ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ - ตอนที่ 193
จางหงหวู่เคยพูดกับผมว่า พออยู่ในจุดนั้น ผมจะได้เจอผู้หญิงมากหน้าหลายตา ผ่านเรื่องราวที่หลากหลาย ผมเชื่อคำพูดของเขา แต่ไม่ได้เชื่อทั้งหมด ผมคิดว่าผู้หญิงน่ะ ก็แค่เรื่องง่าย ๆ เล็ก ๆ พวกนั้น อารมณ์ความรู้สึกมักจะขึ้น ๆ ลง ๆ แค่พูดโอ๋หน่อยก็หายแล้ว
แต่พอมาตอนนี้ ซูเสี่ยวฉินไม่ใช่ผู้หญิงที่จะโอ๋หน่อยก็หาย เธอไม่เคยสร้างปัญหาให้ผม ไม่เคยบังคับใจผม แล้วยังให้สิทธิ์ผมในการเลือกที่จะเป็นอิสระอีก
แต่ปัญหาคือ สิ่งที่สร้างความยุ่งยากที่แท้จริงคือ เธอกำลังจะตาย
ให้ผมใช้เอาเรื่องความรู้สึกเพียงคืนเดียวมาทำให้เธอเปลี่ยนใจ ผมคงทำไม่ได้
ผมสามารถทำให้เธอชอบผมได้ แต่ผมทำมันให้เป็นอย่างที่หวังภายในคืนเดียวไม่ได้อย่างแน่นอน นอกจากเรื่องความรักความรู้สึกแล้ว ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะมีวิธีไหนอีก ที่สามารถผูกใจกับหญิงที่ต้องการความตายคนนั้นเอาไว้ได้
นอกจากว่าตั่นโก๋ซูนจะกลับใจ แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ
ผมหยิบเหรียญออกมา แล้วใช้ปลายนิ้วหมุนมัน ยิ่งเหรียญหมุนเร็วเท่าไหร่ มันยิ่งหมุนได้ไวมากขึ้น สุดท้ายทำให้เกินเป็นภาพเงาที่หมุนไปมา
ผมกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ขณะเดียวกันสมองของผมกลับทำงานได้ไวกว่านิ้วที่กำลังหมุนเหรียญนั่นเสียอีก
สุดท้าย ผมคิดวิธีที่ไม่ใช่วิธีเท่าที่ควรออกมาได้
ผมยกน้ำอุ่นแก้วหนึ่ง ยื่นให้ซูเสี่ยวฉิน ให้เธอเทน้ำให้ผม
เมื่อล้างมือเสร็จ ผมก็ถอดบราของเธอออก แล้วใช้บราของเธอเช็ดมือจนแห้ง
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ” คุณก็มีเสื้อผ้า ทำไมต้องใช้บราฉันเช็ดมือด้วยล่ะ ”
” มันซับน้ำดีออก อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าคุณจะตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ คุณยังจะแคร์อีกเหรอ! ”
คำพูดของผม ทำให้เธอพูดอะไรต่อไม่ได้
ผ่านไปสักพัก ผมก็วางเธอลงบนโซฟา
เธอยื่นมือขาวผ่องนั่นออกมาเพื่อจะปลดเข็มขัดของผม ผมกำลังจะห้ามไว้ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เธอทำ ปล่อยให้เธอถอดมันออกทั้งหมด
ผมนอนขนาบไปบนเรือนร่างและทรวงอกอันขาวผ่องของเธอ ผมค่อยบรรจง ๆ จูบอย่างแผ่วเบา ค่อย ๆ ดูดและเลียมันเรื่อย ๆ
ในขณะเดียวกัน มือของผมก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ แต่เคลื่อนลงไปฉีกกางเกงในตัวจิ๋วของเธอออกแทน จากนั้นค่อย ๆ สัมผัสมันอย่างอ่อนโยน ทำให้ร่างกายอันบอบบางของเธอที่กำลังสั่นเกร็งเพราะความตื่นเต้นนั้นผ่อนคลายลง
จากช้า ๆ ก็ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้น จังหวะเริ่มไวกว่าเดิม
เพียงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่นาที ร่างอันบอบบางของซูเสี่ยวฉินที่อยู่ใต้ร่างของผมก็บิดไปมา ราวกับปลาไหลตัวน้อยที่กำลังขาดน้ำ
ทั้งต่อต้าน และดิ้นไปมา น้ำเสียงเล็ก ๆ ชวนหลงนั่นกำลังกระเส่าเว้าวอนอย่างแหบพร่าอยู่ข้าง ๆ หูผมไม่ขาดสาย
สิบนาทีต่อมา เธอพูดออกมาอย่างติดขัด ” เข้ามาสิคะ ฉันจะเอาคุณ รีบ ๆ เข้ามา! ”
ยี่สิบนาทีต่อมา เธอขอร้องผมอย่างหมดแรง ” เอาหน่า คุณช่วยฉันหน่อยได้โปรด”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอร้องวิงวอนต่อผม ” ที่รัก ฉันขอร้อง เสียบมันเข้ามาเลยสิคะ ”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในขณะที่ดนตรีอันเล่าร้อนกำลังบรรเลงก็มีเสียงเธอด่าแทรกออกมา ” คุณมันบ้า ทำฉันอีก! ”
สองชั่วโมงต่อมา….
สามชั่วโมง….
จนกระทั่งผับปิดในสี่ชั่วโมงต่อมา เธอนอนอยู่บนโซฟาที่เปียกแฉะ ร่างอ้อนแอ้นนั้นขดงอ ไม่หยุดที่จะดีดต้านในความบ้าคลั่งนั้น แม้แต่เส้นผมของผมเองก็โดนเธอจิกจนไม่เป็นทรง ราวกับทรงผมของผีบ้าก็ไม่ปาน
ตอนนี้ แม้แต่คำพูดสักคำก็ไม่หลุดออกจากปากเธอ เหลือเพียงลมหายใจที่รวยรินที่กำลังร้องอ้อนวอนอยู่อย่างนั้น
ขณะที่เอากันผมก็เอานิ้วเข้าไปในปากของเธอ เมื่อทำความสะอาดลิ้นอันอ่อนนุ่มของเธอเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ประคองร่างของเธอขึ้นมา ช่วยเธอใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วพาเธอออกมาจากผับ
ส่วนเงินที่ต้องจ่าย เป็นผมที่ออกเองทั้งหมด เพราะแม้แต่แรงจะยกกระเป๋าหนังของตัวเธอเองขึ้นมาก็ยังไม่มี จนทำให้ผมต้องอุ้มเธอขึ้นรถไป
ในขณะที่กำลังขับรถ ผมก็จุดบุหรี่สองมวน มวนหนึ่งให้ตัวเอง ส่วนอีกมวนผมยื่นมันไปเสียบไว้ที่ปากของเธอ
เธอดูดมันอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้เถ้าบุหรี่จะตกลงบนตัวเธอ เธอก็ไม่สนใจแต่อย่างใด หรือจริง ๆ เธออาจจะหมดเรี่ยวแรงที่จะสนใจมัน
เมื่อผมขับรถพาเธอมายังโรงแรมเหมือนวันนั้น จากนั้นก็อุ้มเธอเข้าผับแล้ววางเธอลงบนเตียง
ในที่สุดเรี่ยวแรงของเธอก็กลับมาอย่างเก่า เธอรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อด่าผม
” คุณมันคนสารเลว ”
ผมไม่ได้สนใจเธอ แล้วทิ้งคีย์การ์ดห้องไว้บนเตียงที่เธอนอนอยู่ ในขณะที่เธอมองผมอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นผมก็เอาโทรศัพท์ของเธอออกมากดโทรออก เมื่อเมมเบอร์เสร็จ ผมก็ปิดประตูให้เธอ แล้วขับรถจากไปอย่างเงียบ ๆ
นี่คือสิ่งที่ผมทำได้อย่างสุดความสามารถแล้ว จะตายหรือไม่ตาย ก็เป็นเรื่องของเธอแล้ว
ถึงคืนนี้ผมจะอดมันเอาไว้ ผมว่าเธอก็คงเหมือนกัน เพราะผมทำให้เธอแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรที่ลึกไปกว่านั้นเลย แต่จะทำให้ไฟราคะของเธอมันลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น
หัวใจของคนเราเมื่อหยุดเต้นแล้ว ก็ต้องใช้เครื่องรักษาไฟฟ้ากระตุ้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ใจของซูเสี่ยวฉินตายไปแล้ว ผมแค่หวังว่าสัญชาตญาณความอยากในการตอบสนองต่อร่างกายของเธอจะถูกกระตุ้นได้เช่นกัน
ไม่ได้รับมัน ถึงจะอยากได้มัน หวังว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลกับเธอ
ตกกลางคืนก็กลับมาที่อยู่เดิม แต่ผมกลับรู้สึกแปลกไป
เพราะทุกครั้งที่กลับมาบ้าน ผมมักจะได้ยินคำซักถามของหันเจิงลู่อยู่เสมอ คอยถามผมว่ากลับมาแล้วเหรอ
แต่คืนนี้กลับไม่มี
ผมคิดว่าเธอคงหลับไปแล้ว เลยเดินย่อง ๆ ไปจนถึงห้องนอน
แต่ในความเป็นจริง ในห้องกลับไม่มีใครอยู่เลย ไม่ใช่แต่นั้น ห้องยังถูกเก็บอย่างสะอาดหมดจด
เมื่อผมเปิดไฟแล้ว ไม่ใช่แค่ห้องนอนที่สะอาด แต่ส่วนอื่น ๆ ยังสะอาดมาก ไม่มีแม้แต่รอยฝุ่น
ระหว่างที่กำลังจะเดินไปห้องน้ำ ผมก็เดินผ่านห้องครัว แต่กลับพบว่าบนโต๊ะมีโน๊ตที่ถูกทับด้วยถ้วยที่ข้างบนมีตะเกียบวางอยู่
เมื่อหยิบโน๊ตขึ้นมาดู ก็พบกับลายมืออันสวยงามของหันเจิงลู่ที่เขียนอยู่บนนั้น ไม่ได้มีคำที่สำคัญอะไรมากมายเนื้อหาส่วนใหญ่เขียนประมาณว่าเธอไปแล้ว
เธอจะกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่สองสามวัน จากนั้นเธอทำมื้อดึกไว้ให้ผม ให้ผมกินเสร็จแล้วก็ไปนอน
วางโน๊ตเสร็จ ผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโดยอัตโนมัติ แต่สุดท้ายก็เก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม
นี่มันเป็นเรื่องดีมาก ๆ ผมต้องการช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนแบบนี้ พอเธอไป ก็ช่วยได้มากเลยทีเดียว ดีจริง ๆ หรือเธอเองก็คงรู้สึกว่าต้องพักเหมือนกัน หรืออีกนัยจะได้ไม่เป็นการอยู่ใกล้ผู้ชายขายบริการอย่างผม
จริง ๆ แล้วครอบครัวของเธอไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
นี่มันโคตรดีเลย ถ้าพูดในแง่ผลประโยชน์ เรามันก็สมประโยชน์กันทั้งคู่
กินมื้อดึกเสร็จ ผมก็ล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเอนกายลงบนเตียง
เพียงชั่วขณะ ผมก็ได้ยินเสียง ‘ ฉึก ‘ เมื่อพลิกตัวไปด้านข้าง ผมจึงรีบดีดตัวขึ้นมา
พอลองจับไปที่หลัง ก็มีเลือดไหลซึมออกมา มองไปที่ผ้าคลุมเตียง ก็มีรอบเจาะขึ้นมา
ผมจึงจับเตียงพลิกขึ้น ก็เจอเข้ากับหมุดหนึ่งตัว
เมื่อหยิบหมุดขึ้นมา ผมก็เห็นว่ามันเหมือนหมุดของหันเจิงลู่ที่ใช้ในตอนนั้น
เธอระมัดระวังที่จะวางหมุดลงบนเตียง ปากกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอย่างหวาดระแวง ” ใจคนเลว ๆ อย่างคุณไม่มีฉัน โทรศัพท์ก็ไม่รับก็นอนหลับบนเตียงได้ลง เรื่องโทรศัพท์ฉันก็บอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ…. ”
ผมเห็นแล้วก็หลอนจนไม่รู้จะทำยังไง เธอคงอยากจะหยิบยื่นหมุดตัวนี้ให้ผม ต้องใช่แน่ ๆ
ผู้หญิงคนนี้ ปล้ำแต่จะดูถูกดูแคลนผมอยู่เรื่อย เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวของคนใหญ่คนโตท่านหนึ่ง
หลังจากตื่นมา ผมไม่ได้รีบลุกออกจากเตียง แต่กลับจุดบุหรี่ดูดอย่างใจเย็น
เมื่อคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย ผมก็ใส่เสื้อผ้าแล้วตรงไปยังห้องรับแขก ก่อนจะหยิบดินสอขึ้นมา แล้วเขียนชื่อลงบนกระดาษแต่ละแผ่น มีกู้ฟางเฟย มีซูเสี่ยวฉิน มีทั้งหันเจิงลู่ สุดท้ายคิดไปคิดมา ก็เขียนชื่อของคนสำคัญอีกสองคนลงไป นั่นก็คือ จางซานตั้นกับ เฉินหลิน
ผมวางแผนอะไรบางอย่าง วางแผนอยู่นาน คิดอะไรไปมากมาย สุดท้ายก็เลือกวิธีที่ตรงที่สุด ง่ายที่สุด และระเบิดอารมณ์ได้ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
เมื่อในใจวางแผนเสร็จแล้ว กระดาษทั้งหมดก็ถูกผมเผาจนมอดไหม้ จากนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาซูเสี่ยวฉิน
ผมหวังว่าเธอจะยังไม่ตาย ถึงเรื่องระหว่างผมกับเธอจะได้ผลหรือไม่ได้ผล ผมก็หวังว่าเธอจะยังไม่ตาย
การตายของหญิงสาวที่หน้าตาสะสวย คงจะเป็นเพราะการละอายต่อการกระทำที่ดูไร้สาระของอะไรบางอย่าง
แต่ว่า โทรศัพท์ดันไม่มีคนรับสายนี่สิ