ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ - ตอนที่ 189
ผมเห็นพวกอันธพาลมาหลายรูปแบบ อาวุโส วัยเยาว์ ใจกล้า ขี้ขลาด ร้อยแปดพันเก้า โผล่ออกมาไม่ขาดสาย แต่ว่าผมไม่เคยเจออันธพาลที่มีวัฒนธรรมและสุภาพอ่อนหวานแบบหันเจิงลู่มาก่อน เธอเป็นคนเลวอย่างแท้จริง!
ไม่ว่าผมจะปฏิเสธหลายรอบรูปแบบ แต่เธอก็ไม่ยอม ยังเรียกร้องให้ผมไปด้วย หรือพูดว่าเธอเช่าผมไปเป็นพ่อของเด็ก ไปโรงพยาบาลด้วยตนเองจากนั้นก็ลงมือผ่าตัดเอาเด็กออก
แน่นอนผมเองก็ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ ทางเลือกที่สองคือทำเรื่องอย่างว่ากับเธออย่างบ้าคลั่ง จนเด็กเข้าสู่ภาวะแท้งซ้ำซาก……
สุดท้าย ตอนที่เธอรีบเร่งพาผมไปที่โซฟาเตรียมถอดเสื้อผ้า ผมก็ยอมแพ้แล้ว
เธอหยุดถอดอยู่ที่กระดุมเม็ดที่สอง และเริ่มถอดอีกครั้ง
“แต่ว่าพี่เจิงลู่ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้จริงๆ ผม……”
คำพูดของผมยังพูดไม่ทันจบ หันเจิงลู่รีบฉีกเสื้อด้านในอย่างรุนแรง กระดุมปลิวออกหมด
เช่นเดียวกับการตัดสินของผมเมื่อก่อนนั้นเลย เธอช่างประหยัดผ้าเพื่อประเทศชาติจริงๆ ไม่มีชุดชั้นใน มีแต่เสื้อกล้ามตัวเล็กสำหรับเด็กผู้หญิงแบบนั้นหนึ่งตัว สามารถมองเห็นร่องรอยเบาบางของกระดานสองแผ่น
“อย่า ผมตกลงแล้ว พรุ่งนี้จะไปเป็นเพื่อนคุณ ใครผิดสัญญาคนนั้นเป็นหมาฮัสกี้!”
ขนาดคำสาปให้เป็นหมาฮัสกี้ก็ออกมาแล้ว ผมคนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะชักชวนให้หันเจิงลู่หยุดการกระทำนี้
รับการค้าคืนนี้ บาปกรรมอะไรขนาดนี้……
หลังจากตอบรับหันเจิงลู่ เธอก็สวมเสื้อกลับเข้าไปอีกครั้ง มองเสื้อด้านในของเธอนั้นตั้งแต่แรกจนจบเปิดอยู่อย่างนั้นแบบใช้ไม่ได้ ผมจึงถอดเสื้อเชิ้ตไปคลุมบนร่างกายของเธอ
เธอเองก็ไม่ได้รังเกียจ ถอดเสื้อคาร์ดิแกนและเสื้อด้านใน นำเสื้อเชิ้ตของผมสวมบนร่างกาย และยิ่งไม่รังเกียจอีกเรื่องก็คือ หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อของผม แล้วจุดขึ้นมาหนึ่งมวน
ดูท่าทางคุ้นเคยของเธอ แน่นอนว่าเป็นบุคคลที่สูบบุหรี่จัด แต่ว่าผมไม่เคยเห็นเธอสูบบุหรี่มาก่อน
เธอเหมือนจะมองออกในความแปลกใจของผม “สูบบุหรี่จัด แค่ต่อหน้าคุณเลยแกล้งทำเป็นกุลสตรีเท่านั้นเอง”
ทั้งหมดเธอพูดขึ้นมาเอง ผมไม่ได้สนใจ “อย่างนั้นตอนนี้คุณทำไมไม่แกล้งทำแล้วละ”
“มาเป็นพ่อของเด็กแล้ว ฉันยังจะต้องแกล้งทำทำไมอีก? เออใช่ คืนนี้ไปอยู่ที่คุณอยู่ คุณไม่มีที่ให้พักพวกเราก็ไปเปิดห้องกัน ค่าห้องเดี๋ยวฉันออกเอง”
หวังพึ่งแล้ว ถูกหวังพึ่งแล้วจริงๆ……
ผมนั้นก็อยากจะเปิดห้องกับเธอ อันที่จริงผมเองก็ไม่ได้มีที่พักจริงๆจังๆสักที่ แต่พอคิดถึงอาชีพของสามีเธอ ผมคิดว่าช่างเถอะ ถึงแม้ว่าสามารถที่จะไม่ไปเปิดห้องในพื้นที่เขตการปกครองของสามีของเธอ แต่แท้ที่จริงเป็นภรรยาหัวหน้าสาขา ถ้ารีบมาตรวจสอบห้อง และอีกฝ่ายประจวบเหมาะรู้จัก อย่างนั้นความสนุกของผมก็เกินขอบเขตไปแล้ว
ดังนั้นการปฏิเสธทุกรูปแบบจึงไม่เป็นผล ผมคิดไปคิดมา โทรศัพท์ไปหาหลิวทง
“โอ้ว เกิดอะไรขึ้น เวลานี้โทรหาฉัน อยากจะชวนฉันไปดื่มเหล้ากินเนื้อย่างเสียบไม้นี่ล่ะ?”
ผมไม่ให้เขาดึงไปเรื่องไร้สาระ ถามตรงๆกับเขาว่าความคืบหน้าของหวงหรุงเป็นอย่างไรบ้าง
“พอได้อยู่ ทุกคืนทำด้วยกัน แต่ว่าทำเด็กเนี่ยยังไม่ค่อยรู้ ทำไมเหรอ?”
เขาพูดแบบนี้ คงเพื่อจะอวดผมอย่างแน่นอน หลิวทงโอ้อวดเพราะว่ารู้สึกมีเกียรติที่ได้กอดผู้หญิงสวยอย่างหวงหรุง แต่ผมมองว่า ถูกผมจัดการเสร็จไปแล้วหลายครั้งอย่างประมุขหวง ก็ไม่เห็นจะคุ้มค่ากับการอวดเท่าไหร่นัก
พูดเรื่องจะขอยืมห้องกับเขาโดยตรง เขาตอบตกลงทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก
ดังนั้น ผมออกจากผับด้วยกันกับหันเจิงลู่ จากนั้นขับรถพาเธอตรงไปที่ศูนย์อาบน้ำตี้หวัง
“ดูแล้ว ฉันไม่ควรจะเป็นคนให้ทิปคุณ แต่ควรจะเป็นคุณให้ทิปฉันถึงจะถูก รถของคุณอย่างน้อยซื้อรถของฉันนั้นได้สามคัน พรุ่งนี้ค่าบริการที่ให้คุณเป็นพ่อของลูกฉัน ถือว่ายกเว้นไปละกัน”
ผมนั้นไม่สนใจค่าบริการหมื่นแปดพันของเธอนั้นหรอก แต่เธอเป็นคนเสนอเรื่องเป็นพ่อของเด็ก ผมรู้สึกว่าในใจมีความไม่สบอารมณ์อยู่ไม่น้อย ท้องอยู่ดีๆ จากนั้นตามไปด้วยลายเซ็นของผมก็……เฮ้อ!
หลังจากไปหาหลิวทงเอากุญแจ ผมก็พาหันเจิงลู่กลับมาที่พักของหลิวทง
ก็ยังสภาพเหมือนเมื่อก่อนแบบนั้น หลังจากที่ผมจากไป ชัดเจนเลยว่าหลิงทงเองก็ไม่เคยกลับมา
เปิดหน้าต่างให้ลมผ่าน หลังจากเก็บกวาดง่ายๆ หันเจิงลู่ก็ถูกผมจัดการให้อยู่ที่ห้องของหลิวทง ส่วนผมก็นอนที่ห้องนอนของตัวเอง
แน่นอน ผมจัดเตรียมแบบนี้ แต่ว่าหันเจิงลู่นั้นไม่ได้ทำแบบนั้น เธอไม่ยอมรับการจัดการของผม
หลังจากผมถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วเข้าไปในผ้าห่ม เธอก็เข้ามาโดยไม่เคาะประตู จากนั้นถอดเสื้อนอก เสื้อเชิ้ต กางเกง กางเกงใน ออกทั้งหมดไม่เหลือสักตัวขณะที่ผมจับจ้องอยู่ ตรงเข้ามาข้างในผ้าห่มของผมทันที
ผมจ้องมองเธอ เธอเองก็หันศีรษะมามองผม “ทำไม ฉันชอบนอนแก้ผ้า ไม่ได้เหรอ? ฉันนอนคนเดียวในห้องรู้สึกกลัว ไม่ได้เหรอ? มีเรื่องอีกเยอะแยะ รีบนอนเถอะ!”
พูดจบ เธอก็กอดผมในอ้อมแขน และเข้าสู่โหมดการนอน
ไม่กล้าจะจินตนาการ ตอนนี้ผมเหมือนผู้หญิงน้อยๆคนหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องถูกเธอลวนลาม และยังกลับกันถูกเธอกอดอยู่ในอ้อมแขน
ผมจึงแกะแขนของเธอออก โอบเธอไว้ในอ้อมแขนทันที และยกขามากดทับร่างกายของเธอไว้ ไม่มีการหลบห้ามส่วนนั้นที่อยู่ด้านล่างสัมผัสกับหน้าท้องของเธอ
เธอมองมาที่ผม ไม่รอให้เธอพูดออกมา ผมก็ตอบกลับไปทันที: “ใหญ่ขนาดนี้ แข็งแรงขนาดนี้ น่าภูมิใจขนาดนี้ เกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ? นอน!”
หันเจิงลู่เองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาในที่สุด จากนั้นพวกเราสวมกอดกันนอน แต่ละคนก็นอนหลับใหลไป
เช้าของวันที่สองผมยังคงรู้สึกง่วงอยู่ ก็ถูกปลุกด้วยเสียงหม้อไหจานชามกระทบกันเสียงดัง
ผมลืมตาตื่นขึ้นมอง หันเจิงลู่ไม่ได้อยู่ข้างๆ หลังจากที่ผมผิวปากเดินไปห้องครัวด้วยดวงตาพร่าเลือนจากความง่วง หันเจิงลู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่
“รีบไปล้างหน้าล้างตา แล้วมากินข้าว จากนั้นไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉัน แล้วก็ อย่าคิดแอบหนี กุญแจรถของคุณถูกฉันเก็บเอาไว้แล้ว”
“เมื่อคืนพูดไปแล้วนี่ ใครผิดสัญญาคนนั้นเป็นหมาฮัสกี้”
เหยียดหยามเธอไปหนึ่งประโยค และผมก็ตรงไปเข้าห้องน้ำทันที
หลังจากที่จัดการทั้งหมดเรียบร้อย อาหารเช้าของหันเจิงลู่ก็ทำเสร็จ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เป็นก๋วยเตี๋ยวกับไข่ดาว แต่ว่าเหมือนจะโทษเธอก็ไม่ได้ สามารถหาของกินที่นี่ได้ ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย ผมก็เอากุญแจรถกลับมาจากเธอ จากนั้นขับพาเธอไปที่โรงพยาบาล
ระหว่างทาง ผมโทรหาโจงเฉียวเฉียว เล่าสถานการณ์คร่าวๆให้เธอฟัง บอกว่าหันเจิงลู่นั้นเป็นผู้หญิงที่ถูกคนหลอกได้แล้วทิ้ง สามีหนีตามมือที่สาม ตอนนี้ทิ้งเธอที่ตั้งครรภ์เอาไว้ ลำบากมากและไม่ง่ายเลย
ตัวผมอยากจะพูดส่วนที่ที่น่าสลดใจของหันเจิงลู่ออกมา จากนั้นให้เธอช่วงหาหมอดีๆมาทำการผ่าตัดให้ ไม่คิดว่ากลายเป็นว่าเธอร้องไห้ทางโทรศัพท์กลับมา ร้องไห้ฟูมฟาย พูดตรงไปตรงมาว่าชีวิตผู้หญิงคนนี้ช่างยากลำบากเหลือเกิน……
“เป็นลูกค้าที่คุณดูแลอยู่เหรอ?”
“คิดอะไรของคุณ ผมเคยดูแลลูกค้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มีแค่คุณคนเดียวหรือถูกคุณให้ดูแลก็ได้ เธอเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายของผม โทรหาเธอเพราะว่าอยากจะให้ช่วยหาหมอดีๆให้คุณ ผมเคยได้ยินมาไม่น้อยว่าตอนนี้สาเหตุจากที่หมอไม่มีฝีมือในการรักษา หลังจากทำแท้งของผู้หญิงแล้วจะทำให้ตั้งครรภ์ยากขึ้น”
หันเจิงลู่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากลงจากรถที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล เธอถึงจะพูดกับผม: “ขอบคุณ!”
“ก็เป็นพ่อของเด็กแล้วนี่ ยังจะต้องขอบคุณอะไรอีก?”
“ก็จริง เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วจะต้องขอบคุณอะไร”
เธอไม่ได้มองเป็นคนนอกจริงๆ
จากการที่โจงเฉียวเฉียวช่วยเป็นธุระจัดการให้ ก็ได้เข้ารับการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว อีกทั้งหมอก็ไม่เลวเลยทีเดียว การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ผมก็พาหันเจิงลู่ออกจากโรงพยาบาล
“พักรักษาตัวของการทำแท้งนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่เดือน แต่ว่าดูแลสงบจิตใจสักหนึ่งอาทิตย์ก็ยังจำเป็นอยู่ อวยพรให้ครอบครัวของเธอช่วยเธอซื้อพวกของบำรุง……”
โจงเฉียวเฉียวกำชับผมหลายอย่าง ผมค่อยๆจำเอาไว้ จากนั้นขณะที่ขับรถอยู่บนถนน ผมก็ถ่ายทอดให้กับหันเจิงลู่ทั้งหมด
“ได้ยินหรือเปล่า อย่าไม่สนใจจนลืมหมดละ……เฮ้อนี่คุณหลับไปแล้วหรือเปล่า ผมคุยกับคุณอยู่นะ!”
“เอาน่า อย่าพูดจาเปล่าประโยชน์อีกเลย รีบส่งฉันกลับเถอะ หลายวันนี้ให้คุณเป็นคนทำอาหารละกัน”
ผมค่อนข้างสับสน ผมฟังไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร หรือจะพูดว่า ความหมายในสิ่งที่เธอพูดนั้นมันค่อนข้างทำให้คนตกใจ ผมไม่ค่อยจะกล้าคิดให้ละเอียด และไม่ค่อยกล้าที่จะเชื่อ
“คุณหมายถึงอะไร?”
“อืม ถูกต้อง ความหมายแบบที่คุณเข้าใจนั่นละ”
จะบ้ามากไปแล้ว!
“ไปเป็นเพื่อนคุณผ่าตัดทำแท้งเรียบร้อย ผมยังจะต้องดูแลคุณอีกหลายวัน?”
“ไม่อย่างงั้นแล้วจะยังไงละ ขนาดมาผ่าตัดทำแท้งยังไม่มีคนมาเป็นเพื่อน คุณยังจะหวังว่าจะมีใครมาดูแลฉันเหรอ?”
หวังพึ่งอีกแล้ว….