ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ - ตอนที่ 188
ด้ายลี่ม่าวกลับมาแล้วจริงๆ ตอนที่ผ่านมาข้างๆรถของผม โจงเฉียวเฉียวตกใจกลัวเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
เวลาช่างเหมาะเจาะกันจริงๆ ผมส่งเธอปีนขึ้นสวรรค์ไปอีกครั้ง
เธอสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่านี่คือเธอฟินจริงๆ หรือว่าตกใจกลัวกันแน่
ด้ายลี่ม่าวผ่านด้านข้างไปแล้ว เห็นว่าไม่ได้แอบมอง แต่ละคนอกสั่นขวัญหายกันตามๆกัน ดูเหมือนว่าจะจมอยู่กับความสิ้นหวังตกต่ำที่ถูกไล่ออกมา
“เฉียวเฉียว สามีของคุณถูกจัดให้ไปเมืองหลิน จากนั้นพวกเราก็จะสะดวกขึ้น”
“ไม่ได้นะ ทำอะไรที่มันเกินเลยไม่ได้……”
ไม่มีอะไรที่เกินเลยหรอก พอตอนที่ผมต้องการ ผมจะมาให้คุณแก้ปัญหา
หลังจากการต่อสู้จบลง โจงเฉียวเฉียวมองรอบด้านไม่มีคน ก็รีบลงจากรถ
จากนั้นผมขับรถจากไป กลับไปที่ผับหมอชิ่ง
คืนนี้ไม่มีเรื่องอะไร ดังนั้นผมเลยนอนอยู่ตรงมุม หยิบบุหรี่ขึ้นมา ปิดตาพักผ่อน
เข้าใกล้เวลาห้าทุ่ม ผู้จัดการมาข้างตัวผม “มีงานให้ทำ”
“ไม่ทำ ให้พวกเขาขึ้นเวทีไป ผมอยากพักอีกสักพัก”
“ไม่ทำเกรงว่าจะไม่ได้ มีคนมาหาคุณโดยเฉพาะ”
ผมตกใจ มองตามสายตาของเขา จากนั้นผมก็พบกับผู้หญิงสวยที่เฝ้าปรารถนาเป็นอันดับหนึ่งในหลายวันนี้
เก็บอารมณ์ความรู้สึก หยิบหมากฝรั่งออกมาจากหน้าอก เคี้ยวอยากรวดเร็วจากนั้นคายลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ จัดเสื้อผ้า ผมเดินตรงไปหาผู้หญิงสวยอันดับหนึ่งในสายตา
“สวัสดีครับ”
เธอพยักหน้าเบาๆมาที่ผม ผมถูกพาเข้าไปในห้องส่วนตัวด้านในทันที
หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัว เธอถอดแว่นกันแดดอันใหญ่และผ้าปิดปากบนใบหน้าออก เปิดเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเพลีย
“พี่ ครั้งก่อนไม่ทันได้ถามว่าจะให้เรียกคุณอย่างไรดี ดังนั้นเมื่อกี้ตอนเจอกันเลยแข็งกระด้างไปหน่อย เพียงแค่สามารถพูดสุภาพมีพิธีรีตองแบบ ‘สวัสดีครับ’”
“หันเจินลู่”
เธอมีความสุขมาก ไม่มีปัญหาการหลีกเลี่ยงชื่อแม้สักนิด
“พี่เจินลู่ ช่วงนี้อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ผมช่วยเธอเทน้ำอุ่น จากนั้นส่งให้ที่ด้านหน้าตัวเธอ ปิดเพลงกระสับกระส่ายทันที เปิดเพลงภายในห้องเป็นเสียงเปียโนที่สวยงาม
“เฟือร์เอลีเซอ เป็นเพลงที่ไม่เลว” หันเจินลู่ยกแก้วขึ้นมา จิบนิดหน่อย “คุณรู้เรื่องราวเบื้องหลังของเพลงนี้หรือเปล่า?”
พูดจบ ไม่รอให้ผมได้พูดออกมา เธอก็หัวเราะขึ้น “ช่างเถอะ ไม่ควรจะพูดเรื่องนี้กับคุณ”
ผมเองก็หัวเราะเหมือนกัน “จริงๆแล้วไม่ได้สนใจ และไม่มีอะไรที่ไม่สามารถคุยได้ เฟือร์เอลีเซอ จริงๆแล้วเป็นแค่เพียงชื่อที่เข้าใจผิด ควรจะเรียกว่าแด่เอลีเซอ เป็นเพลงยุค40ที่บีโธเฟนแต่ให้กับนักเรียนหญิงของเขา”
บนใบหน้าที่งดงามของหันเจินลู่นั้นปรากฏสีหน้าตกตะลึง ชัดเจนเป็นอย่างมาก เธอไม่มีทางจินตนาการว่าผู้ชายขายบริการคนหนึ่ง จะรู้เรื่องพวกนี้
เธอยิ้มเบาๆและพูดทันที: “ดูถูกคุณซะแล้ว ไม่คิดเลยว่าคุณจะรู้เยอะขนาดนี้”
ผมโบกมือ “ไม่ขนาดนั้น ผิวเผินเท่านั้นเอง เคยอ่านผ่านๆ”
คนอย่างผมนั้นไม่มีความเจียมเนื้อเจียมตัว เมื่อก่อนเวลาที่จะยกระดับตัวเองในแต่ละด้าน เพลงเปียโนที่เป็นสิ่งที่สวยงามแบบนี้เองก็อ่านผ่านๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถนั่งอยู่ร้านอาหารฝรั่งดื่มกาแฟไปฟังเพลงสไตล์พื้นบ้านที่แพรวพราวที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นฉันอยากจะคุยกับคุณ คุณเชื่อในความรักของบีโธเฟนที่มีต่อนักเรียนหญิงคนนั้นหรือเปล่า?”
หันเจินลู่ขาทั้งคู่ชิดกัน มือทั้งคู่ประสานไว้ด้วยกัน วางราบไปบนน่อง เต็มไปด้วยสติปัญญาที่สง่างาม
ผมคิด ตอบออกไปทันที: “เชื่อ ไม่เพียงแต่ความรักระหว่างพวกเขา ความรักระหว่างคนทั้งหลายผมเชื่อทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาจะโกหก ผมก็ยินดีที่จะเชื่อ เพราะว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกใบนี้ ทำให้เรารับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของการได้แต่หวังแต่ไม่สามารถใกล้ชิดได้ดีที่สุด”
หันเจินลู่ต้องการแบบไหน ผมก็จะบอกเธอแบบนั้น
ดังนั้นหลังจากที่ฟังคำตอบของผม บนใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอปรากฏเจิดจ้าขึ้นมา
“ดีมาก คาดไม่ถึงว่าจะสามารถได้ยินเสียงในใจของตัวเองที่คุณได้ มีเหล้าไหม?”
“มี แต่ผมไม่ได้เตรียมให้คุณ ร่างกายของคุณไม่อนุญาต”
หันเจินลู่มองดูผมอย่างละเอียด ยาวนาน เหมือนว่าอยากจะมองผมให้ทะลุ
“ถ้าหากว่าเถ้าแก่รู้ว่าคุณปฏิเสธที่จะขายเหล่าให้กับลูกค้า เขาจะต้องไล่คุณออกแน่นอน”
“ผมกลับไม่คิดว่าเถ้าแก่จะต้องไล่ผมออก จะทำสิ่งใดก็ต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเปิดผับ แต่ว่าไม่เห็นจะจำเป็นต้องหาเงินจากเหล้าของลูกค้า ค่าห้องส่วนตัวเขาก็ทำกำไรได้แล้ว”
หันเจินลู่หัวเราะ ตั้งแต่เข้ามา วันนี้ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอนั้นมีไม่หยุดเลย บางทีสาเหตุอาจจะมาผม หรือบางทีอาจจะมาจากสาเหตุอื่น สรุปแล้วก็คืออารมณ์ของเธอนั้นดีอย่างมาก
“อย่างนั้นฉันคิดว่า ฉันคงทำได้แค่ดื่มน้ำของพวกคุณหลายแก้ว น้ำเปล่าคงไม่ได้คิดเงินหรอกนะ? ”
“ดื่มจนอิ่มได้เลย”
หันเจินลู่หัวเราะอีกครั้ง แต่ว่าหัวเราะครั้งนี้ค่อนข้างดัง คนโน้มตัวไปมา แม้แต่หน้าอกที่ไม่ใหญ่ตอนนี้ก็มีการสั่นไหว สามารถจินตนาการเสียงหัวเราะของเธอว่ามีความอิสระและกล้าหาญเพียงใด
เธอมีเรื่องอยู่ในใจ และเตรียมที่จะพูดออกมา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่หัวเราะอยู่ต่อหน้าผมตามอำเภอใจขนาดนี้ ไม่มีความผูกมัด
อย่างที่ติด หลังจากเสียงหัวเราะของเธอหยุด เธอก็พูดความในใจออกมาให้ผมฟัง
“พ่อของฉันคือผู้ทรงคุณวุฒิที่เกษียณอายุจากคณะกรรมการเทศบาลท้องถิ่น……”
ประโยคแรกที่เธอเอ่ยออกมานั้นทำให้ผมตกตะลึง ในสถานที่แบบนี้ คงไม่มีคนไหนจะยินดีเปิดเผยสถานะของตัวเอง
เธอบอกกับผม การแต่งงานอย่างไม่เต็มใจของเธอก็ถือได้ว่าเป็นการแต่งงานการเมือง เพียงแต่ว่าการแต่งงานนี้ไม่ใช่ลักษณะเชื่อมความสัมพันธ์ สามีของเธออาศัยครอบครัวของเธอเติบโตฝ่ายเดียว
การแต่งงานแบบนี้ไม่ขาดแคลนการเติมเต็มสุนทรียภาพและความโรแมนติก แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบเธอ พอที่บ้านไม่มีแรงจะช่วยส่งเสริมให้ขึ้นไปได้สูงกว่าเดิมแล้ว ก็จะเลือกที่จะเลี้ยงเมียน้อย นั่นถึงจะเป็นความรัก
“ดังนั้นครั้งที่แล้วที่คุณมา เลยพูดว่าอยากจะเอาลูกในท้องออก?”
หันเจินลู่พยักหน้า ไม่มีการปฏิเสธ “ถูกต้อง รวมถึงวันนี้ที่มา ฉันก็ยังมีความคิดแบบนี้อยู่”
ผมอึดอัดมาก “เรื่องทำให้เด็กหลุดนั้น ให้เงินเท่าไหร่ผมก็ไม่ทำ ฝ่าฝืนบัญชาสวรรค์”
บนใบหน้าของหันเจินลู่เผยให้เห็นความเขินอายไม่น้อย “ครั้งที่แล้วเป็นแค่คำพูดไร้สาระหลังเมา คุณอย่าไปถือจริงจัง”
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีมากเลย แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ วันนี้เธอคิดจะเอาเด็กออกยังไง
“นอกจากคนในครอบครัวแล้ว ฉันไม่รู้จักผู้ชายอื่น และคนในครอบครัวเองก็คงไม่เห็นด้วยที่ฉันจะทำแบบนี้ ดังนั้นฉันหวังว่าพรุ่งนี้คุณจะไปเป็นเพื่อนฉัน ไปในนามคุณพ่อของเด็กนี้ เอาเขาออก คุณวางใจได้ ฉันจะต้องมีค่าตอบแทนให้คุณแน่นอน และไม่ให้คุณรู้สึกว่ามันน้อย”
ผมไม่ลังเลที่จะปฏิเสธในเวลานั้น “นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเงินมากเงินน้อย นี่เป็นเงินร้อนผมถือไว้ก็ลวกมือ และอย่างที่พูดไปแล้ว จะดีจะชั่วก็คือหนึ่งชีวิต ผมไม่มีทางไปเป็นเพื่อนคุณทำ เรื่องแบบนี้ คุณต้องไปปรึกษากับสามีของคุณให้ดี เรื่องนี้ผมไม่สามารถเป็นเพื่อนคุณได้”
“ฉันไม่ได้อยู่ร่วมห้องกับเขามาเป็นเวลาสองสามปีแล้ว เด็กคนนี้ หลังจากที่เขาเมาหนักมากในคืนนั้นใช้กำลังบังคับฉันร่วมห้องหลับนอน จากนั้นถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ ฉันไร้เดียงสาคิดว่า บางทีในใจเขายังรักฉันอยู่ ดังนั้นเขาเลยใช้กำลังบังคับให้ฉันนอนด้วย แต่ความจริงพิสูจน์ได้ว่าฉันคิดผิด ตอนที่ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่สุด ปากของเขาอยู่ดีๆก็ตะโกนชื่อเมียน้อยออกมา คุณคิดว่า ฉันจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ไหม?”
นี่……ค่อนข้างน่าเกลียดชังจริงๆ ตอนที่ฟินที่สุดกระตุ้นที่สุด ตอนที่จิตใจมุ่งหวัง สุดท้ายแล้วสามีกลับเรียกชื่อของคนอื่น นี่เหมือนกับตอนที่ผมทำเรื่องอย่างว่ากับจางหงหวู่ สุดท้ายตอนที่ผมขึ้นไปถึงจุดสุดยอด อยู่ดีๆเธอก็ตะโกนชื่อของคนอื่นออกมาพูดว่าเยี่ยมมาก จุดนี้ไม่ว่ายังไงผมเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน
แน่นอน เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงกับผม ผมเชื่อมั่นในจางหงหวู่อย่างแน่นอน แต่ปัญหาสำคัญคือ มันเกิดขึ้นจริงแล้วกับหันเจินลู่ และยิ่งเกินเลยไปกว่านั้นก็คือ หันเจินลู่ตอนนี้ตั้งท้องแล้ว และต้องการมาหาผมเพื่อช่วยไปเป็นเพื่อนเธอไปเอาเด็กออก……
“พี่เจินลู่ ไม่ใช่ผมไม่ช่วยคุณ ผมเข้าใจความโมโหและทุกข์ใจของคุณแบบนี้ แต่เรื่องนี้ผมช่วยคุณไม่ไหวจริงๆ ยังไงซะก็เป็นชีวิตที่มีชีวิตหนึ่งชีวิต คุณไปหาพ่อของเด็กให้ไปเป็นเพื่อนคุณเถอะ!”
“ถ้าเขายินดีไปเป็นเพื่อนฉัน ฉันยังจำเป็นที่มาหาคุณอย่างนั้นเหรอ? เขาบอกกับฉันอย่างชัดเจน เขาไม่เคยทำกับฉันมาก่อน เด็กในท้องของฉันไม่เคยทำ เป็นฉันที่ไปผสมพันธุ์กับคนอื่น!”
บนใบหน้าของหันเจินลู่ยังคงรักษารอยยิ้มน้อยๆไว้ เพียงแต่รอยยิ้มน้อยๆนั้นเผยให้เห็นว่าก้นบึ้งนั้นโมโหอย่างลึกซึ้ง
“ถ้าคุณไม่ไปเป็นเพื่อนฉัน อย่างนั้นคืนนี้มาทำกับฉัน ทำจนกว่าเลือดจะออก!”