ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 331-1 ความรักของพี่น้อง
ไม่ถึงสองวัน หลังจากเหรินฉีหนิงมาถึงเมืองหลี ม่อจิ่งหลีและเหลยเจิ้นถิงก็ทยอยมาถึงเช่นกัน และเวลาในการมาถึงของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ห่างกันเท่าไรนัก ยามม่อซิวเหยาและเยี่ยหลีเตรียมต้อนรับเหลยเจิ้นถิงที่หน้าประตู บ่าวก็มารายงานว่าม่อจิ่งหลี หลีอ๋องแห่งต้าฉู่ได้มาถึงแล้ว ในทุกวันนี้แม้ระหว่างเหลยเจิ้นถิงและม่อจิ่งหลีจะไม่มีความขัดแย้งต่อกัน แต่พวกเขาก็ห่างกันเพียงแม่น้ำคั่น คนของเหลยเจิ้นถิงยังครอบครองมุมเล็กๆ ของเจียงเป่ย ซึ่งล้วนกล่าวกันว่าข้างเตียงนอนของตน จะยอมให้ผู้อื่นมานอนสบายๆ ได้อย่างไร พอทั้งสองมาเจอกัน บรรยากาศจึงไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
แต่เยี่ยหลีและม่อซิวเหยาไม่ได้สนใจ เพราะพอม่อซิวเหยาได้เจอหน้าเหลยเจิ้นถิงบรรยากาศก็ไม่ดีเท่าไรเช่นกัน ก่อนหน้านี้ม่อซิวเหยาเล่นงานเหลยเจิ้นถิงอย่างหนัก เขาฉวยโอกาสตอนที่เหลยเจิ้นถิงออกรบ ยึดครองเมืองหลวงซีหลิงและสังหารลูกน้องของเหลยเจิ้นถิง จนกระทั่งเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน ถ้าเหลยเจิ้นถิงไม่โกรธม่อซิวเหยาก็คงจะแปลก แต่ตอนนี้เหลยเจิ้นถิงกระสันอยากที่จะฟาดฟันม่อซิวเหยาให้จมดิน ทว่าก็ยังต้องมาที่งานเลี้ยงวันเกิดของอาจารย์ชิงอวิ๋นอย่างใจเย็น เพราะถ้าเขาไม่ได้มา ฮ่องเต้แห่งซีหลิงก็จะมาอยู่ดี ตอนนี้เหลยเจิ้นถิงสูญเสียข้อได้เปรียบในการปราบปรามฮ่องเต้แห่งซีหลิงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่อาจให้เขาร่วมมือกับตำหนักติ้งอ๋องมาจัดการตัวเองอีกแน่นอน
ตอนนี้ม่อจิ่งหลีมีอยู่ในอำนาจอยู่ในมือ ซึ่งมากกว่าปีก่อนๆ จำนวนองครักษ์คุ้มกันไม่ได้น้อยไปกว่าประมุขแห่งแคว้นเลย แต่ผู้ติดตามยังคงเป็นเยี่ยอิ๋งและองค์หญิงซีสยา ตอนนี้ม่อจิ่งหลีได้กุมอำนาจในต้าฉู่ไว้แล้ว ทว่าเยี่ยอิ๋งไม่ได้กลายเป็นคนที่ดูสูงส่งขึ้นเท่าไรนัก ในทางกลับกันกลับผอมแห้งแรงน้อยลงไปหลายส่วน แต่องค์หญิงซีสยาที่ยืนอยู่ทางขวามือของม่อจิ่งหลี ยังคงมีหน้าตาสดใสไม่ต่างไปจากเดิม เมื่อเห็นเช่นนี้ เยี่ยหลีจึงเข้าใจว่าเหตุใดคนในตระกูลเยี่ยถึงมาที่ซีเป่ยแทนที่จะเป็นเจียงหนาน เกรงว่าชีวิตของเยี่ยอิ๋งในเจียงหนานคงไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไรนัก
รูปลักษณ์ของม่อจิ่งหลียังคงเย่อหยิ่งอยู่เสมอ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ครั้นเห็นม่อซิวเหยาที่ยืนเคียงข้างเยี่ยหลี สายตายิ่งน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าม่อซิวเหยาไม่มีอารมณ์จะทักทายเขา ทำเพียงเลิกคิ้วเบาๆ ม่อจิ่งหลีมองเยี่ยหลีและม่อซิวเหยาอีกครั้ง หลังจากเห็นว่าเหลยเจิ้นถิงก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน เขาจึงส่งเสียงฮึเบาๆ “ที่แท้เจิ้นหนานอ๋องมาถึงก่อนเพียงก้าวเดียว ไฉนจึงไม่เข้าไป ยืนอยู่หน้าประตูทำไมกัน”
เหลยเจิ้นถิงไม่แยแสการยั่วยุอารมณ์อันเล็กน้อยนี้ของเขา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ากำลังพูดคุยกับติ้งอ๋องและพระชายาอยู่นี่อย่างไรเล่า คิดไม่ถึงว่าหลีอ๋องจะมาถึงแล้ว เข้าไปพร้อมกันเลยสิ”
“อย่างนั้นหรือ ไม่ทราบกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ข้าขอเป็นเกียรติร่วมสนทนาด้วยได้หรือไม่” ม่อจิ่งหลีจ้องเหลยเจิ้นถิงและพูดเสียงเย็น
เหลยเจิ้นถิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ากำลังแสดงความยินดีกับติ้งอ๋องที่ได้ครอบครองเมืองฉางซิง และเพิ่งมีบุตรน่ะ ถือได้ว่าเป็นโชคดีสองต่อทีเดียว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของม่อจิ่งหลีก็นิ่งไปทันที เหลยเจิ้นถิงพูดถึงเมืองฉางซิง ณ ที่แห่งนี้ในเวลานี้ ก็เหมือนเป็นการตบหน้าเขา ฉู่จิงไม่ได้เพิ่งถูกเขาทอดทิ้งไปหรอกหรือ ม่อจิ่งหลีเงยหน้ามองเหลยเจิ้นถิงทีหนึ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มเย็นออกมา “ไม่ใช่โชคดีสองต่อเสียหน่อย ปีที่ผ่านมาก็ได้เมืองหลวงแห่งซีหลิงมาด้วยไม่ใช่หรือ เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อและครอบครับสบายดีหรือไม่” จริงอยู่ที่ฉู่จิงตกมาอยู่ในมือของม่อซิวเหยา เมืองหลวงแห่งซีหลิงก็ตกอยู่ในมือของม่อซิวเหยาเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของเหลยเจิ้นถิง หลานชายและหลานสาวต่างถูกม่อซิวเหยาฆ่าตายเช่นกัน เมื่อเทียบกันแล้วก็ไม่รู้ว่าใครย่ำแย่กว่ากันกันแน่
เมื่อเอ่ยจบ เหลยเจิ้นถิงก็ยิ้มไม่ออก แม้ว่าเมืองหลวงซีหลิงจะไม่หลุดไปในตอนที่เขาดูแลอยู่ในมือ แต่อย่างน้อยก็เป็นเพราะไม่ได้ส่งทหารกลับไปช่วยให้ทันการณ์
เยี่ยหลีที่ยืนอยู่บนบันไดลอบถอนหายใจอย่างจนปัญญา การเลือกที่จะรักแขกในเวลานี้นั้นเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนจริงๆ ตอนนี้ไม่ว่าแคว้นใด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เป็นมิตรกับตำหนักติ้งอ๋องเลยสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสองคนนี้ที่ยืนอยู่ตรงประตู พูดคุยเกี่ยวกับเมืองหลวงที่พวกเขาสูญเสียไป จะไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่หรือไม่ หรือพวกเขาคาดหวังว่า ม่อซิวเหยาจะคายของที่เขากินเข้าไปแล้วออกมา
เยี่ยหลีกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ท่านอ๋องทั้งสองมาจากแดนไกล และเดินทางมาเหนื่อยมากแล้ว ไฉนไม่เข้าไปในจวน ดื่มชาสักแก้วแล้วคุยถึงเรื่องราวเก่าๆ กันเล่า”
ทั้งสองคนพอได้ยินคำพูดนั้น ต่างก็พากันมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง ใครจะคุยเรื่องเก่าๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่มีเรื่องเก่าอะไรจะพูดถึงด้วย
เยี่ยหลีเดินนำฝูงชนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ นั่งลง รอจนกระทั่งสาวใช้ยกน้ำชามาให้ถอยออกไป ถึงได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านตาอายุมากแล้ว ช่วงนี้เหนื่อยล้าเล็กน้อย เกรงว่าจะไม่ได้ต้อนรับท่านทั้งสอง โปรดอภัยด้วย”
ทั้งสองคนรู้ว่าอาจารย์ชิงอวิ๋นอายุแปดสิบปีแล้ว เหตุผลที่เยี่ยหลีเอ่ยทำให้คนอื่นไม่อาจโต้แย้งใดๆ ได้ เหลยเจิ้นถิงพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “เรามาที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของอาจารย์ชิงอวิ๋น จะให้เจ้าของวันเกิดเหนื่อยได้อย่างไร รอให้ถึงวันงานแล้วข้าค่อยเข้าไปคารวะอาจารย์ชิงอวิ๋นก็แล้วกัน”
เยี่ยหลีขอบคุณด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วบรรยากาศในห้องโถงก็แปลกไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าชายทั้งสามคนไม่มีใครเป็นมิตรต่อกันทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะพูดกัน เยี่ยหลีเองก็ไม่ได้ชอบเหลยเจิ้นถิงและม่อจิ่งหลีเช่นกัน และไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะควบคุมสถานการณ์ จึงหันไปพูดกับม่อซิวเหยาพร้อมรอยยิ้ม “ข้ามีเรื่องจะพูดกับน้องสี่ ท่านอ๋องดูแลเจิ้นหนานอ๋องและหลีอ๋องเองได้ใช่หรือไม่”
ม่อซิวเหยาพยักหน้าอย่างไม่ว่าอะไร เยี่ยหลีลุกขึ้น พูดพลางยิ้มบางๆ ให้กับเยี่ยอิ๋งที่นั่งอยู่ข้างๆ ม่อจิ่งหลี “น้องสี่ ออกไปเดินเล่นกันเถิด”
เห็นได้ชัดว่า เยี่ยอิ๋งก็มีเรื่องจะพูดกับเยี่ยหลีเช่นกัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร นางก็ยืนขึ้นและเดินตามเยี่ยหลีออกไปแล้ว ทันทีที่ทั้งสองเดินออกไป จึงเหลือเพียงองค์หญิงซีสยาอยู่ในห้องโถง องค์หญิงซีสยามองไปที่ประตู สุดท้ายก็ยืนขึ้นและเอ่ยว่า “ข้าก็จะออกไปเดินเล่นด้วย”
ไม่นาน ก็เหลือผู้ชายเพียงสามคนในห้องโถงใหญ่ บรรยากาศก็ดูจริงจังมากขึ้น
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ถึงได้ยินม่อจิ่งหลียิ้มเย็นก่อนจะเอ่ย “ม่อซิวเหยา เจ้าช่างวางแผนเก่งนักนี่ ปีที่แล้วทุกคนทั้งใต้หล้าต่างถูกเจ้าปั่นหัวกันหมดเลยกระมัง” เหลยเจิ้นถิงเห็นใบหน้าของม่อซิวเหยานิ่งขึ้นเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครได้เปรียบจากการต่อสู้ระหว่างหลายแคว้นในปีนี้อย่างแท้จริง ทว่าคนที่ได้รับประโยชน์จริงๆ ก็คือชายผมขาวที่กำลังเอนกายพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านผู้นั้น อาณาเขตที่ตำหนักติ้งอ๋องได้ครอบครองไม่ใช่เพียงซีหลิงและอาณาเขตขนาดใหญ่ของต้าฉู่กับเมืองอีกสองเมืองเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเวลานี้กองทัพตระกูลม่อได้กำจัดการผูกมัดและภาระอย่างต้าฉู่ได้สำเร็จ กองทัพตระกูลม่อในวันนี้ไม่ว่าจะไปรบที่ใด ต่างก็ถูกต้องตามหลักธรรมนองคลองธรรม ไม่มีใครสามารถว่าอะไรได้อีก ดังนั้นตั้งแต่ต้นมา ม่อซิวเหยาจึงรอเวลาที่เป่ยหรงและซีหลิงโจมตีต้าฉู่ เพราะในฐานะที่เป็นขุนนางเก่าของต้าฉู่ แม้ว่าเขาจะตัดสัมพันธ์กับต้าฉู่แล้วก็ตาม ทว่าก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยกทัพไปโจมตีต้าฉู่ก่อนเป็นอันดับแรก และตอนนี้ข้อจำกัดนั้นได้ถูกทำลายโดยพวกเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ถึงแม้นานวันเข้า ทุกคนก็จะเข้าใจเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่นี้ แต่ในเวลานี้ ต่อให้เข้าใจอย่างไรก็สายเกินไปแล้ว ผู้ฉวยโอกาสอย่างม่อซิวเหยาได้เปรียบมาเป็นเวลาหนึ่งปี ต่อให้เป็นเหลยเจิ้นถิงที่ศักดิ์ศรีสูงเสียดฟ้า ก็ต้องถอนหายใจให้กับความอดทนและความเฉลียวฉลาดของม่อซิวเหยา
ม่อซิวเหยามองม่อจิ่งหลีอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ “ข้าเป็นคนใจกว้าง ไม่สนคำด่าของพวกขี้แพ้หรอก”
“ม่อซิวเหยา!” ม่อจิ่งหลีตะโกนก้องด้วยความ ยามเผชิญหน้ากับม่อซิวเหยา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่พ่ายแพ้อยู่เสมอ แต่ม่อจิ่งหลีไม่เคยอยากให้ม่อซิวเหยาหายไปจากโลกนี้ได้มากเท่านี้มาก่อน เพราะการเล่นงานของเขา เขาสูญเสียต้าฉู่ไปครึ่งหนึ่ง และทำได้เพียงอยู่ในมุมหนึ่งเท่านั้น แม้เขาจะกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในเจียงหนาน แต่ทุกครั้งที่เขาได้ยินคนพูดถึงม่อซิวเหยา ก็ราวกับว่าเขาได้ยินคนเยาะเย้ยและไม่พอใจในตัวเขา เพราะเมืองหลวงที่เขาสูญเสียไปนั้น ได้รับการช่วยเหลือจากติ้งอ๋อง และฉู่จิงที่ได้รับการช่วยชีวิตนั้น ไม่ใช่ของต้าฉู่อีกต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะม่อซิวเหยา…