ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 321-1 กลับเมืองหลี
ม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีเดินทางกันอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอดทาง ไม่เพียงเพราะต้องทะนุถนอมเด็กในท้องของเยี่ยหลีเท่านั้น แต่ยังเพื่อดูชีวิตปัจจุบันของชาวบ้านซีหลิงในแต่ละแห่งที่กองทัพตระกูลม่อไปยึดครองมาด้วย ตามปกติแล้ว หากเร่งม้าเร็วไปตลอดทางจะใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่าวัน แต่ครั้งนี้กว่าที่ทุกคนจะกลับมาถึงซีเป่ยก็เข้าสู่เดือนสิบเอ็ดแล้ว ช่วงเดือนสิบเอ็ด ไม่เพียงแต่ซีหลิงเท่านั้น แต่พื้นที่ทั้งหมดทางตอนเหนือก็หนาวเหน็บอย่างมาก เมืองหลีที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็มีหิมะตกหนักลงมาแล้วถึงสองครั้ง สวีหงอวี่บริหารจัดการได้เป็นอย่างดี เหล่าข้าราชการซีเป่ยก็พยายามกันอย่างเต็มที่ แม้ว่าตอนนี้ข้างนอกจะยังคงสู้รบกันอย่างวุ่นวาย แต่เหล่าประชาชนในซีเป่ยยังคงใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข
คณะของพวกเขากลับมาถึงเมืองหลีโดยที่ไม่ได้ส่งข่าวล่วงหน้าให้ใครออกมาต้อนรับ กว่าทุกคนในตำหนักติ้งอ๋องจะได้รับข่าว รถม้าก็มาถึงหน้าประตูตำหนักติ้งอ๋องแล้ว องครักษ์ที่กำลังจะผลัดเวรจึงตกใจกับการกลับมาโดยกะทันหันของท่านอ๋อง ม่อซิวเหยาประคองเยี่ยหลี่เดินเข้าไปในตำหนัก ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็มอบหมายให้เฟิ่งจือเหยา ฉินเฟิง จั๋วจิ้งและคนอื่นๆ ที่ตามอยู่ด้านหลังจัดการ
“ท่านแม่!” เสียงเรียกของม่อตัวน้อยดังมาแต่ไกลๆ ทะลุผ่านออกมาจากในเรือน เยี่ยหลีเพิ่งจะยืนได้นิ่ง ก็เห็นม่อตัวน้อยสวมเสื้อคลุมสีดำประดับลายมังกรสีเงิน วิ่งตะบึงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้พบหน้ากันแค่ไม่กี่เดือน ม่อตัวน้อยดูราวกับสูงขึ้นไม่น้อย
เมื่อเห็นว่าม่อตัวน้อยกำลังจะพุ่งตัวมาตรงหน้าเยี่ยหลีพร้อมสวมกอดแม่ของตนไว้อย่างดีใจ ม่อซิวเหยาที่อยู่ด้านข้างก็ยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อเขาไว้ และดึงขึ้นมาได้อย่างสบายๆ ม่อตัวน้อยที่เดินหน้าต่อไปไม่ได้ ก็สะบัดตัวดิ้นด้วยความขัดใจ แต่ก็ไม่อาจดิ้นหลุดออกจากมือของพ่อตัวเองไปได้ จึงได้แต่ทำปากยื่น มองเยี่ยหลีตาปริบๆ “ท่านแม่…”
เยี่ยหลีอมยิ้มน้อยๆ ม่อซิวเหยาหิ้วม่อตัวน้อยมาตรงหน้า แล้วกดสายตาลงจ้องเขา “ท่านแม่ของเจ้ากำลังมีครรภ์อยู่”
ม่อตัวน้อยอึ้งไปทันใด เขากะพริบดวงตากลมมนอยู่นานกว่าจะได้สติ “กำลังมีครรภ์” หมายความว่าอย่างไร ชั่วขณะนั้นเขามองเยี่ยหลีที่ช่วงท้องมีบางอย่างดูสะดุดตาออกมาเล็กน้อยอย่างประหม่า แล้วพูดอย่างคาดหวังว่า “ท่านแม่…ตัวน้อย…ตัวน้อยจะมีน้องแล้วหรือ” เยี่ยหลีหยักหน้า แล้วลูบศีรษะน้อยๆ ของลูกชาย ก่อนถาม “ใช่แล้ว ตัวน้อยชอบน้องชายหรือน้องสาวมากกว่าล่ะ”
ม่อตัวน้อยขมวดคิ้วจนแทบพันกัน ผ่านไปนาน ถึงจะพยักหน้าตอบอย่างตั้งใจ “น้องชายหรือน้องสาวก็ชอบทั้งนั้น” อันที่จริง เขาย่อมชอบน้องสาวมากกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าหากได้น้องชายก็ไม่เลว เขาจะได้สั่งสอนน้องชายให้ดีๆ น้องชายของเขาจะต้องฉลาดกว่าเหลิ่งเอ๋อน้อยมากแน่ๆ แล้วถึงเวลานั้นก็จะได้ร่วมมือจัดการกับท่านพ่อ แล้วแย่งท่านแม่กลับมา อื้ม! อย่างที่ท่านลุงใหญ่บอกไว้อย่างไรล่ะ พี่น้องต้องร่วมมือร่วมใจกันถึงจะมีประโยชน์! ถ้าหากว่าน้องชายตัวน้อยไม่ได้มาแย่งท่านแม่ไปจากเขาก็คงจะดีมาก แต่ในฐานะที่เขาเป็นพี่ชาย เขาก็ต้องใจกว้างมากๆ เขาย่อมต้องแบ่งท่านแม่ให้น้องชายสักหน่อยอยู่แล้ว
เยี่ยหลีมองดูท่าทางคิดเพ้อฝันที่ดูน่าขันของม่อตัวน้อย ประเดี๋ยวเขาก็พยักหน้า ประเดี๋ยวเขาก็ยิ้มอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าคิดอะไรถึงได้ยืนเหม่อลอยเช่นนี้ ม่อซิวเหยาที่อยู่ด้านข้างมองดูรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของลูกชายที่ปิดไม่มิด แล้วริมฝีปากก็ยกขึ้นแสยะยิ้มบางๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดเพ้อเจ้อะไรออยู่แน่นอน ม่อซิวเหยาจึงยกมือขึ้นดีดศีรษะของม่อตัวน้อยเบาๆ ม่อตัวน้อยกุมศีรษะตัวเองพร้อมมีน้ำตาเล็ดออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องม่อซิวเหยาตาเขม็ง ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ว มองเขาอย่างเฉยชา ข้าจะดีดแล้วเจ้าจะทำไมหรือ
ฮือๆ…ท่านแม่ ท่านพ่อรังแกตัวน้อย
เด็กตัวน้อยถูกผู้ใหญ่รังแก ม่อตัวน้อยบ่นกระปอดกระแปดอย่างเศร้าสร้อย
“เอาล่ะ แม่ดูหน่อยสิว่าเจ็บหรือไม่” เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายดูน่าสงสาร เยี่ยหลีก็ถลึงตาใส่ม่อซิวเหยาด้วยความจนใจ เอนกายลูบหน้าผากของม่อตัวน้อยที่ไม่ได้มีร่องรอยของความเจ็บปวดแม้แต่น้อย และพูดว่า “ตัวน้อยเด็กดี ไม่ร้องแล้วนะ” อันที่จริงม่อซิวเหยาไม่ได้ใช้แรงอะไรเลย ม่อตัวน้อยก็ไม่รู้สึกว่าเจ็บมากมายแต่อย่างใด สิ่งที่น่าจะเจ็บมากกว่าก็คือศักดิ์ศรีของเขา ความรู้สึกพ่ายแพ้เพราะตัวเองอ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน ทำได้แค่เพียงถูกรังแกอย่างที่ไม่สามารถเอาคืนได้นั้น เป็นสิ่งที่ทำลายศักดิ์ศรีของม่อตัวน้อยอยู่ลึกๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
“พี่อวี้เฉิน…” ในที่สุด เหลิ่งเอ๋อน้อยที่ตัวเตี้ยขาสั้น ก็วิ่งด้วยเท้าสั้นๆ ของตัวเองจนตามมาทัน เมื่อเห็นเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาที่ไม่ได้พบมานาน ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มให้กับเยี่ยหลีอย่างเขินอาย “ท่านป้า…” เด็กตัวน้อยๆ วิ่งเตาะแตะมาที่ด้านหลังของม่อตัวน้อย และคว้าชายเสื้อของเขาไว้แน่น สัมผัสของเด็กๆ มักจะไวเป็นพิเศษ ในเมืองหลี ไม่ว่าเป็นเหลิ่งจวินหานที่อายุไม่ถึงสี่ขวบ หรือว่าสวีจือรุ่ยที่อายุใกล้จะห้าขวบแล้ว ต่างก็กลัวม่อซิวเหยาเป็นอย่างมาก
ทันทีที่ม่อตัวน้อยเห็นว่าน้องชายมาอยู่ตรงหน้า ก็ย่อมไม่อาจแสดงภาพลักษณ์ให้ดูเป็นผู้ถูกรังแกที่น่าสงสารได้อีก ม่อตัวน้อยจึงได้แต่เก็บอาการที่แสร้งทำเป็นร้องไห้ด้วยความขัดใจ แล้วแอบถลึงตาใส่ม่อซิวเหยาอย่างโกรธเคือง
มือข้างหนึ่งของเยี่ยหลีจูงม่อตัวน้อย ส่วนอีกข้างหนึ่งจูงเหลิ่งจวินหานเดินไปที่โถงใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาถึงนอกโถงใหญ่ สวีหงอวี่ สวีหงเยี่ยน สวีชิงเจ๋อและคนอื่นๆ ที่เพิ่งได้รับข่าวก็รีบออกมาจากห้องหนังสือ ท่านลุงทั้งสองมองประเมินเยี่ยหลีครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหน้าตาของเยี่ยหลีไม่ได้ซูบผอมลง แต่กลับดูอิ่มเอิบดี จึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมีสีหน้าผ่อนคลายลง เยี่ยหลียิ้มบางๆ “ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงรอง หลีเอ๋อร์กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
สวีหงอวี่พยักหน้า พูดเสียงขรึม “กลับมาก็ดีแล้ว”
เมื่อเข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่แล้ว สวีหงอวี่ถึงได้เอ่ยถามขึ้นมา “ตลอดทางมานี้ พวกเจ้าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่ หลีเอ๋อร์ตอนนี้…” แม้ว่าข่าวที่หลีเอ๋อร์ตั้งครรภ์จะปิดบังคนภายนอกเอาไว้ แต่คนในตระกูลสวีกลับได้รับข่าวนี้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ตั้งแต่ที่เยี่ยหลีคลอดม่อตัวน้อยออกมา เยี่ยหลีก็ไม่ได้ท้องอีกเลย แม้ว่าเสิ่นหยางกับใต้เท้าหลินล้วนบอกว่าทุกอย่างราบรื่นเป็นปกติดี อีกทั้งเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาก็ไม่ได้คาดหวังเรื่องลูกมากนัก ทว่า ในสายตาคนภายนอกคิดว่า การที่ตำหนักติ้งอ๋องอันยิ่งใหญ่ มีลูกชายเพียงแค่คนเดียว ออกจะดูไม่ค่อยมั่นคงไปสักหน่อย ดังนั้น ตอนนี้ที่เยี่ยหลีตั้งครรภ์อีกครั้ง ไม่ว่าต่อไปจะเกิดเหตุผิดปกติใดขึ้น ก็ยังนับว่าเป็นข่าวดี
เยี่ยหลีพยักหน้าพูด “หลีเอ๋อร์สบายดีทุกอย่างเจ้าค่ะ ทำให้ท่านอาต้องเป็นห่วงแล้ว” จากนั้นพวกเขาก็พูดเรื่องซีหลิง เรื่องอาการบาดเจ็บของสวีชิงปั๋วและคนอื่นๆ ทำให้ทุกคนวางใจ สวีหงอวี่เห็นสีหน้าที่ดูเหนื่อยล้าของเยี่ยหลี ก็อยากจะบอกให้นางกลับไปพักผ่อน แล้วค่อยเล่าเรื่องที่ผ่านมาต่อวันหลัง แต่ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงคนทำความเคารพดังมาจากด้านนอก “คารวะท่านผู้อาวุโส” ที่แท้ อาจารย์ชิงอวิ๋นก็รู้เรื่องที่เยี่ยหลีกับม่อซิวเหยากลับมาแล้ว จึงรีบเร่งมาหา
ทุกคนรีบยืนขึ้นต้อนรับ สวีชิงเจ๋อเดินเข้ามาประคองอาจารย์ชิงอวิ๋น เยี่ยหลีเข้ามาทำความเคารพด้วยท่าทางสง่างาม “ท่านตา หลีเอ๋อร์กลับมาแล้วเจ้าค่ะ” อาจารย์ชิงอวิ๋นยื่นมือมาประคองนาง และยิ้มอย่างเมตตา “เจ้าตั้งครรภ์แล้ว ทำไมถึงยังไม่ระวังขนาดนี้ พวกธรรมเนียมอะไรพวกนั้นเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถิด พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังต้องเข้มงวดกับมารยาทจอมปลอมนั่นอีกหรือ”
เข้าใจว่านี่เป็นเพราะท่านตามีจิตใจดี เยี่ยหลีจึงรีบยืนตัวตรงและยิ้มพูด “ท่านตาก็ระวังเกินไปเจ้าค่ะ หลีเอ๋อร์จะอ่อนแอเช่นนั้นได้อย่างไร” อาจารย์ชิงอวิ๋นเห็นลักษณะของนาง ก็พยักหน้าพูด “อืม…ดูท่ายังแข็งแรงดี แต่ว่าก็ต้องบำรุงให้ดีด้วย ครั้งก่อน ตอนที่เจ้าท้องอวี้เฉินก็อันตรายมาก ดังนั้นถ้าครั้งนี้ปลอดภัยไว้ก่อนก็ดี” เยี่ยหลีกับสวีชิงเจ๋อประคองอาจารย์ชิงอวิ๋นคนละข้างมานั่งที่หัวโต๊ะตำแหน่งสูงสุด อาจารย์ชิงอวิ๋นไม่เพียงแต่ เป็นผู้มีคุณธรรมอันดีและมีชื่อเสียงอย่างมาก ตำแหน่งในตระกูลก็นับว่าสูงมากเช่นกัน ตามปกติแล้ว หากไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นทางการอย่างมาก เช่น เรื่องความลับในตำหนัก ม่อซิวเหยาก็จะนั่งอยู่ข้างๆ ในสถานะที่เป็นหลานเขย
“หลีเอ๋อร์กำลังคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะไปเยี่ยมท่านตาอยู่พอดีเลยเจ้าค่ะ เหตุใดท่านตาถึงได้มาเองเล่าเจ้าคะ” เมื่อนั่งลงแล้ว เยี่ยหลีก็ถามด้วยรอยยิ้ม