ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 328-1 ฝาแฝดชายหญิงนั้นดีแท้
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ข่าวการยึดครองฉู่จิงของกองทัพตระกูลม่อได้แพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ เดิมทีผู้มีอำนาจของแคว้นต่างๆ ที่ยังคงอยากเล่นตุกติกอยู่พลันใจเย็นลงชั่วขณะ ในเวลาไม่ถึงสิบปีตำหนักติ้งอ๋องได้เปลี่ยนจากผู้ป่วยที่ถูกม่อจิ่งฉีปราบปราม กลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ที่สามารถแข่งขันกับใครก็ได้ในปัจจุบัน หลายคนถึงกับเสียใจที่พวกเขาไม่ได้ฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของตำหนักติ้งอ๋องเล่นงานพวกเขา เพื่อตอนนี้พวกเขาจะได้ไม่ต้องมีศัตรูที่แข็งแกร่งและยากต่อการคาดเดาเช่นนี้
แต่เมื่อมองไปยังทหารตระกูลม่อที่ประจำการอยู่ทั่วไป พวกเขาดูดุร้ายดั่งเสือก็มิปาน ผู้คนที่ตั้งท่าพร้อมจะเคลื่อนไหวก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา ความปรารถนาที่อยากจะทำลายกองทัพตระกูลม่อนั้นแข็งกร้าวอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าทุกคนก็รู้ผลของการหาเรื่องใส่ตัว หากตนทนไม่ไหวลงมือฟาดฟันกับตำหนักติ้งอ๋องอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนคนอื่น เช่นนั้นผลลัพธ์ก็คงมีแต่ผู้อื่นที่ได้ประโยชน์ไป
ในช่วงเวลาที่ผู้ปกครองแคว้นต่างๆ กำลังใคร่ครวญคิดการวางแผนอยู่นั้น ตำหนักติ้งอ๋องที่ตั้งอยู่ในเมืองหลีกลับกำลังสับสนวุ่นวาย
เรือนหลักที่เงียบสงบและอบอุ่นในยามปกติ ตอนนี้กลับเสียงดังเอะอะโวยวาย หลายคนในโถงบุปผาบ้างนั่งบ้างยืนกันอย่างกระสับกระส่าย ด้านนอกเรือนอันหรูหรามีหลายคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ หากอยู่ในตำหนักติ้งอ๋องมาเป็นเวลานาน จะจำได้ว่าฉากนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ถูกต้อง วันนี้เป็นวันที่สมาชิกคนใหม่ของตำหนักติ้งอ๋องกำลังจะถือกำเนิดขึ้น
ภายในโถงบุปผา ม่อซิวเหยานั่งอยู่บนตำแหน่งประธานด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่าทั้งร่างของเขาแข็งทื่อไปนานแล้ว หากเขาไม่พยายามอดทนอย่างถึงที่สุด ไม่แน่ว่าเขาอาจพุ่งเข้าไปในห้องแล้วก็เป็นได้ ถึงแม้เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาจะเคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วเมื่อครั้งที่คลอดม่อตัวน้อย แต่ก็ด้วยเพราะเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้ทั้งหมดมาแล้วจึงทำให้รู้สึกกลัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ยามคลอดม่อตัวน้อยมีเด็กอยู่ในท้องเพียงคนเดียว ทว่าครานี้กลับมีถึงสองคน ทุกคนในโถงบุปผาต่างพร้อมใจกันอยู่ให้ไกลจากม่อซิวเหยา แม้แต่ม่อตัวน้อยที่มักจะซุกซนและทำให้พ่อของเขาอึดอัดที่สุด ก็ยังอยู่ห่างจากม่อซิวเหยาอย่างรู้ความ ไปพิงซบอยู่ในอ้อมแขนของอาจารย์ชิงอวิ๋นที่อีกด้านหนึ่ง
เยี่ยหลีไม่ใช่คนที่ชอบกรีดร้องยามเจ็บปวด ดังนั้นยามคลอดลูก ฟังเสียงจากภายนอกจึงไม่ได้ดูน่ากลัวเท่ากับหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป ฉินเจิงที่นั่งอยู่อีกด้านอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตนเองตอนคลอดสวีจือรุ่ย ว่ากันว่าทั้งตระกูลสวีต่างได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น สวีชิงเจ๋อที่มักจะเฉยชาอยู่เป็นนิจ ตกใจกลัวเสียจน เมื่อได้ยินว่าเด็กคลอดออกมาแล้ว พลันเป็นลมล้มไป เมื่อเทียบกับสถานการณ์ของเยี่ยหลีในตอนนี้ พลันรู้สึกว่าตนเองน่าขายหน้าเหลือเกิน
ม่อตัวน้อยมองดูด้านในตาปริบๆ ด้วยความเป็นกังวล นานๆ ทีจะมีสาวใช้ยกน้ำเข้าออกห้อง เขากังวลพลางซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของอาจารย์ชิงอวิ๋น ดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยความกลัว อาจารย์ชิงอวิ๋นลูบเหลนตัวน้อยอย่างสงสาร ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เฉินเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ท่านแม่ของเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก เฉินเอ๋อร์อยากออกไปเล่นกับพวกจือรุ่ยหรือไม่ พอเจ้ากลับมาน้องชายน้องสาวเจ้าก็คงคลอดออกมาแล้ว” ม่อตัวน้อยส่ายหัว ก่อนจะเอ่ย “ไม่เอาขอรับ เฉินเอ๋อร์จะรอให้น้องชายและน้องสาวคลอดออกมาก่อน ท่านตาทวด ยามที่ท่านแม่คลอดเฉินเอ๋อร์ก็เจ็บปวดมากเช่นนี้เหมือนกันใช่หรือไม่ขอรับ” อาจารย์ชิงอวิ๋นเอ่ยพลางยิ้ม “ใช่น่ะสิ แม่ทุกคนต่างเจ็บปวดมากยามให้กำเนิดบุตร ดังนั้นต่อไปเฉินเอ๋อร์ต้องกตัญญูต่อท่านแม่ให้มากๆ เข้าใจหรือไม่”
ม่อตัวน้อยพยักหน้าแรงๆ “เฉินเอ๋อร์ทราบแล้ว เฉินเอ๋อร์จะต้องกตัญญูต่อท่านแม่อย่างแน่นอน เฉินเอ๋อร์ชอบท่านแม่มากที่สุดเลย”
“เด็กดี”
ด้านนอกประตูก็มีคนจำนวนไม่น้อยยืนอยู่ในบริเวณเช่นกัน ไม่เพียงแต่ผู้คนในตำหนักติ้งอ๋องเท่านั้น แต่ยังมีฮว่าเทียนเซียง หานหมิงซีและเยี่ยเหวินหวาด้วย โถงบุปผามีขนาดเล็กเกินไปไม่มีที่นั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรออยู่ในบริเวณเรือนที่ใกล้ที่สุดอย่างใจจดใจจ่อ
ภายในห้องนอน เยี่ยหลีกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความทรมานจากความเจ็บปวด ใบหน้าซีดเผือด สวีฮูหยินรองเฝ้าดูหมอตำแยทำงานอย่างร้อนรนอยู่อีกด้านหนึ่ง ได้แต่จับมือเยี่ยหลีพลางเอ่ย “หลีเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว หากเจ็บก็ร้องออกมา” เยี่ยหลีเหยียดยิ้มอย่างยากลำบากให้สวีฮูหยินรอง การคลอดลูกครั้งนี้เจ็บปวดกว่าครั้งก่อนจริงๆ เมื่ออาการเจ็บอย่างรุนแรงแล่นขึ้นมา ในที่สุดเยี่ยหลีก็ร้องออกมาอย่างทนไม่ไหว
ขณะที่สวีฮูหยินรองปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของนาง ก็ถามไปด้วยว่า “เกิดอะไรขึ้น ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดถึงจะคลอดเสร็จ”
หมอตำแยตอบอย่างลำบากใจเล็กน้อย “เกรงว่ายังต้องรอไปก่อน ตำแหน่งในครรภ์ของซื่อจื่อยังไม่ถูกต้อง ต้องรอให้ตำแหน่งในครรภ์ถูกต้องเสียก่อนถึงจะคลอดได้” ใบหน้าของสวีฮูหยินรองคร่ำเครียด นางก็เคยคลอดลูกมาแล้วสองคน ย่อมรู้ดีถึงปัญหาของตำแหน่งที่ผิดปกติของทารกในครรภ์ “เช่นนั้นก็เร็วหน่อยเถิด เจ้ารู้สถานะของพระชายาดี อย่าให้มีปัญหาเด็ดขาด!”
หมอตำแยพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะเอ่ย “ฮูหยินไม่กังวล อาการของพระชายาไม่ร้ายแรง จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพียงแต่พระชายาจะต้องทนทรมานอีกสักหน่อย” เยี่ยหลีได้ยินการสนทนาของพวกเขาเช่นกัน นางพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นอะไร เจ้าลงมือเถิด” ครานี้หมอตำแยถึงได้เดินเข้ามาและเริ่มดันขยับตำแหน่งของทารกในครรภ์ สวีฮูหยินรองจับมือเยี่ยหลีพลางกระซิบปลอบโยนนาง “ไม่ต้องกลัว หลีเอ๋อร์…ผ่อนคลายนะ ตอนที่ป้าคลอดพี่สามของเจ้า เด็กก็ไม่กลับหัวเช่นกัน ไม่ต้องห่วง”
เยี่ยหลีพยักหน้าและอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเป็นพักๆ
จากกลางวันจนถึงกลางคืน ภายในห้องนอน นอกจากเสียงคร่ำครวญที่มาจากความเจ็บปวดของเยี่ยหลีเป็นครั้งคราวแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยเลย ม่อซิวเหยาที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานมาเป็นเวลานาน ยืนขึ้นและจะพุ่งเข้าไปข้างในอย่างอดทนไม่ไหวอีกต่อไป อาจารย์ชิงอวิ๋นรีบเรียกเขาไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้!” ม่อซิวเหยาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไป อาจารย์ชิงอวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “หากเจ้าหวังดีต่อหลีเอ๋อร์ก็อย่าเข้าไป! เจ้าเข้าไปแล้วหมอตำแยด้านในจะกล้าทำคลอดหรือ” คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง แรงกดดันของม่อซิวเหยาในเวลานี้ แม้แต่กับคนที่นั่งอยู่ในโถงบุปผาก็ยังทนไม่ไหว นับประสาอะไรกับหมอตำแยเหล่านั้น ฉินเจิงพาม่อตัวน้อยไปรออยู่นอกประตูนานแล้ว กลัวก็แต่พอม่อซิวเหยาเข้าไป หมอตำแยเหล่านั้นจะยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่ เรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างความวุ่นวายก็มีให้เห็นไม่น้อย
ไอเย็นของม่อซิวเหยายังคงแผ่ออกมาไม่หยุด ก่อนจะหันกลับมามองอาจารย์ชิงอวิ๋น หลังจากนั้นครู่ใหญ่ถึงกลับไปนั่งที่ตำแหน่งเดิม แต่ดวงตาที่ดุร้ายนั่นทำให้คนรอบข้างคิดว่าเขาอยากจะพังประตูเข้าไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกคนรอคอยจนกระทั่งรุ่งสาง ในที่สุดก็มีเสียงร้องของเด็กทารกดังขึ้นจากในห้อง
ผู้คนที่เดิมทีวิตกกังวลอยู่ ราวกับตื่นขึ้นในพริบตา ก่อนจะพากันลุกขึ้นยืน ม่อตัวน้อยวิ่งเข้ามาจากด้านนอก “น้องสาว ข้าได้ยินเสียงน้องสาวแล้ว!” เมื่อเอ่ยจบก็วิ่งไปที่ประตู แต่ประตูห้องคลอดยังคงปิดอยู่ ม่อตัวน้อยก็ไม่ออกไปไหน รออยู่ที่หน้าประตูตาปริบๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกครั้ง และในที่สุดทุกคนก็โล่งใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวีฮูหยินและหมอตำแยคนหนึ่งก็ออกมาพร้อมกับเด็กในอ้อมแขน ยิ้มพลางเอ่ย “ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แม่ลูกล้วนปลอดภัย”
ยื่นเด็กไปตรงหน้าอาจารย์ชิงอวิ๋น อาจารย์ชิงอวิ๋นเห็นลิงน้อยตัวแดงสองตัวหน้าตายู่ยี่ก็ชอบใจใหญ่ “ดี เด็กดี หลีเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง” สวีฮูหยินยิ้มก่อนจะเอ่ย “เหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืน หลับไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ดูนี่สิ นี่คือพี่สาว และนี่คือน้องชาย” อาจารย์ชิงอวิ๋นพยักหน้าอย่างมีความสุข ก่อนจะเอ่ย “หญิงชายนั้นเป็นเรื่องที่ดี ดีมาก ดีมาก…”