ยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ว “อะไรกัน เมื่อวานยังร้องลั่นจะไปโจมตีเมืองเปี้ยนให้ราบคาบอยู่เลย วันนี้เพิ่งไปสู้กันมา ทำให้พวกเจ้าหัวหดแล้วหรือ”
“เปล่าขอรับ! พวกข้าทำได้!” เหล่าทหารหนุ่มตะโกนตอบหน้าแดง
“น้อมรับคำสั่ง!”
ม่อซิวเหยาผ่อนคลายและเอนหลังบนเก้าอี้ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก สามวันต่อจากนี้…ข้าต้องการเห็นประตูเมืองเปี้ยนเปิดออก นอกจากนี้…ยกหน้าที่การล้อมเมืองให้พวกเจ้าแล้ว แม่ทัพหลี่ว์ พวกเขามีอย่างอื่นที่สำคัญต้องจัดการ…ไม่ได้อยู่ในค่ายแล้ว” ทุกคนงงมาก เพิ่งพบว่าแม่ทัพที่อายุมากและมีประสบการณ์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เวลานี้เยาวชนอายุต่ำกว่าสามสิบปียืนอยู่ในกระโจมเกือบทั้งหมด แล้วจะทำอย่างไร พวกเขาไม่สามารถขอคำแนะนำจากใครได้เลย
วิญญาณทั้งหมดของนายทหารเหล่านี้ต่างหลุดลอยออกไปแล้ว เยี่ยหลีซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกด้านก็เงยหน้าขึ้นมองและถามว่า “เด็กๆ พวกนี้จะทำได้หรือ”
จั๋วจิ้งและฉินเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะก้มหน้ายิ้ม ทุกครั้งที่ได้ยินพระชายาพูดถึงนายทหารรุ่นเยาว์เหล่านี้ มักจะตลกเสมอ เป็นความจริงที่ว่านายทหารหนุ่มเหล่านี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นนายทหารหนุ่มไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาส่วนใหญ่จะมีอายุมากกว่าพระชายาสองปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระชายาดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงของนางด้วยซ้ำ เป็นเรื่องแปลกสำหรับผู้หญิงในวัยยี่สิบที่จะเรียกกลุ่มผู้ชายในวัยยี่สิบกว่าๆ ว่าเด็กๆ
ม่อซิวเหยาเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “ดาบที่มีชื่อเสียงมักต้องการการฝึกฝนนับร้อยครั้งถึงจะใช้ได้ พวกเขายังเด็กเกินไป ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะไปรับแรงโจมตีมากกว่านี้”
“การโจมตีครั้งนี้มันจะยากเกินไปไหม” อย่าว่าแต่คนหนุ่มเหล่านี้เลย เยี่ยหลีและม่อซิวเหยากำลังศึกษาการป้องกันของเมืองเปี้ยนเช่นกัน แม้แต่ม่อซิวเหยาเองก็ไม่สามารถพูดได้ว่าการโจมตีแบบตัวต่อตัวจะสามารถเปิดประตูเมืองเปี้ยนได้ ยิ่งไปกว่านั้นสงครามแห่งการสิ้นเปลืองกำลังพลแบบนี้ ไม่เหมาะสำหรับพวกเขาที่มีกำลังพลจำกัดในดินแดนหลักของซีหลิง
ม่อซิวเหยาไม่สนใจ “เอ่อ…เมื่อพวกเขาสามารถทนการโจมตีนี้ได้ พวกเขาก็จะสามารถแบกรับการโจมตีครั้งใหญ่ในอนาคตได้แล้ว” แรงกดดันของแม่ทัพที่มีชื่อเสียงทั้งสองแห่งซีหลิงก็เพียงพอแล้ว และยังจะได้เห็นด้วยว่าพวกเขาแก่แล้วหรือยัง
เป็นผลให้ กองทัพตระกูลม่อที่นำโดยคนอายุน้อยหลายคนเริ่มโจมตีเมืองเปี้ยนทุกวัน อย่างไรก็ตามการป้องกันอย่างแน่นหนาของเมืองเปี้ยนไม่ได้สั่นคลอนเลย กระทั่งอีกสองวันต่อมา กองทหารที่รักษาการณ์อยู่ในเมืองเปี้ยนสามารถเพิกเฉยต่อการยั่วยุด้านล่างได้แล้ว ตราบเท่าที่ไม่มีการโจมตีประตูเมืองและไม่มีใครปีนกำแพงเมืองเข้ามา กองทหารด้านบนทำในสิ่งที่ควรทำเกือบตลอดเวลา เมื่อเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ นายทหารหนุ่มรู้สึกได้ถึงความรู้สึกดูถูกจากศัตรูอย่างชัดเจน อีกฝ่ายไม่กลัวพวกเขา เหยียดหยามพวกเขา ไม่ให้ความสนใจพวกเขาเลย สิ่งนี้ปล่อยให้แม่ทัพหนุ่มที่ยังอายุน้อยและแข็งแรงอดทนได้อย่างไร จึงปล่อยให้ผู้คนผลัดกันเข้ามาที่ด้านล่างกำแพงเมืองเปิดฉากด่าทอ แม้แต่บรรพบุรุษของหลงหยางและจูเยี่ยนทั้งแปดรุ่นยังแวะเวียนเข้ามาเลย ม่อซิวเหยาที่เฝ้าดูพวกเขาอยู่ด้านหลังหัวเราะจนหงายหลัง
ในเวลาเดียวกัน แม่ทัพชราทั้งสองในเมืองเปี้ยน ก็มีความสุขมากเช่นกัน “ฮ่าๆ…เด็กเหล่านี้น่าสนใจ ข้าชอบพวกเขา!”
พวกเขาชอบ แต่คนอื่นไม่ชอบ แม้แต่เหลยเถิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างกังวล “แม่ทัพหลง แม่ทัพจู พวกเราจะปล่อยแบบนี้ไม่สนใจอะไรเลยหรือ ให้พวกเขาด่าทอเช่นนี้ใช่ไหม” หลงหยางเอ่ยอย่างเช็นชา “ด่าทอแค่ไม่กี่คำ ไม่เสียเลือดเนื้ออะไร ที่เสียก็ไม่ใช่น้ำลายเจ้าเสียหน่อย เจ้าจะเดือดร้อนอะไร”
แต่ไอ้พวกเด็กกลุ่มนั้นด่าอย่างหยาบคายมากเลยนี่นา! แม่ทัพในสนามรบบ่นในใจ
“มันจะเป็นอันตรายต่อขวัญกำลังใจของเราหรือไม่ ถ้าเรายอมให้พวกเขาผยองต่อไปอย่างนี้” เหลยเถิงเฟิงถามพร้อมขมวดคิ้ว จูเยี่ยนยิ้มเย็นและพูดว่า “มันจะทำให้ขวัญกำลังใจเสียหายหากถูกด่าแค่สองสามคำหรือ แล้วอย่างนี้จะทำสงครามอะไรได้ อีกอย่างเมื่อมีคนด่าว่าเจ้า เจ้าจะไม่ด่ากลับไปหรือ”
ผู้คนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พวกเขาต้องการต่อสู้ ไม่ใช่ถ่มน้ำลายสู้กับคนอื่น
หลงหยางส่ายหัวพลางถอนหายใจและถามว่า “เจ้าคิดอย่างไรกับพละกำลังการต่อสู้ของกองทัพตระกูลม่อ”
เหลยเถิงเฟิงขมวดคิ้วก่อนจะพูดด้วยความสงสัย “กองทัพตระกูลม่อนั้นกล้าหาญมาก แต่…ก็ไม่ได้ทรงพลังเท่าในตำนานที่เล่าขาน ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าระดับความสามารถของแม่ทัพจะไม่เลว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ายอดเยี่ยมเป็นพิเศษ หรือว่า…พวกเขาซ่อนความแข็งแกร่งเพื่อให้เราจะผ่อนปรนการเฝ้าระวังหรือ” หลงหยางเอ่ย “สองสามวันนี้ นายทหารนำทัพมาโจมตีเมือง ทุกคนอายุไม่ถึงสามสิบปี แม่ทัพใหญ่ของกองทัพตระกูลม่อกำลังทำอะไรอยู่ แอบอู้นอนอยู่ในกระโจมหรือ”
หลังจากฟังคำพูดของหลงหยาง เหลยเถิงเฟิงก็ไม่สบายใจมากขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าการโจมตีในสองสามวันนี้ มีแต่เด็กหนุ่มแปลกหน้า ไม่ต้องพูดถึงม่อซิวเหยา แม้แต่คนที่รู้จักกันดีเช่น หลี่ว์จิ้นเสียน เฟิ่งจือเหยาและคนอื่นๆ ก็ไม่แม้แต่จะโผล่หน้าของพวกเขามาเลย “พวกเขาต้องการจะทำอะไร ท่านแม่ทัพโปรด ให้คำแนะนำแก่ข้าด้วยเถิด”