ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 330-2 ชื่อเล่นของเจ้าตัวเล็ก
เมื่อกลับไปถึงเรือนหลัก ภายในห้องที่ต่อเติมออกมาจากห้องนอน ด้านในเปลกว้างใหญ่มีซาลาเปาน้อยขาวนุ่มสองก้อนนอนรียงกันอยู่ หนูน้อยเพิ่งจะครบเดือนได้ไม่นาน ตอนนี้หน้าตากำลังน่ารัก เนื้อตัวนุ่มนิ่ม ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างอดมันเขี้ยวไม่ได้ ซาลาเปาสามก้อนที่ส่วนสูงไม่เท่ากันยืนล้อมอยู่ มองดูทารกน้อยน่ารักทั้งสองด้วยตาละห้อย ทารกน้อยทั้งสองเลี้ยงง่ายเป็นพิเศษ นานๆ ทีถึงจะตื่นขึ้นมา ดวงตาเล็กดำขลับจ้องมองไปมาโดยไม่ร้องไห้
“น้องสาว…น้องสาวรีบโตเร็วเข้า พี่จะพาเจ้าไปเล่น…” ม่อตัวน้อยเอ่ยพลางไกวเปล พร้อมมองทารกน้อยในห่อผ้าอ้อมสีแดง ก่อนจะหันไปมองน้องชายตัวน้อยที่อยู่ในห่อผ้าสีเหลือง เอ่ย “น้องชายก็รีบๆ โต พี่จะสอนวรยุทธ์ให้เจ้า พวกเราต้องปกป้องน้องสาวด้วยกัน…”
“ข้าด้วย! ข้าด้วย!” ซาลาเปาน้อยเหลิ่งจวินหานยกมือขึ้น เอ่ย “ข้าก็อยากปกป้องน้องสาวด้วย จวินหานชอบน้องสาว!”
ม่อตัวน้อยที่เป็นมิตรต่อเหลิ่งเอ๋อน้อยมาโดยตลอด กลายเป็นคนโหดร้ายโดยพลัน “เหลิ่งเอ๋อน้อย เจ้าบังอาจเอาเปรียบน้องข้าหรือ! น้องสาวเป็นของข้า เจ้าห้ามคิดอะไรเพ้อเจ้อเด็ดขาด!” ม่อตัวน้อยในอายุเจ็ดขวบมีคำพูดเหมือนผู้ใหญ่ไม่น้อย เหลิ่งเอ๋อน้อยสะบัดหน้าด้วยความผยอง “ฮึ! ก็ข้าจะชอบน้องสาว!” น้องสาวเนื้อตัวนุ่มนิ่ม น่ากัดเหลือเกิน…
“เช็ดน้ำลายเดี๋ยวนี้ อย่าให้โดนตัวน้องสาวนะ สกปรก” สวีจือรุ่ยมองเหลิ่งเอ๋อน้อยอย่างรังเกียจ เย็นชาและเคร่งขรึมดั่งบิดาของเขา ทว่าเขาก็อยากจับน้องชายและน้องสาวเช่นกัน
ม่อตัวน้อยหันตัวกลับมา สองมือเท้าเอวอย่างเคร่งขรึม จ้องมองพรรคพวกทั้งสองคน ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “พวกเจ้าห้ามคิดไม่ซื่อกับน้องสาวข้า ต่อไปหากมีใครคิดไม่ซื่อกับน้องสาวข้า พวกเจ้าต้องต่อยพวกเขาไปพร้อมกับข้า!” ซาลาเปาสองก้อนมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าให้ม่อตัวน้อยอย่างยึดมั่น พร้อมกับเอ่ย “ถูกต้อง ใครกล้าคิดไม่ซื่อกับน้องสาว ต้องต่อยเขา!” ขณะเดียวกันก็หันไปมองประหนึ่งเป็นศัตรูกัน น้องสาวตัวนุ่มนิ่มเป็นของข้า!
ด้านนอกประตู เยี่ยหลีได้ยินซาลาเปาสามก้อนคุยกัน จึงเอนพิงม่อซิวเหยาแล้วหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ม่อซิวเหยาประคองเยี่ยหลีด้วยมือข้างหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหล่ากลับเต็มไปด้วยความบูดบึ้ง ม่อตัวน้อยเด็กโง่ อุตส่าห์พร่ำสอนอยู่ตั้งหลายปี เสียเปล่าจริงเชียว คนที่จะคิดไม่ซื่อกับน้องสาวเจ้าคนแรกก็คือสองคนที่อยู่ตรงหน้าเจ้านั่นแหละ!
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง เยี่ยหลีอมยิ้ม พลางเอ่ยถาม “ตัวน้อย จือรุ่ย จวินหาน กำลังอะไรอยู่”
เมื่อเห็นคนในครอบครัวทั้งสองเดินเข้ามา ม่อตัวน้อยก็ต้อนรับด้วยความเบิกบาน โดยที่ยังไม่ลืมเอาดีเข้าตัว “ท่านแม่ ลูกกำลังปกป้องน้องชายกับน้องสาวอยู่ขอรับ”
ม่อซิวเหยาเดินเข้าไปอุ้มทารกน้อยในเปล แม่นมเดินถอยออกไปอีกทาง เขาก้มลงมองทารกน้อยในอ้อมแขนด้วยความรักใคร่อย่างมาก “องค์หญิงน้อยของพ่อกำลังตื่นอยู่นี่นา ไม่ร้องไห้ด้วย…เป็นเด็กดีเสียจริง ไม่เหมือนกับพี่ชายของเจ้าสักนิด ตอนเด็กๆ เอาแต่ร้องไห้ทั้งวัน จนพ่อเกือบคิดว่าเขาทำอย่างอื่นไม่เป็น ทำได้แค่ร้องไห้เสียแล้ว” ม่อตัวน้อยที่ถูกพ่อตัวเองเหน็บแนมต่อหน้าน้องสาว ถลึงตามองม่อซิวเหยาด้วยความโกรธเคือง ม่อซิวเหยาไม่แยแสต่อสายตาต่อต้านของเขา อุ้มองค์หญิงน้อยให้สูงขึ้นอีก เพื่อไม่ให้ม่อตัวน้อยยืดคอมองเห็นได้
ในอนาคตข้าต้องตัวสูงกว่าท่านพ่อให้ได้! ม่อตัวน้อยสาบานกับตัวเองในใจด้วยความโกรธเคือง
เยี่ยหลีอมยิ้ม พลางลูบหัวลูกชาย ม่อตัวน้อยจับชายเสื้อท่านแม่อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่ ท่านพ่อรังแกตัวน้อย…” เยี่ยหลีเขกหัวเขาเบาๆ พลางยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “ช่วงนี้เจ้าเอาแต่เฝ้าน้องสาว ไม่ต้องเรียนหนังสือแล้วหรือ” ม่อตัวน้อยลูบหัวตัวเอง “ท่านทวดบอกว่าสองสามวันนี้ไม่สอนหนังสือ…”
“ท่านทวดอายุมากแล้ว ช่วงนี้ก็มีงานมากถึงไม่ได้สอน แต่พวกเจ้าเรียนกันเองไม่ได้เลยหรือ สองสามวันนี้ไม่ได้คัดตัวอักษร ไม่ได้อ่านหนังสือเลยใช่หรือไม่” เยี่ยหลีก้มหน้ามองลูกชาย ถามอย่างมีเลศนัย
“สามวัน…” ม่อตัวน้อยยอมรับผิดด้วยตัวเอง ก้มหน้าตอบเสียงเบา “ท่านแม่ ลูกผิดไปแล้ว…”
“สำนึกผิดก็ดี การเรียนต้องอาศัยวินัย ยืนหยัดต่อไปด้วยจิตใจแน่วแน่ เข้าใจหรือไม่”
“ลูกเข้าใจแล้ว ลูกจะไปเรียนทดแทนสองสามวันที่หายไปเดี๋ยวนี้” มอ่ตัวน้อยพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า พลางเอ่ย เยี่ยหลีจึงก้มตัวลงไปจูบหน้าผากลูกชายยิ้มๆ “นี่สิถึงจะเป็นเด็กดี กินอาหารเที่ยงก่อนแล้วค่อยไป อย่าหักโหมมาก ทำอะไรต้องมีขีดจำกัด เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ ลูกเข้าใจแล้ว ตอนกลางคืนลูกค่อยมาดูน้องชายและน้องสาวใหม่” ม่อตัวน้อยพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนจะพาสวีจือรุ่ยและเหลิ่งจวินหานออกไป เมื่อเห็นเด็กทั้งสามคนออกไปพร้อมกับความอาลัยอาวรณ์ เยี่ยหลีก็หัวเราะออกเสียงดังออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะไปอุ้มทารกน้อยที่นอนอยู่ในเปลขึ้นมา หนูน้อยกำลังลืมตากลมแป๋ว พอมองเห็นเยี่ยหลีก็หัวเราะเอิ้กอ้ากออกมา เห็นลูกชายเป็นเด็กดีเลี้ยงง่ายเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยหลีก็อบอุ่นมากขึ้น ม่อซิวเหยาที่อุ้มองค์หญิงน้อยอยู่ก็เหล่มองมาทางนี้ทีหนึ่ง ก่อนสายตาจะไปตกอยู่ที่ลูกชายที่กำลังหัวเราะเอิ้กอ้ากในอ้อมแขนเยี่ยหลี ดวงตาคมพลันหรี่ลง “อาหลี เจ้ามาอุ้มองค์หญิงน้อยแล้วเอาเจ้าเด็กนี่มาให้ข้าอุ้มเถิด”
เยี่ยหลีงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนก้อนซาลาเปากับเขาอย่างไม่เข้าใจ ใครอุ้มใครจะต่างอะไรกัน อีกอย่างม่อซิวเหยาไม่ได้ชอบเด็กผู้หญิงมาตลอดหรอกหรือ
“แงๆ…” ทันทีที่เจ้าหนูน้อยถึงมือม่อซิวเหยา ก็ส่งเสียงร้องดังโดยไม่ไว้หน้ากันทันที ราวกับเสียงร้องไห้ของเขาดังรบกวน ทำให้องค์หญิงน้อยให้มือเยี่ยหลีก็ร้องไห้ฮือๆ ตามไปด้วย ม่อซิวเหยาหน้าเครียดไปชั่วขณะ จ้องมองทารกน้อยในอ้อมแขนอย่างไม่สบอารมณ์ “หุบปาก!”
“แงๆ!” ทารกน้อย
“ฮือๆ…” องค์หญิงน้อย
“หุบปาก!”
“แงๆ!”
หน้าของเยี่ยหลีที่อุ้มองค์หญิงน้อยพลางโอ๋อยู่คร่ำเครียดขึ้น เพราะทั้งสองคนข้างๆ เสียงดังเกินไป จึงไม่อาจโอ๋องค์หญิงน้อยได้เลย จึงอุ้มทารกน้อยจากอกม่อซิวเหยามาอย่างไม่สบอารมณ์ และส่งองค์หญิงน้อยกลับไปให้เขาอีกครั้ง เยี่ยหลีถึงได้มีสมาธิโอ๋ทารกน้อย “เป็นเด็กดีนะลูก ท่านพ่อไม่ดีเอง พวกเราอย่าไปสนใจเขาเลยนะ…เป็นเด็กดีไม่ร้องนะ…”
ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างพลางอุ้มลูกสาว พลันหน้าเครียดขึ้นทันใด “อาหลี…”
เยี่ยหลีถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เด็กจะร้องหรือไม่ร้อง เขาควบคุมได้ที่ไหน เจ้ายังไปดุเขาอีก หากตกใจกลัวขึ้นมาจะทำอย่างไร”
ม่อซิวเหยาเหล่มองเด็กชายในอ้อมแขนของภรรยาเขาอย่างไม่สบอารมณ์ทีหนึ่ง พลางตำหนิอยู่ในใจ ดูท่าทางนั่นสิ อยากจะท้าทายเขาชัดๆ ตกใจที่ไหนกันเล่า เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย เหตุใดอาหลีไม่คลอดองค์หญิงน้อยออกมาสองคนกันนะ ดูซิ องค์หญิงน้อยของเขาเป็นเด็กดีขนาดไหน
“อาหลี อาจารย์ชิงอวิ๋นตั้งชื่อของลูกได้หรือยัง” ม่อซิวเหยามององค์หญิงน้อยในอ้อมกอด พลางถาม องค์หญิงน้อยหน้าตาน่ารัก แม้จะเพิ่งอายุได้เดือนกว่าๆ ทว่าหน้าตาละม้ายคล้ายเยี่ยหลีมาก แม้แต่ทุกคนในตระกูลสวียังบอกว่าเหมือนอาหลีตอนเด็กๆ ไม่มีผิด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ดวงตาขององค์หญิงน้อยเหมือนเขา สมกับเป็นลูกสาวของเขา หน้าตาเหมือนเจ้าคนนายคนจริงๆ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นลูกของเขากับอาหลี แต่ว่าเจ้าเด็กนี่สิ! ม่อซิวเหยาเหลือบมองทารกชายในมือเยี่ยหลี เหตุใดต้องหน้าเหมือนสวีชิงเฉินด้วย! แม้จะว่ากันว่าหลานชายจะหน้าเหมือนน้า แต่สวีชิงเฉินเป็นลุงต่างหากเล่า