ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 67-3
ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 67-3 ล่องทะเลสาบในฤดูร้อน
เมื่อดูเรื่องน่าสนุกจนพอล้ว เยี่ยหลีจึงยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ให้พวกเขาพายเรือไปที่อื่นกันเถิด วันนี้เราอย่าไปเล่นกับมู่หรงถิงเลย”
ฮว่าเทียนเซียงดึงแขนเยี่ยหลีไว้ “อย่าเชียวนะ เจ้าเชื่อหรือไม่ หากทำให้ถิงเอ๋อร์โกรธขึ้นมาต่อให้พวกเราภายเรือออกไปนางก็กล้ากระโดดลงน้ำตามมานะ”
เยี่ยหลีคิดถึงนิสัยของมู่หรงถิงแล้ว ก็ฟังดูเป็นไปได้ จึงได้แต่อมยิ้มแล้วหันไปตะโกนบอกเรืออีกฝั่งว่า “คุณชายรองเหลิ่ง มู่หรง ข้ามมาอยู่ด้วยกันดีไหม”
มู่หรงถิงหยุดมือลงทันที ก่อนหันมาพูดกับนางว่า “อาหลี เข้าต่างหากที่เป็นเพื่อนเจ้า เจ้าไปเรียกเขามาด้วยทำไม”
ฮว่าเทียนเซียงหัวเราะ “เช่นนั้นเจ้าจะมาหรือไม่ หากไม่มาพวกเราจะพายเรือไปที่อื่นแล้วนะ”
มู่หรงถิงหันไปถลึงตาดุให้เหลิ่งเฮ่าอวี่ ก่อนกางแขนแล้วกระโดดลอยตัวขึ้น แตะเท้าลงบนผิวน้ำสองสามทีก่อนจะลอยตัวลงบนเรือของเยี่ยหลี เหลิ่งเฮ่าอวี่ยิ้มขื่นๆ ก่อนหันไปยกมือคารวะเยี่ยหลี “ขอบคุณพระชายา” แล้วจึงลอยตัวขึ้นจากเรือของตนไปยังเรือของเยี่ยหลี เยี่ยหลีหันไปสั่งให้นายท้ายให้พายเรือไปที่อื่น ก่อนหันมาเชิญทั้งสองเข้าไปด้านใน
ทั้งสี่นั่งลง ก่อนพวกชิงหลวนจะยกขนมน้ำชาที่ต้มใหม่ๆ เข้ามาให้แล้วถอยออกไป ระหว่างที่มู่หรงถิงนั่งกินขนมอยู่ข้างเยี่ยหลีนั้น นางยังไม่ลืมหันไปถลึงตาใส่เหลิ่งเฮ่าอวี่ของนางเสียอีกหลายที เหลิ่งเฮ่าอวี่ทำเป็นไม่เห็นสายตาดุที่ส่งมองส่งมาทางเขา แต่หันไปพูดกับเยี่ยหลีว่า “วันนี้อากาศดีมาก เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่ออกมาพร้อมพระชายาด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้น ก่อนยิ้มมองเหลิ่งเฮ่าอวี่ “คุณชายรองเหลิ่งรู้จักสนิทสนมกับท่านของของข้าหรือ”
ถ้วยน้ำชาในมือเหลิ่งเฮ่าอวี่สะดุดลง เขายิ้ม “ข้าน้อยเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญคนหนึ่ง จะมีโอกาสสนิทสนมกับท่านอ๋องได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงถิงย่นจมูก ก่อนพูดเสียดสีเขาว่า “เจ้ารู้ตัวด้วยหรือว่าตนเองเป็นคุณชายเจ้าสำราญ”
“ถิงเอ๋อร์…” เหลิ่งเฮ่าอวี่มองเขาอย่างน่าสงสาร “คุณชายเจ้าสำราญแล้วมีอันใดไม่ดีหรือ มีกินมีเล่น แล้วข้ายังอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้ทุกวันอีกด้วย เรื่องในตระกูลมีพี่ชายใหญ่คอยจัดการ ดีออกจะตาย”
“เหอะ!” มู่หรงถิงแทบอยากจะกระโดดขึ้นมา “ข้าเกลีดยคุณชายที่ไม่เป็นโล้เป็นพายที่สุด ต่อไปเจ้าอยู่ให้ห่างข้าไว้เลยนะ มิเช่นนี้ข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่เจอหน้าเลย คอยดู”
“ตอนนี้เจ้าเป็นเห็นหน้าข้าก็ต้องตีข้าทุกครั้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ…” เหลิ่งเฮ่าอวี่อุบอิบพูดเสียงเบา แต่ก็ดังพอให้คนทั้งเรือได้ยินอยู่ดี เยี่ยหลีและฮว่าเทียนเซียงจึงปิดปากลอบหัวเราะกันอย่างอดไม่อยู่ มู่หรงถิงโกรธจนหน้าแดงไปหมด นางส่งสายตาดุคมไปให้ตาบ้าที่ทำให้นางขายหน้าอย่างคับแค้นใจ เหลิ่งเฮ่าอวี่ทำประหนึ่งกลัวมู่หรงถิงเสียเต็มประดา ได้แต่เอ่ยขอโทษนาง เพียงแต่รอยขับขันบางๆ ในแววตาของเขานั้น ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเพียงล้อมู่หรงถิงเล่นเท่านั้น เยี่ยหลีกับฮว่าเทียนเซียงมองมู่หรงถิงที่หัวเสียจนแทบเต้น ก่อนหันมายิ้มให้กัน ต่างรู้สึกว่าเรื่องนี้เช่นนี้ดูอยู่อย่างคนนอกจะเห็นอันใดได้ชัดเจนกว่า พวกนางเป็นเพื่อนของมู่หรงถิง ย่อมหวังให้มู่หรงถิงมีชีวิตที่มีความสุขในอนาคต แต่จะเลือกใครนั้นเป็นเรื่องของตัวมู่หรงถิงเอง
“พระชายา เรือตำหนักหลีอ๋องอยู่ด้านหน้าพ่ะย่ะค่ะ” ชิงสยาเข้ามารายงานขณะที่ทั้งสี่กำลังพูดคุยกันอยู่
ฮว่าเทียนเซียงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วทันที “หลีเอ๋อร์ เหตุใดพวกเราจึงได้เจอหลีอ๋องอีกแล้ว”
เยี่ยหลียิ้ม “ใครใช้ให้เจ้าไม่เลือกวันให้ดีเล่า หรือจะว่าเมืองหลวงนี้ไม่ใหญ่เอาเสียเลยดี”
มู่หรงถิงเบ้ปาก “ข้าว่าศัตรูยากที่จะหลบเลี่ยงได้เสียมากกว่า”
เยี่ยหลียังไม่ทันว่าอันใด ชิงหลวนก็เข้ามารายงานด้วยสีหน้าขัดใจว่า “พระชายา หลีอ๋องกับชายาหลีอ๋องขอพบเพคะ”
“เชิญพวกเขาเข้ามาเถิด” เยี่ยหลีพูดพร้อมถอนใจ
ไม่นาน ม่อจิ่งหลีก็พาเยี่ยอิ๋งเดินเข้ามา แต่เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างกายม่อจิ่งหลีแล้ว ทำให้เยี่ยหลีถึงกับต้องขมวดคิ้ว หญิงสาวข้างกายม่อซิวเหยาถึงจะยังอยู่ในชุดสีขาวไข่นกกระจอกไม่เหมือนทุกที และมีการประดับตกแต่งช่วงใบหน้างาม ทั้งยังมีผ้าตาข่ายปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง แต่สำหรับเยี่ยหลีแล้ว การประดับตกแต่งนั้นไม่ได้ช่วยอันใดเลย เพราะไม่ว่าใครหากได้มามองใกล้ๆ แล้ว ก็คงจะดูกันออกว่าคือองค์หญิงซีสยาแห่งหนานจ้าว นี่ก็ผ่านมาเพียงไม่กี่วัน ม่อจิ่งหลีคิดจะงัดข้อกับเสด็จพี่ของเขาแล้วหรือ ในวังยังไม่ทันได้ออกประกาศว่าองค์หญิงซีสยาเสียชีวิตเลยนะ
“คารวะหลีอ๋อง ชายาหลีอ๋อง” พวกฮว่าเทียนเซียงยืนขึ้นทำความเคารพ
ม่อจิ่งหลีกวาดตามองคนบนเรือเสียรอบหนึ่ง สุดท้ายจึงได้เลื่อนสายตาจากเยี่ยหลีไปยังเหลิ่งเฮ่าอวี่ แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “เหลิ่งเฮ่าอวี่หรือ” เหลิ่งเฮ่าอวี่ยิ้ม “ท่านอ๋องจำข้าน้อยได้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” แน่นอนว่าม่อจิ่งหลีย่อมรู้ถึงชื่อเสียงของเหลิ่งเฮ่าอวี่ เขาหันมองมู่หรงถิงที่อยู่ข้างกายเขาก่อนสีหน้าจะอ่อนลง เขาส่งเสียงเหอะเบาๆ ก่อนหันไปถามเยี่ยหลีว่า “เหตุใดม่อซิวเหยาจึงไม่ออกมาเป็นเพื่อนเจ้าด้วย”
“เกี่ยวอันใดกับหลีอ๋องหรือ” อารมณ์เยี่ยหลีไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินม่อซิวเหยาถามเช่นนี้ จึงตอบสวนกลับไปอย่างไม่เกรงใจทันที
แล้วสีหน้าของม่อจิ่งหลีก็บึ้งลงทันทีอย่างที่คาดไว้ เขาพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้ามันคนไม่รู้อะไรควรไม่ควร!” เยี่ยหลีได้แต่กลอกตาในใจ คร้านจะไปใส่ใจเขา เหลิ่งเฮ่าอวี่มองสำรวจองค์หญิงซีสยาที่อยู่ด้านหลังม่อจิ่งหลี่ด้วยความตื่นเต้น “ท่านอ๋อง หญิงงามท่านนี้คือ…” เขาถูกมู่หรงถิงถองเข้าที่หนึ่ง ใบหน้าที่เดิมยิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นหงอลงทันที ม่อจิ่งหลีถลึงตาใส่เขา “พี่ใหญ่เจ้าไม่เคยสอนเจ้าหรือ ว่าอันใดที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม” เหลิ่งเฮ่าอวี่แบบมือออกอย่างไม่สนใจ “พี่ใหญ่ข้ายุ่งจะตาย จะเอาเวลาที่ไหนมาสอนข้าเรื่องพวกนี้กัน”
เยี่ยหลีถึงกับนวดขมับ แล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “หลีอ๋อง น้องสี่ นั่งลงคุยกันเถิด”
มู่หรงถิงส่งเสียงเหอะเบาๆ “ข้ากลับไม่อยากนั่งอยู่ร่วมกับคนบางคน อาหลี ข้ากับเทียนเซียงออกไปดูข้างนอกก่อนนะ” พูดจบ นางก็หันไปปรายตามองใส่ม่อจิ่งหลีก่อนดึงฮว่าเทียนเซียงให้ลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก ท่าทางเช่นนั้นขาดเพียงไม่ได้พูดออกมาว่าข้าไม่ยินดีที่จะนั่งอยู่ร่วมกับท่านเพียงเท่านั้น ฮว่านเทียนเซียงส่งสายตาขอโทษไปยังเยี่ยหลี ก่อนยอมให้มู่หรงถิงลากตนเองออกไป นางเองก็ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับหลีอ๋องเช่นกัน เมื่อเหลิ่งเฮ่าอวี่เห็นมู่หรงถิงหนีออกไปแล้ว จึงหันไปมองเยี่ยหลีกับม่อจิ่งหลีด้วยท่าทีลังเล เยี่ยหลีอมยิ้ม “คุณชายเหลิ่งออกไปดูมู่หรงถิงเถิด อย่าให้นางพาเทียนเซียงไปทำอันใดแผลงๆ เลย” เหลิ่งเฮ่าอวี่พยักหน้า แล้วจึงได้เดินออกไป ไม่นานพวกชิงหลวนยกขนมน้ำชาเข้ามาให้ เมื่อวางลงเรียบร้อยแล้วต่างก็ยังรั้งอยู่ไม่ยอมออกไป ทุกคนต่างเข้ามุมไปยืนรอรับคำสั่งพระชายาอยู่ในห้องโดยสาร เยี่ยหลีเข้าใจความหมายของพวกนาง จึงเพียงลอบยิ้มแต่ไม่ได้พูดอันใด
“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง” ม่อจิ่งหลีเอ่ยสั่ง
เยี่ยอิ๋งกัดริมฝีปากก่อนลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ องค์หญิงซีสยามองเยี่ยหลีด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ก่อนลุกยืนตามเยี่ยอิ๋งออกไปไม่ได้พูดอันใด แต่พวกชิงหลวนกลับไม่ได้เชื่อฟังพวกเขาเช่นนั้น ยังคงยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ที่มุมของตนประหนึ่งไม่ได้ยินที่ม่อจิ่งหลีสั่งกระนั้น ม่อจิ่งหลีเอ่ยเสียงขรึมว่า “ข้าให้พวกเจ้าออกไปก่อน ไม่ได้ยินหรือไร” ชิงซวงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงกังวานใสว่า “เรียนท่านหลีอ๋อง ได้ยินแล้วเพคะ เพียงแต่ท่านอ๋องของพวกบ่าวสั่งไว้ว่า ให้พวกบ่าวดูแลความปลอดภัยของพระชายาให้ดี พวกบ่าวย่อมต้องทำตามคำสั่งของท่านอ๋องเพคะ” ดวงตาม่อจิ่งหลีมีแววนิ่งเย็น จ้องชิงซวงด้วยสายตาอันเย็นชา “เจ้ากำลังบอกว่าข้าจะทำอันใดนางอย่างนั้นหรือ”
ชิงซวงตอบ “บ่าวไม่ทราบ พวกบ่าวเพียงต้องระวังเอาไว้ก่อน ขอให้ท่านอ๋องโปรดเข้าใจด้วย”
เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “หลีอ๋อง ระหว่างพวกเราดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอันใดที่จะต้องคุยกันลับๆ พวกนางก็เป็นคนที่ข้าไว้ใจ หากมีเรื่องอันใดท่านสามารถพูดออกมาได้เลย” ม่อจิ่งหลีหน้าบึ้ง จ้องเยี่ยหลีตาไม่กะพริบ เยี่ยหลีก็ไม่ได้พูดอันใด ปล่อยให้เขาจ้องนางได้ตามสบาย ผ่านไปครู่ใหญ่ ม่อจิ่งหลีจึงเอ่ยเสียงเย็นขึ้นว่า “เยี่ยหลี เจ้าหลอกข้า!”
เยี่ยหลีอึ้งไป หลอกเขาหรือ ไปเอามาจากไหนกัน หรือว่าม่อจิ่งหลีรู้ว่านางไปหลอกอันใดเขาไว้แล้วหรือ
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้ การใส่ร้ายป้ายสีข้าไม่ใช่นิสัยที่ดีเอาเสียเลย” เยี่ยหลีเอ่ยเรียบๆ
ม่อจิ่งหลีส่งเสียงเหอะเบาๆ “ที่เจ้าแกล้งทำเป็นคนไม่ได้เรื่องเช่นนั้นก็เพื่อให้ข้าเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งงานใช่หรือไม่ เจ้าลอบคบหากับม่อซิวเหยามานานแล้วใช่หรือไม่”
เยี่ยหลียกมือจับแก้วชานิ่ง บังคับตัวเองไม่ให้สาดน้ำชาในหน้าชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม “ท่านอ๋อง ข้าเคยบอกท่านตั้งนานแล้วว่า การคิดเองเออเองเป็นโรคอย่างหนึ่ง รีบรักษาให้หายเถิด การที่ท่านอ๋องบอกพร่องด้วยศีลธรรมไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะต้องบกพร่องในศีลธรรมอย่างท่านด้วย” นางไม่พอใจกับการแต่งงานของตนก็จริง แต่การที่เขาบอกว่านางลอบคบหากับม่อซิวเหยานานแล้วนี่มันเรื่องอันใดกัน ตอนนี้พวกเขาต่างเป็นผู้บริสุทธิ์ถึงจะถูก ม่อซิวเหยาสีหน้ามืดครึ้มลงทันที แต่ครั้งนี้กลับไม่โกรธจัดเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่กลับจ้องหน้าเยี่ยหลีอยู่นานก่อนยิ้มออกมาอย่างมาตรร้าย
เยี่ยหลีจ้องตอบเขาอย่างไม่แสดงความรู้สึก ลอบเตือนในใจ
เพียงได้ยินม่อจิ่งหลีกดเสียงต่ำพูดกลั้วหัวเราะว่า “เยี่ยหลี เจ้ากับม่อซิวเหยาคงยังไม่ได้ร่วมหอกันใช่หรือไม่ คงไม่ใช่ว่า…ม่อซิวเหยากลายเป็นคนไร้สมรรถภาพจนทำอันใดไม่ได้แล้วกระมัง หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะฝืนใจ…”
ผัวะ!
ม่อจิ่งหลียังไม่ทันพูดจบ หมัดของอีกฝ่ายก็ต่อยเข้าที่จมูกเขาอย่างแม่นยำและหนักหน่วงทันที พร้อมกับเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาจากจมูกทั้งสองข้าง ม่อจิ่งหลีถลึงตาโตด้วยความตกใจ ยังไม่ทันตั้งสติได้ เยี่ยหลีก็ลุกขึ้นกดหัวเขาลงกระแทกกับโต๊ะเสียแล้ว
“เยี่ยหลีเจ้าสมควรตาย!” ความเจ็บปวดตรงหน้าผากจากฝีมือของเยี่ยหลีทำให้ม่อจิ่งหลีตั้งสติขึ้นมาได้ “ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” เยี่ยหลีส่งสายตาห้ามปรามไปยังชิงหลวนที่จะเข้ามาลงมือ มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น เมื่อเห็นม่อจิ่งหลีพุ่งตัวมาทางตนจึงได้ยืนขึ้นก่อนถอยไปข้างหลังแล้วหมุนตัวหลบไปข้างหนึ่ง ตอนม่อจิ่งหลีพุ่งตัวมาถึงนางก็ไปอยู่ที่หน้าต่างอีกบานหนึ่งเสียแล้ว
เมื่อคว้าตัวเยี่ยหลีพลาดไปถึงสองครั้ง กับคิดไปถึงที่ตนถูกเยี่ยหลีเล่นงานเมื่อสองครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้ม่อจิ่งหลีเดาได้ว่าเยี่ยหลีไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแอ ครั้งนี้เขาจึงใช้วิชากังฟูหมายที่จะจับนางไว้ให้ได้ แต่กลับเห็นเยี่ยหลีย่อตัวลง พร้อมความรู้สึกเจ็บที่รักแร้ก่อนศีรษะจะชนเข้ากับหน้าต่างเรือ
“ใครก็ได้เร็วเข้า! หลีอ๋องตกน้ำ!”
…