ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 322-3 พ่อลูกพบกันอีกครา
“เดรัจฉาน! ยังไม่ลุกขึ้นมาอีก!” เยี่ยเหวินหวาโกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น รู้สึกวเพียงชาตินี้ไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้มาก่อน แม้ตอนนั้นสวีหงเยี่ยนจะว่าต่อหน้าว่าตนสอนบุตรสาวไม่ได้ความก็ยังไม่รู้สึกอับอายเฉกเช่นยามนี้
เยี่ยหรงตกใจพลันเถียงอย่างดื้อรั้นว่า “เหตุใดข้าจะนั่งไม่ได้! นี่ไม่ใช่บ้านของพี่สามหรือ พวกเรามากันรออยู่ตั้งนาน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ข้าไม่ลุกหรอก!”
“เจ้า…เจ้า…” เยี่ยเหวินหวาชี้หน้าเยี่ยหรงพลางสั่นไปทั้งร่าง ราวกับจะล้มลงมาเมื่อใดก็ได้ เยี่ยหลียิ้มบางเอ่ยว่า “ช่างเถิด ในเมื่อเหนื่อยแล้วก็นั่งพักเถิด เชิญท่านพ่อ หวังฮูหยิน น้องหกและคุณชายท่านนั้นนั่งลงก่อนเถิด”
ได้ฟังดังนั้นจึงได้จึงค่อยๆ นั่งลงถัดจากฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยที่นั่งอยู่หัวแถว เยี่ยหวังซื่อมองดูลูกชายแล้วตัดสินใจเดินไปนั่งข้างๆ ลูกชายตน เยี่ยหลินดึงชายหนุ่มคนนั้นอย่างระมัดระวังแล้วเลือกไปนั่งยังเก้าอี้ตัวท้ายสุด สวีฮูหยินรองที่จิบชาอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอันใด ตระกูลสวีแม้จะไม่เคร่งครัดเรื่องมารยาท แต่กฎที่ควรจะมีกลับฝังรากลึกไว้ในกระดูก สำหรับสวีฮูหยินรองแล้ว วิธีการนั่งของตระกูลเยี่ยช่างไร้มารยาทอย่างถึงที่สุด
“ท่านแม่ พวกเขาเป็นใครหรือ เหตุใดพวกเขาจึงไม่คำนับท่านแม่และท่านตาทวดเล่า” ม่อตัวน้อยที่นอนอยู่บนตักเยี่ยหลีกะพริบดวงตากลมโตปริบๆ พลางเอ่ยถามเสียงใส
เยี่ยหลีลูบหัวลูกชายเบาๆ ยิ้มบางตอบว่า “นี่คือท่านยายทวดของเจ้า ส่วนนี่คือท่านตาของเจ้า เฉินเอ๋อร์ไปคำนับเสียสิ”
ม่อตัวน้อยมองเยี่ยเหวินหวาและฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสองแล้วเอ่ยเรียกขึ้น “ท่านยายทวด ท่านตา”
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยยื่นมือออกไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเมตตาบนใบหน้า คิดว่าม่อตัวน้อยจะคุกเข่าลงคำนับจึงคิดจะพยุงเขาลุกขึ้นแสดงความเมตตาปราณี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าม่อตัวน้อยจะมายืนเรียกทีหนึ่งแล้วก็จากไป มือของนางนางที่กำลังโน้มตัวยื่นออกไปจึงพลันตกลงและรู้สึกประดักประเดิดขึ้นมาทันที เยี่ยเหวินหวากลับไม่ใส่ใจ จ้องมองไปยังเด็กน้อยหน้าตาหล่อเหลาอายุราวๆ หกเจ็ดขวบ ลักษณะท่าทางดูราวกับมีกลิ่นอายของภรรยาคนแรกของเขาในอดีตแฝงอยู่ จึงยื่นมือออกไปลูบหัวของเขาอย่างอดไม่ได้ “ดะ…เด็กดี เจ้าคืออวี้เฉินใช่หรือไม่”
ม่อตัวน้อยถอยไปด้านหลังเล็กน้อย มองท่านตาของตนด้วยความแปลกใจ กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านตา ลูบหัวข้าไม่ได้” เยี่ยเหวินหวาตะลึงงัน อดจะถามไม่ได้ว่า “เหตุใดเล่า”
ม่อตัวน้อยวางมาดจริงจังกล่าวว่า “ศีรษะบุรุษและเอวของสตรีนั้น ดูแต่ตามืออย่าต้อง” กล่าวจบก็หมุนตัววิ่งกลับไปอยู่ข้างท่านชิงอวิ๋น ท่านชิงอวิ๋นกอดเขาไว้ในอกด้วยความรักใคร่เอ็นดู ลูบศีรษะเขาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแล้วกล่าวว่า “ดูแต่ตามืออย่าต้องหรือ หืม ใครสอนเรื่องเหลวไหลพวกนี้แก่เจ้ากัน”
“หานหมิงซี!” ม่อตัวน้อยเอ่ยชื่อหานหมิงซีออกไปให้ขายหน้าอย่างไม่ลังเล ไม่ได้นึกถึงว่าหานหมิงซีนั้นได้เคยประเคนของอร่อยและของเล่นดีๆ มาให้เขามากมายเพียงใด
ม่อตัวน้อยหนุนบนตักอาจารย์ชิงอวิ๋น พิจารณาคนประหลาดกลุ่มนี้ด้วยความสนใจใคร่รู้ ท่านยายทวดอะไรนี่เขาไม่ชอบสักนิด! ท่านตาก็ดูดีสู้ท่านลุงใหญ่กับลุงรองไม่ได้ เด็กอ้วนนั่น…ก็เป็นน้าของเขาด้วยหรือ ช่างอัปลักษณ์นัก! ม่อตัวน้อยปิดตาแล้วซบอยู่ในอกท่านอาจารย์ชิงอวิ๋น ไม่อยากเห็นคนอ้วนหน้าโง่ผู้นั้นอีก หากใช้คำพูดของหานหมิงซีกล่าวแล้ว ท่าทางเช่นนั้นช่างไม่สุภาพเป็นที่สุด มองนานๆ ก็พาลจะตาเสียเอา ม่อตัวน้อยที่ชื่นชอบความสวยงามมาตั้งแต่ยังเล็กๆ คนอ้วนที่ไร้มารยาทผู้นี้ช่างท้าทายขีดจำกัดความสวยงามของเขายิ่งนัก อัปลักษณ์เสียยิ่งกว่าขอทานตามใต้สะพานเสียอีก! จะยอมรับเขาเป็นท่านน้าไม่ได้เด็ดขาด!
“คารวะนายท่านใหญ่ คารวะนายท่านรอง คำนับคุณชายใหญ่ คุณชายรอง” เสียงทำความเคารพสดใสของสาวใช้ดังขึ้นจากด้านนอก เยี่ยหลีพลันดีใจ พี่ใหญ่กลับกันมาแล้วหรือ
สวีหงอวี่ สวีหงเยี่ยน สวีชิงเฉิน และสวีชิงเจ๋อพากันเดินเข้ามา
“ท่านลุงใหญ่!” ม่อตัวน้อยดวงตาเป็นประกาย ลุกออกจากอ้อมอกอาจารย์ชิงอวิ๋นวิ่งไปหาสวีชิงเฉินที่เดินรั้งท้ายด้วยความปรีดา “ท่านลุงใหญ่ อวี้เฉินคิดถึงท่านลุงมากๆ…” สวีชิงเฉินยิ้มบางพลางโน้มตัวลงไปอุ้มเขาขึ้นมาแล้วยิ้มกล่าวว่า “หืม คิดถึงลุงใหญ่จริงๆ น่ะหรือ”
ม่อตัวน้อยดวงตายิ่งแวววาว มองสวีชิงเฉินที่อยู่วัยสามสิบกว่าๆ แต่ยังคงหล่อเหลางดงามและความงามนั้นราวกับไม่เคยแปดเปื้อนโลกีย์ใดมาก่อนแล้วจึงพยักหน้า เพิ่งจะพบกับชายอัปลักษณ์ไร้มารยาทไป เขากำลังต้องการใบหน้าอันหล่อเหลาของท่านลุงใหญ่มาปลอบประโลมมุมมองความงามที่ถูกสั่นคลอนไปอย่างมาก
“อวี้เฉินชอบท่านลุงใหญ่ที่สุดของที่สุดเลย” ดังนั้นแล้ว ท่านลุงใหญ่จึงเป็นบุรุษรูปงามที่แท้จริง ท่านพ่อเหยาะแหยะอ่อนแอเกินไป อยากจะลองลูบดูเหลือเกิน…ม่อตัวน้อยแอบน้ำลายไหลอยู่เงียบๆ หานหมิงซีดีกว่าหน่อย เพราะสัมผัสลูบไล้ได้ ท่านลุงใหญ่ร้ายกาจมาก จึงทำได้แค่มอง…
เยี่ยหลีเห็นแววตากลมโตของเด็กน้อยแวววาวระยิบระยับพอๆ กับหานหมิงซียามเห็นอะไรสักอย่าง จึงอดบีบแก้มเขาไม่ได้ อย่างที่ซิวเหยาเคยพูดไว้ไม่มีผิด ไม่ควรให้ตัวน้อยคลุกคลีกับหานหมิงซีบ่อยจนเกินไป แต่เยี่ยหลีลืมไป ม่อตัวน้อยแพรวพราวเจ้าชู้มาตั้งแต่เกิด เด็กน้อยเห็นว่าหานหมิงซีหน้าตาดีจึงได้ตีสนิทคลุกคลีด้วย ไม่ใช่เพราะหลังจากสนิทชิดเชื้อกับหานหมิงซีแล้วจึงได้เริ่มเจ้าชู้ คุณชายเฟิงเย่ว์ผู้โชคร้ายตกเป็นจำเลยทั้งๆ ที่อยู่เฉยๆ เสียแล้ว