ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 333-1 แขกผู้มีเกียรติมากันพร้อมหน้า และพระชายาองค์ชายเจ็ด
- Home
- ชายาเคียงหทัย
- ตอนที่ 333-1 แขกผู้มีเกียรติมากันพร้อมหน้า และพระชายาองค์ชายเจ็ด
เยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาอุตส่าห์หาเวลาว่างในช่วงที่กำลังยุ่งหัวหมุนมานั่งคุยเล่นกันในห้องหนังสือ แต่ด้านนอกประตูหัวหน้าพ่อบ้านม่อกลับรีบร้อนเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายา ที่เรือนหน้าหลีอ๋องเกิดทะเลาะกับคนอื่นขึ้นมาเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ได้ยินดังนั้น นัยน์ตาม่อซิวเหยาก็เผยความรำคาญใจขึ้นมาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ย “องครักษ์ของตำหนักติ้งอ๋องเลี้ยงเสียข้าวสุกกันหมดแล้วหรือ โยนเขาออกไป ไม่ต้องไว้หน้า!”
หัวหน้าพ่อบ้านม่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “แต่ว่า…คนที่หลีอ๋องทะเลาะวิวาทด้วยเป็นพระสวามีของจักพรรดินีแห่งหนาวจ้าวนะพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีลุกยืน ก่อนจะพูดกับม่อซิวเหยาด้วยรอยยิ้ม “ไฉนสองคนนี้ถึงเกิดทะเลาะกันขึ้นมาได้ ผู้มาเยือนเป็นแขก พวกเราไปดูสักหน่อยเถิด” เยี่ยหลีพูดขนาดนี้แล้ว ต่อให้ม่อซิวเหยาไม่ยินดีแค่ไหนก็จำต้องเดินหน้าบึ้งตามเยี่ยหลีออกไปที่เรือนหน้า
สถานที่ทะเลาะวิวาทอยู่ในลานใหญ่ที่พอเข้าประตูตำหนักติ้งอ๋องมาก็เจอทันที เรือนหน้าของตำหนักติ้งอ๋องตกแต่งอย่างเรียบง่ายยิ่งนัก กำแพงเก้ามังกรขนาดใหญ่แยกลานด้านหน้าและด้านหลังออกจากกัน ทันทีที่เดินเข้าประตูมา จะเห็นมังกรเก้าตัวที่กำลังโจนทะยานโผบินประหนึ่งมีชีวิต ท่วงท่าน่าเกรงขามไม่ธรรมดาพาให้ผู้พบเห็นเกิดความเกรงกลัว ด้านหลังกำแพงเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าสุดของตำหนักติ้งอ๋อง นอกห้องโถงใหญ่ มีเงาของชายสองคนกำลังต่อสู้กันเป็นพัลวัน ที่น่าปวดหัวที่สุดคือ พวกเขาไม่ได้กำลังประวรยุทธิ์กัน แต่ชกต่อยแลกหมัดแลกเตะกันเหมือนชาวบ้านธรรมดาสามัญทั่วไป ดูไม่ออกสักนิดว่าคนหนึ่งเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการของต้าฉู่ และอีกคนหนึ่งเป็นพระสวามีของจักรพรรดินีแห่งหนานจ้าว
ไม่ไกลจากนั้น องค์หญิงอันซี องค์หญิงซีสยา และเยี่ยอิ๋งก็ยืนดูอยู่ด้วย องครักษ์ชุดดำสองคนยืนขวางอยู่ตรงหน้าองค์หญิงอันซี เพื่อไม่ให้พวกเผลอพลั้งมือไปทำร้ายองค์หญิงอันซีที่กำลังตั้งครรภ์เข้า พระพักตร์ขององค์หญิงอันซีแตกต่างจากใบหน้าที่เป็นกังวลของเยี่ยอิ๋งและองค์หญิงซีสยา นางดูสงบมากราวกับไม่นึกกังวลสักนิดว่าพระสวามีของตนจะพ่ายแพ้หรือได้รับบาดเจ็บ ในทางตรงกันข้าม องค์หญิงซีสยาที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นผู่อาชกเข้าที่ใบหน้าของหลีอ๋องโดยไม่ออมแรงสักนิด น้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาด้วยควาสงสารจับใจทันที นางคว้าแขนเสื้อขององค์หญิงอันซีแล้วเอ่ยว่า “เสด็จพี่ รีบบอกให้เขาหยุดที! เขาทำร้ายท่านอ๋องจนบาดเจ็บแล้ว!”
องค์หญิงอันซีเหลือบมองน้องสาว ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือนางเบาๆ นางดึงแขนเสื้อตัวเองออกพลางขมวดคิ้ว “ชายอกสามศอกบาดเจ็บนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นอะไรไป ซีสยา เจ้าน่ะ ออกไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานานหลายปีแล้ว เดิมข้ายังคิดว่าเจ้าน่าจะเรียนรู้กฎของต้าฉู่มามากแล้วเสียอีก ตอนนี้ดูท่ายังสู้ตอนอยู่ที่หนานจ้าวไม่ได้เลยนะ”
องค์หญิงซีสยาพูดอย่างกังวลใจ “แต่…แต่เสด็จพี่…”
องค์หญิงอันซีก้มหน้าลง “เจ้าถูกถอดออกจากราชวงศ์หนานจ้าวแล้ว ข้าไม่ใช่เสด็จพี่ของเจ้าอีก” องค์หญิงอันซีเกลียดม่อจิ่งหลีไม่น้อยไปกว่าใคร ในคราแรกที่ม่อจิ่งหลีและซูม่านหลินสมรู้ร่วมคิดกันก็สร้างปัญหาให้นางไม่น้อย แม้แต่น้องสาวแท้ๆ ของนางเองยังตามพวกเขาไปต่อต้านนางด้วย องค์หญิงอันซีจะไม่มีวันลืมว่าสถานการณ์ในครั้งนั้นยากเย็นเพียงใด หากสวีชิงเฉินไม่ได้ไม่ช่วยนางอย่างลับๆ ไว้ เกรงว่าคงถูกคนพวกนี้ลอบสังหารไปแล้ว ยามนี้ยิ่งได้มาเห็นองค์หญิงซีสยาเซ้าซี้ตนไม่เลิกเพื่อม่อจิ่งหลี สีหน้าขององค์หญิงอันซีจึงยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่ ความเกลียดชังของนางที่มีต่อม่อจิ่งหลีก็พาลจะมากขึ้นไปด้วย
“เสด็จพี่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร!” องค์หญิง ซีสยาจ้ององค์หญิงอันซีด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างโกรธจัด “ราชบัลลังก์เป็นของท่านแล้ว ท่านยังไม่พอใจอะไรอีก ไฉนท่านจึงต้องสร้างปัญหาให้ท่านอ๋องกับข้าด้วย!”
“สร้างปัญหาให้เจ้าหรือ” องค์หญิงอันซียิ้มเยาะอย่างดูแคลนทีหนึ่ง “ข้าจำเป็นต้องสร้างปัญหาให้เจ้าด้วยหรือ” ที่บอกว่าราชบัลลังก์เป็นของนางแล้วหมายความว่าอย่างไร นางได้รับตำแหน่งรัชทายาทตั้งแต่ยังเล็กๆ แล้ว และนางยังแบกรับความรับผิดชอบของการเป็นรัชยาทมาโดยตลอด ยามซีสยาออกไปเที่ยวเล่น นางถือกลยุทธ์การปกครองแคว้น และท่องสิ่งเหล่านั้นอย่างตั้งใจ ยามซีสยาจะเป็นจะตายเพื่อม่อจิ่งหลี นางต้องอดหลับอดนอนเพื่อจัดการกับเรื่องการบ้านการเมืองของหนานจ้าว หรือที่ตอนนี้นางได้รับราชบัลลังก์ของหนานจ้าว เป็นเพราะซีสยายกให้นางอย่างนั้นหรือ
องครักษ์ของตำหนักติ้งอ๋องที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อปกป้ององค์หญิงอันซีทนดูต่อไปไม่ไหว เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “แม่นางท่านนี้ หลีอ๋องเป็นคนหาเรื่องพระสวามีแห่งจักพรรดินีหนานจ้าวก่อนนะขอรับ”
องค์หญิงซีสยาถึงกับสะอึกและไม่พอใจอย่างมากกับการเรียกขององค์รักษ์ นางไม่มีสถานะอย่างเป็นทางการที่เหมาะสม คนอื่นเรียกนางว่าองค์หญิงเพราะเห็นแก่หน้าของม่อจิ่งหลี แต่คนในตำหนักติ้งอ๋องกลับไม่ไว้หน้านาง เรียกนางว่าแม่นางเฉยๆ อย่างไรก็ตามต่อให้องค์หญิงซีสยาจะงดงามจนน่าประทับใจเพียงใด นางก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่านางอายุยี่สิบห้าใกล้จะยี่สิบหกปีไปได้ การมาถูกคนเรียกว่าแม่นางในตอนอายุเท่านี้ ไม่ถือว่าเป็นคำชม
“ถึงกระนั้น เขาไม่ควรทำร้ายท่านอ๋อง!” องค์หญิงซีสยากัดฟันเอ่ย
องครักษ์ทั้งสองเหม่อมองฟ้าโดยไม่พูดอะไร อะไรคือการทำร้ายท่านอ๋อง เห็นๆ อยู่ว่าชายสองคนต่อสู้กัน อย่าพูดเหมือนว่าหลีอ๋องถูกทำร้ายเพียงอยู่ฝ่ายเดียวสิ
“นี่มันอะไรกันหรือ” การทะเลาะวิวาทส่งเสียงดังเอะอะมาก จนทำให้ผู้คนที่ชมอยู่รอบๆ รู้สึกว่าเสียงของคุณชายชิงเฉินที่ดึงขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ฟังเสนาะหูราวกับเพลงแห่งเทพสวรรค์ในเหมันต์ฤดู เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าคุณชายชิงเฉินในชุดขาวกำลังย่างกรายมาอย่างเนิบนาบ แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าสามสิบปีแล้ว แต่คุณชายชิงเฉินยังคงดูเหมือนเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน แม้ว่าเขาจะทำงานหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังไม่สูญเสียความสง่างามของตนลงเลย ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นเจือรอยยิ้มบางๆ แห่งความฉงน พาให้หญิงสามทั้งสามที่อยู่ ณ ที่นั้นถึงกับใจเต้นระรัว
องค์หญิงซีสยาหยุดพูดด้วยความกระอักกระอ่วน แม้ว่านางจะรักม่อจิ่งหลีอย่างสุดซึ้ง แต่ตราบใดที่นางยังเป็นสตรี ก็ไม่ยินดีที่จะเสียกิริยาต่อหน้าชายรูปงามเช่นนี้
สายตาขององค์หญิงอันซีนิ่งงันและเผยความคิดถึงออกมาชั่วครู่ แต่ไม่นานก็กลับสู่ความสงบ อมยิ้มพร้อมผงกศีรษะให้สวีชิงเฉิน “ชิงเฉิน ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”
สวีชิงเฉินมององค์หญิงอันซี สายตาหยุดลงบนหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของนาง ความยินดีฉายแวบเข้ามาในดวงตา ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ได้พบกันนาน ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะสบายดี ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ช่วงนี้สวีชิงเฉินก็กำลังยุ่งเช่นกัน แม้ว่าองค์หญิงอันซีจะเสด็จมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็ไม่มีเวลามาพบนางเลย คิดไม่ถึงว่าเขาที่เพิ่งกลับจากข้างนอกพอเข้ามาในตำหนักก็จะได้พบสถานการณ์เช่นนี้ สวีชิงเฉินเลิกคิ้วได้รูป ก่อนจะหันไปมองคนที่มัวแต่ต่อยตีกันจนไม่เหลือเค้าความสง่างามสักนิด
องค์หญิงอันซียิ้มอย่างละอายใจ เล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้สวีชิงเฉินฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เดิมทีหลังจากองค์หญิงอันซีกลับออกจากตำหนักไปแล้วถึงได้พบว่าถุงหอมที่พกติดตัวตลอดเวลาตกอยู่ที่ตำหนักติ้งอ๋อง ซึ่งอันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ในถุงหอมนั้นกลับใส่สิ่งที่ทำให้รำลึกถึงกษัตริย์แห่งหนานจ้าวไว้ จึงจำต้องกลับมาตามหาที่ตำหนักติ้งอ๋องกับพระสวามีอีกครั้ง ทันทีที่เข้ามาในลานด้านหน้า ก็ได้พบกับม่อจิ่งหลีที่เดินตรงดิ่งออกมาด้วยใบหน้าโกรธจัด ม่อจิ่งหลีสนใจแต่จะเดิน จนเกือบชนองค์หญิงอันซีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ เรื่องดังกล่าวคงจบลงถ้าม่อจิ่งหลีเอ่ยขอโทษ ใครจะรู้ว่าม่อจิ่งหลีอารมณ์ไม่ดีอย่างถึงที่สุด เขาไม่ขอโทษก็ยังไม่เท่าไรอะไร แต่กลับเอ่ยวาจาร้ายกาจใส่กัน เหน็บแนมองค์หญิงอันซีที่ไม่รู้จักประมาณตน ไปไหนมาไหนทั้งๆ ที่ท้องโย้แบบนี้ องค์หญิงอันซีใช่คนที่ยอมให้ผู้อื่นมารังแกเสียที่ไหน นางจึงเอ่ยเหน็บกลับไปอย่างไม่รักษาน้ำใจว่าเขาอายุอานามตั้งเท่านี้แล้วแต่ยังไร้บุตร แล้วยังมาเที่ยงริษยาที่ผู้อื่นเขามีบุตรกันอีก ใครเลยจะรู้ว่าครานี้เกิดไปจี้ใจดำเขาเข้าพอดี ม่อจิ่งหลีหน้าถมึงทึงขึ้นมาโดยพลันและคิดจะลงไม้ลงมือกับองค์หญิงอันซี ผู่อาผู้เป็นสามีย่อไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกภรรยาของตนอยู่แล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงเริ่มแลกหมัดกันในตำหนักติ้งอ๋อง
หลังจากต่อยตีกันได้พักหนึ่ง ความโกรธขององค์หญิงอันซีก็ค่อยๆ หายไป นางจึงใช้ภาษาหนานเจียงส่งสัญญาณบอกผู่อาว่าไม่ต้องทะเลาะด้วยแล้ว เมื่อผู่อาได้ยินก็หยุดและกลิ้งตัวไปอีกด้านทันที พอเห็นว่าเขาหยุด ม่อจิ่งหลีก็ไม่เข้าไปตอแยอีก ลุกขึ้นพลางเช็ดคราบเลือดออกจากริมฝีปาก