ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 341-2 ของกำนัลที่เพิ่มมา
ท่านชิงอวิ๋นที่อายุอานามมากแล้ว หลังจากได้รับการคำนับอวยพรจนครบก็นั่งอยู่ต่ออีกพักหนึ่ง จากนั้นจึงกลับไปพักผ่อน รอจนท่านชิงอวิ๋นกลับไปแล้ว เยี่ยหลีจึงได้ถอนใจออกมาเบาๆ ความจริงแล้วเชิญแขกมากมายมาร่วมฉลองวันเกิดเช่นนี้ แม้จะใหญ่โตโอ่อ่า แต่คนเหล่านี้กลับไม่น่าคบหาเท่าใดนัก หากก่อเรื่องต่อหน้าท่านตาขึ้นมาก็จะทำให้ท่านไม่พอใจเอาได้ ดังนั้น เมื่อเห็นก่อนท่านชิงอวิ๋นจะออกจากงานไป บรรยายกาศเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย เยี่ยหลีจึงอารมณ์ดีขึ้นมามาก ส่วนหลังจากนี้หากคิดจะก่อเรื่องใดๆ ตำหนักติ้งอ๋องก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน
ม่อซิวเหยาก้มไปเห็นบนริมฝีปากเยี่ยหลีมีรอยยิ้มประดับจึงยื่นมือไปกุมมือเพรียวขาวดุจหยกของนางแล้วยิ้มเอ่ยเสียงเบาว่า “แม้คนพวกนั้นจะอยากก่อเรื่องอย่างไร แต่สายตาก็ยังพอจะมีแววอยู่บ้างที่ไม่ก่อเรื่องในงานวันเกิดของท่านตาเช่นนี้” เยี่ยหลีอมยิ้มพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้ารู้ แต่ก็ยังกังวลอยู่ดี ยามนี้ท่านตากลับไปพักแล้ว ก็ไม่มีอุปสรรคใดแล้ว” รู้ก็ส่วนรู้ แต่อย่างไรก็มักจะมีคนอาศัยช่วงเวลาเช่นนี้มาก่อเรื่องอยู่เรื่อย สำหรับเยี่ยหลีแล้ว วันนี้ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของท่านตา
หลังจากเจ้าของงานกลับไปแล้ว เหล่าแขกเหรื่อก็ผ่อนคลายกันมากขึ้น ท่านชิงอวิ๋นที่เป็นนักปราชญ์ลัทธิขงจื้ออันดับหนึ่งของใต้หล้าเช่นนั้น แม้นจะเป็นบรรดาชนชั้นสูงของแต่ละแคว้นก็ยังต้องสำรวมอยู่บ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่นานบรรยากาศด้านบนก็คึกคักขึ้น เหลยเจิ้นถิงที่นั่งอยู่ด้านล่างดื่มสุราชั้นเลิศด้วยท่าทางสบายๆ พลางมองประเมินไปทางเยี่ยหลีที่กำลังช่วยเช็ดปากให้ม่อตัวน้อยข้างกายม่อซิวเหยา ภายใต้แสงเทียนอันส่องสวว่าง มุมปากของสตรีนางนั้นยกขึ้นเป็นรยอยิ้มบางๆ ช่างดูอบอุ่นตราตรึงใจผู้คนเป็นพิเศษ
เหลยเจิ้นถิงหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตากวาดมองไปทางม่อซิวเหยา
“ได้ยินว่าเดือนก่อนติ้งอ๋องกับพระชายามีข่าวดีได้ครรภ์แฝด เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ ข้ายังมิได้ร่วมแสดงความยินดีด้วยเลย” เหลยเจิ้นถิงพลันเอ่ยปากพูดขึ้นมา น้ำเสียงเขาไม่ดังมากทว่าแฝงไว้ด้วยกำลังภายใน จึงดังก้องไปทั่วทั้งหอทัศนาได้อย่างง่ายดาย แขกที่กำลังนั่งอยู่ต่างรู้สึกตัวกันขึ้นมา จึงพากันอวยพรม่อซิวเหยากับเยี่ยหลี ม่อซิวเหยายิ้มบาง เขายกแก้วขึ้นเอ่ยว่า “ข้าขอขอบคุณเจิ้นหนานอ๋องแห่งซีหลิงและขอบคุณทุกท่านมาก”
เหลยเจิ้นถิงยิ้มเอ่ยว่า “เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ จะไม่ส่งของขวัญให้ได้อย่างไร ข้าได้เตรียมของขวัญชุดใหญ่ไว้ให้ติ้งอ๋องแล้ว หวังว่าติ้งอ๋องจะไม่รังเกียจ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสองแคว้นด้วย”
คิ้วเรียวของม่อซิวเหยาเลิกขึ้นเล็กน้อย ส่งสายตาฉงนไปให้เหลยเจิ้นถิง เขาไม่เชื่อว่าเหลยเจิ้นถิงจะมอบของขวัญยินดีที่ได้ลูกแฝดด้วยความจริงใจ ในเมื่อเขาเพิ่งจะสังหารหลานชายหลานสาวของอีกฝ่ายไปได้ไม่นานเช่นนี้
เหลยเจิ้นถิงยิ้มกล่าว “ของขวัญชิ้นนี้ข้าได้ให้คนออกตามหาเสียนานกว่าจะได้มา เป็นของล้ำค่าหาใดเปรียบนัก” ม่อซิวเหยาเบะปากเล็กน้อย “หากล้ำค่าจริง เจิ้นหนานอ๋องก็เก็บไว้ใช้เองเถิด” เหลยเจิ้นถิงยิ้มเอ่ย “ล้ำค่าเช่นนั้น มีเพียงติ้งอ๋องเท่านั้นที่คู่ควร หากมาอยู่กับข้าคงมีแต่เสียของเปล่า เอาเข้ามา…” เพียงไม่นาน เหล่าองครักษ์ของซีหลิงก็ยกหีบสูงใหญ่เข้ามาวางลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา แล้วจึงไปยืนรอรับคำสั่งอย่างนอบน้อมอยู่ข้างๆ
หากจะบอกว่าเป็นกล่องใบหนึ่ง สู้บอกว่านี่คือตู้ไม้แกะสลักอันวิจิตรงดงามเสียยังดีกว่า สายตาผู้คนต่างจับจ้องไปที่ตู้ไม้จันทร์สลักลาย ไม่รู้ว่าเจิ้นหนานอ๋องส่งของขวัญอันใดแก่ติ้งอ๋องกันแน่จึงได้ระมัดระวังเช่นนี้ เจิ้นหนานอ๋องที่เห็นปฏิกิริยาของแขกเหรื่อก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ “เปิดออกดูสิ”
องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้าไป เปิดประตูตู้ไม้ออกจากด้านบน ทันใดนั้นกลิ่นหอมจางๆ พลันอบอวลไปทั่วหอ
ผู้คนต่างร้องตกใจกันขึ้นมาอย่างอดมิได้ ในห้องโถงใหญ่ที่เดิมมีตู้ไม้วางอยู่บัดนี้มีสตรีในอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์นั่งคุกเข่าอยู่นางหนึ่ง สตรีนางนี้ดูๆ แล้วอายุน่าจะไม่เกินสิบห้าสิบหกปี หน้าตาไม่นับว่าสวยงามนัก ติ้งอ๋องและคนในที่นั้น อย่างน้อยที่สุดก็มีสตรีสี่ห้าคนที่รู้สึกว่างดงามกว่านางอยู่ในใจ แต่นางกลับมีเสน่ห์น่าอันแปลกประหลาด ดึงดูดสายตาของแขกเหรื่อที่นั่งอยู่ พวกเขารู้สึกว่าสตรีนางนี้ไม่มีที่ใดเลยที่จะไม่สมบูรณ์แบบ กระทั่งทำให้ผู้คนต่างคิดว่าดวงหน้าที่ไม่นับว่างามเลิศของนางดวงนั้นสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ หากเปลี่ยนไปเป็นดวงหน้าที่งดงามกว่านี้ยังอาจทำลายเสน่ห์ของนางผู้นี้เข้า
นางสวมอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ทั้งร่าง ผมดุจแพรไหมยาวสยาย ทั่วร่างไร้ของประดับตกแต่ง ขนาดดวงตาคู่สวยก็ยังไม่ขยับไหว แต่ผู้ที่สบตาคู่นั้นของนางอยู่กลับได้ยินเสียงเต้นตึกตักของหัวใจตัวเองอย่างยากที่จะควบคุม
“เจิ้นหนานอ๋อง ท่านหมายความเช่นไร” ไม่รอให้ม่อซิวเหยาเอ่ยคำ สวีหงเยี่ยนที่อยู่อีกด้านเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดถึงอย่างอื่น วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของท่านชิงอวิ๋น แต่เหลยเจิ้นถิงกลับมอบสตรีวัยกำดัดงดงามนางหนึ่งให้แก่ติ้งอ๋อง ช่างไร้มารยาทสิ้นดี เหลยเจิ้นถิงกลับไม่สนใจ ยิ้มเอ่ยกับสวีหงเยี่ยนว่า “ข้ารู้ว่าวันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของท่านชิงอวิ๋น ทำเช่นนี้เสียมารยาทก็จริง เพียงแต่ข้าก็เพิ่งจะได้ของล้ำค่าชิ้นนี้มาได้ไม่นานจึงรีบให้คนส่งมายังเมืองหลี เพราะอยากจะรีบมอบให้ติ้งอ๋อง อย่างไรเสีย…ของล้ำค่าชิ้นนี้ หากปล่อยไว้ในมือข้าก็คงมีคนอดใจไม่อยู่…” เหลยเจิ้นถิงเผยยิ้มมีเลศนัยออกมา พยักหน้าให้แก่สวีหงเยี่ยน
ม่อซิวเหยาก้มหน้าพินิจดูสตรีชุดขาวครู่หนึ่งก็เลิกคิ้วเอ่ยว่า “เจิ้นหนานอ๋องหมายความว่าอย่างไร”
เหลยเจิ้นถิงยิ้มกล่าวว่า “ติ้งอ๋องกับพระชายาแต่งงานกันมาได้เกือบสิบปีแล้ว แต่ในตำหนักกลับยังไม่เคยรับอนุหรือสาวใช้มาเพิ่มแม้แต่คนเดียว ข้าทราบดีว่าติ้งอ๋องมีพระชายาที่เลิศล้ำเช่นนี้ร่วมทุกข์ร่วมสุข สตรีหน้าไหนในใต้หล้าล้วนไม่สนใจ ดังนั้นจึงได้มอบสตรีนางนี้ให้ คิดว่านางเหมาะสมพอที่จะเคียงคู่กับติ้งอ๋อง” แม้คนจำนวนจะไม่เห็นคำพูดของเหลยเจิ้นถิงเป็นสาระ เพราะอย่างไรเสียพระชายาติ้งอ๋องก็คือสตรีล้ำเลิศเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า แต่กระนั้นแม้ว่าทางเรื่องหน้าตาจะไม่แพ้สตรีชุดขาว แต่เมื่อได้มองสตรีในชุดขาวนางนั้นแล้วก็หาข้อติติงใดๆ จากตัวนางไม่ได้เช่นกัน ลองคิดอีกที หากพระชายาติ้งอ๋องยังคงเป็นชายาเอก แต่เพิ่มสตรีที่งดงามดั่งบุปผาหยกเข้าไปเป็นชายารองหรืออนุอีกสักคน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลยจริงๆ เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงไม่มีข้อกังขาในสตรีนางนี้ แต่ยังทำให้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความคิดขึ้นในหัวอีกด้วย แน่นอนว่ายกเว้นทูตที่ฮ่องเต้ซีหลิงทรงส่งมา ทูตที่ฮ่องเต้ซีหลิงทรงส่งมายามนี้ทำเพียงก้มหน้าจ้องมองสุรารสเลิศในจอก ราวกับว่าสุรานี้ได้เปลี่ยนเป็นยอดสุราธาราหยก[1]อย่างไรอย่างนั้น
ความจริงแล้ว พอเหลยเจิ้นถิงกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้น ผู้คนที่นั่งอยู่จึงได้ฉุกคิด นึกไม่ถึงว่าหลายปีเช่นนี้กระทั่งสนมคนหนึ่งติ้งอ๋องก็ไม่เคยรับเข้ามา ทั่วทั้งตำหนักติ้งอ๋องมีเพียงพระชายาติ้งอ๋องเพียงคนเดียว แม้ว่าพระชายาติ้งอ๋องจะป็นสตรีล้ำเลิศเพียงหนึ่งเดียวในใต้หน้า แต่ในสายตาของเหล่าชนชั้นสูงของโลกใบนี้ที่เห็นชายเป็นใหญ่ การกระทำเช่นนี้ของติ้งอ๋องช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก อย่าว่าแต่เหล่าชนชั้นสูงจากต่างแคว้นเลย แม้แต่คนรับใช้มากมายในตำหนักติ้งอ๋องก็มีความคิดไม่เห็นด้วย ไม่ใช่เพราะพวกเขามีความคิดเห็นไม่ดีต่อเยี่ยหลี แต่การมีชายาและอนุมากมายนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ยิ่งไปกว่านั้นม่อซิวเหยาก็เป็นถึงนายใหญ่ของตำหนักติ้งอ๋อง ซึ่งในอนาคตเขาจะได้ขึ้นเป็นประมุขในสายตาคนส่วนใหญ่ จึงเห็นว่ายิ่งไม่ควรเอาจิตใจไปฝากไว้กับสตรีเพียงคนเดียว
เหลยเจิ้นถิงที่เห็นสีหน้าอิจฉาและเห็นด้วยจากคนจำนวนไม่น้อยพลันยิ้มออกมาด้วยความพอใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยหลีที่นั่งอยู่ข้างกายม่อซิวเหยา นางยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเก่า กระทั่งมุมปากยังหยักยิ้มไว้บางเบา
สวีชิงเหยียนที่อยู่อีกด้านมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้น เขาผุดลุกขึ้น แต่สวีชิงป๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ กดตัวเขาเอาไว้ สวีชิงเหยียนกระซิบด้วยความโมโหว่า “พี่สี่ ท่านจะทำอะไร!” สวีชิงป๋อมองม่อซิวเหยาที่มีสีหน้าเรียบเฉยคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “นี่เป็นเรื่องของติ้งอ๋องกับพระชายา” ตระกูลสวีไม่อาจบังคับให้ม่อซิวเหยามีเพียงเยี่ยหลีไปชั่วชีวิตได้ และเรื่องเช่นนี้หากมิใช่ตัวเองที่ยืนหยัดหนักแน่น คำสัญญามากมายเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ สิ่งที่ตระกูลสวีทำได้มีเพียงทุ่มกำลังสนับสนุนหลีเอ๋อร์อย่างไรเงื่อนไขหลังจากม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีได้เลือกแล้ว ไม่ว่านางจะเลือกแบบไหนก็ตาม
[1] ยอดสุราธาราหยก น้ำเหล้าที่ทำจากการนำหยกเนื้อดีชนิดหนึ่ง ชื่อว่า “ฉง” มาหลอมละลาย ในตำนานจีนเชื่อกันว่าหากดื่มแล้วจะสามารถกลายเป็นเซียน