ชีวิตเกษตกรในต่างโลก - ตอนที่ 7 พวกสุนัข
เวลาที่ผมเดิน สุนัขทั้งสองจะเดินตามมาด้วย
พวกมันค่อนข้างเชื่องทีเดียว
พวกมันกระโดดข้ามรั้ว และคูเข้ามาในที่พัก ผมชวนให้พวกมันเข้ามาใกล้ ๆ กองไฟ แต่พวกมันก็ไม่เข้ามา
หรือว่าจริง ๆ แล้ว สัตว์ร้ายกลัวไฟกันนะ
ผมคิดว่าน่าจะใช่แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น
ทั้งสองตัวเดินเข้าไปใกล้หมูป่าที่ผมล่าเอาไว้
เพราะว่าหมูป่าตัวใหญ่ ผมจึงแบ่งมาเท่าที่จำเป็นแล้วปล่อยทิ้งไว้
…..หิวอยู่งั้นเหรอ
คงจะหิวอยู่สินะ
เดี๋ยวก่อน ๆ
เนื้อหมูป่ามีรสชาติอร่อยกว่าเนื้อกระต่าย
เพราะอย่างนั้น จะให้ไปทั้งหมดเลยไม่ได้
ผมรีบเปลี่ยน [อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์] เป็นมีดแล้ว เข้าไปแบ่งเนื้อหมูป่า
ก็อื่นก็เอาเนื้อส่วนน่องมาก่อน
แล้วก็เนื้อสันนอก เนื้อสันใน แล้วก็….ซี่โครง ตอนเฉือนด้วยมีดจาก [อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์] ไม่รู้สึกถึงแรงต้านเลยทำให้งานง่ายมากทีเดียว
ผมห่อเนื้อที่แบ่งมาด้วยใบไม้ขนาดใหญ่ แล้วนำไปเก็บไว้ในที่พัก
ใบไม้พวกนี้ผมพบระหว่างที่กำลังปรับสภาพดินที่บริเวณรอบนอกของไร่
หลังจากที่ผมแบ่งส่วนของตัวเองมาแล้ว ก็ให้เนื้อและกระดูกที่เหลือกับพวกสุนัข
ทั้งสองตัวเริ่มกินหมูป่าอย่างเอร็ดอร่อย
ผมตั้งใจว่าจะตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้จะได้กินกันได้ง่าย ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ผมรู้แล้วว่าต้องทำอะไรต่อ
ผมไม่มีโต๊ะ
พอมาย้อนคิดดูแล้ว ผมนั่งกับพื้นมาโดยตลอดเลยนี่
น่าจะรู้สึกตัวเร็วกว่านี้แฮะ
ผมนำซุงขนาดกลางมาแบ่งเป็นสองส่วนในแนวตั้ง แล้วขัดให้ผิวครึ่งวงกลมเรียบเพื่อป้องกันไม่ให้มันขยับเขยื้อน
โต๊ะยาวอันมีกลิ่นอายของป่าเขาก็เสร็จสมบูรณ์
แล้วก็เตรียมเก้าอี้ซุงไปพร้อมกันเลย
รู้สึกถึงระดับอารยธรรมที่สูงขึ้นเลย
ตอนที่กำลังเตรียมของพวกนั้น พวกสุนัขก็กำลังเคี้ยวเนื้อหมูป่ากันอยู่
กินกันไปพอสมควรเลย
น่าจะกินไปเยอะกว่าขนาดตัวซะอีก
ยังไงกินหมด ก็ดีกว่ากินเหลือทิ้งแหละนะ
ผมปล่อยพวกสุนัขให้กินกันต่อไป แล้วเริ่มคิดที่จะสร้างบ้านเล็ก ๆ ขึ้น
เพราะต้องมีที่เก็บผลผลิตหลังจากที่เก็บเกี่ยวแล้ว
ดูเป็นโรงเก็บของมากกว่าบ้านเล็ก ๆ แฮะ
ให้ความรู้สึกเหมือนตอนสร้างห้องน้ำเลย
ถึงแม้จะด้อยความรู้ แต่ผมยังมี [อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์] อยู่
แต่ดูเหมือนว่าสำหรับมือใหม่อย่างผม แบบที่ยกพื้นสูงเหนือดินจะยากเกินไปหน่อย
สุดท้ายแล้วก็ออกมาคล้ายกับห้องน้ำ
ที่ต่างกันมีแค่พื้นกับขนาด
มีขนาดราว 8 เสื้อทาทามิ
หมายเหตุ 1 เสื่อทาทามิมีขนาดราว 1.55 ตรม.
เพราะว่าจะใช้เป็นโรงเก็บของ เลยอยากให้ใหญ่สักหน่อย
เรื่องความแข็งแรงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเสาทั้งสี่ใช้ซุงขนาดใหญ่
ตัวพื้นไม่ได้ทำจากใช้ไม้กระดาน แต่เป็นพื้นดินธรรมดา
เนื่องด้วยเป็นที่เป็นผลผลิต คงจะดีกว่าถ้าให้อยู่ติดกับพื้นที่มีความเย็น
ต่อไปก็ ทำชั้นสำหรับจัดเก็บผลผลิต
หลังจากตั้งใจจะไปรวบรวมไม้มาทำชั้น พวกสุนัขก็กินกันเสร็จพอดี
เจ้าหมูป่านั่นเหลือแต่กระดูก
ท้องของพวกแกจะเป็นยังไงบ้างนะ
ตอนที่กำลังคิดแบบนั้น สุนัขตัวเมียก็ร้องขึ้นมาอย่างทรมาน
กินเยอะเกินไปงั้นเหรอ
ผมรีบมุ่งไปหาแต่ก็ถูกตัวผู้ขู่และขวางเอาไว้
ผมคิดดว่ามันไม่ใช่เวลามาขู่กันแท้ ๆ แล้วตัวเมียที่เดินไปมาก็ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง
อะไรล่ะเนี่ย
….หรือว่า เธอจะออกลูกอย่างงั้นเหรอ
เอ๊ะ
อย่างนอกเนี่ยนะ
ออกลูกในที่แบบนี้จะดีเหรอ
….ไม่ได้สิ
ที่ที่เธอจะออกลูกได้
ที่พักของผมเหรอ
ที่นั้นมีเก็บเนื้อเอาไว้อยู่
ถ้าอย่างงั้น…
ผมนำทางสุนัขทั้งสองไปยังโรงเก็บของที่พึ่งสร้างเสร็จ
น่าจะดีกว่าข้างนอกนั่นแหละนะ
ดูเหมือนว่าตัวเมียจะคิดแบบเดียวกัน แล้วเดินเข้าไปที่มุมห้องแต่โดยดี
ตัวผู้มองมาที่ผมด้วยแววตาแวดระวัง
ออกลูก…..ออกลูก….
ไม่ได้เรื่องเลย
ผมไม่มีความรู้ทางนี้เลยสักนิด
ในขณะเดียวกันก็ใกล้จะค่ำแล้ว
ถ้าตะวันตกดินล่ะก็ อุณหภูมิจะลดต่ำลงเช่นกัน
ผมจึงตัดสินใจก่อกองไฟในโรงเก็บของ
ผมขุดหลุมตื้น ๆ ตรงกลาง เป็นรูปกองไฟอย่างง่าย ๆ แล้วโปรยขี้เถ้า
ใส่ฟืนลงไปแล้วจุดไฟ
มีควันลอดจากช่องหน้าต่าง
เนื่องจากไม่มีประตู คงไม่ถูกรมควันล่ะนะ
ต่อไปก็ น้ำดื่ม
ผมรีบทำกระป๋องชั่วคราวจากซุงแล้วหาบน้ำไปให้มัน
เหมือนว่าจะทำได้ถูกต้อง เพราะมันเข้ามาดื่มน้ำทันที
หลังจากนั้น….เธอจะออกลูกตรงนี้สินะ แล้วลูกสุนัขก็จะตกลงบนพื้น ให้ตกลงพื้นตรง ๆ แบบนั้นจะไม่เป็นอะไรเหรอ
แต่ผมก็ไม่มีผ้าห่ม หรืออะไรที่คล้ายกันเลย
รู้อย่างนี้เก็บขนกระต่ายกับหนังหมูป่าเอาไว้ดีกว่า
จากที่เคยเห็นผ่านทางโทรทัศน์ ม้าออกลูกบนเบาะฟาง
แต่ที่นี่ก็ไม่มีฟางอีก
ถ้าเข้าป่าไปหาหญ้ามาแทนคงพอไหว แต่ตอนนี้มืดแล้ว
ถึงแม้จะใช้จอบถางไปเรื่อย ๆ ได้แต่การรวบรวมหญ้าในป่าที่มืดสนิทก็ยังเป็นงานที่ยากเกินไปอยู่ดี
ทำอะไรได้บ้างนะ
ตอนที่กำลังคิดหาทางอยู่นั้น สุนัขตัวเมียก็เริ่มพยายามคุ้ยพื้นดิน
…..
ผมเปลี่ยน [อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์] เป็นพลั่ว
เหมือนว่าความแตกต่างระหว่างพลั่วกับพลั่วตักตักดินจะเป็นส่วนที่ใช้เท้าได้** แต่ในความทรงจำของผมพลั่วตักดินนั้นใช้มือข้างเดียว
หมายเหตุ ผมลองอ่านทั้งสองภาษาแล้วก็ยังแอบงงอยู่ดีครับ น่าจะประมาณว่า พลั่วมีบริเวณตรงด้ามจับที่ใช้เท้าช่วยเหยียบได้เวลาใช้งาน แต่พลั่วตักดินหรือช้อนตักดินจะมีขนาดเล็ก สามารถจับถือได้ด้วยมือข้างเดียวครับ
จะยังไงก็ช่างเถอะ
ผมปรับหน้าดินบริเวณมุมห้องด้วยพลั่ว
อันที่จริง บริเวณตรงนี้ค่อนข้างนิ่มอยู่แล้วเนื่องจากผมเคยปรับหน้าดินด้วยจอบไปแล้ว
พอใช้พลั่ว เลยยิ่งทำให้นิ่มขึ้นไปอีกขั้น
พื้นที่ที่ปรับไปมีขนาดราว ๆ 1 เสื้อทาทามิ
ดูเหมือนว่าสุนัขเพศเมียจะเข้าใจสิ่งที่ผมทำ จึงขุดหลุมในบริเวณที่ผมเตรียมไว้ด้วยอุ้งเท้าเพื่อใช้เป็นที่รองรับลูก ๆ ของมัน
หลังจากนั้นผมทำได้แค่ดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น…..
พวกมันคงรู้สึกกดดันมากกว่า หากมีคนแปลกหน้าอย่างผมคอยจับตาดู
ผมปล่อยพวกมันไว้แล้วออกจากโรงเก็บของ
ตอนนี้ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกองไฟใกล้ ๆ ที่พักกับแสงสว่างที่เล็ดลอดออกมาจากโรงเก็บของหรือเปล่าผมรู้สึกว่าด้านนอกนั้นมืดสนิท
หวังว่ามันจะออกลูกได้อย่างปลอดภัยนะ
ผมไม่รู้สึกอยากเข้านอน จึงนั่งแกะสลักของต่าง ๆ โดยอาศัยแสงจากกองไฟ
อีกอย่างหนึ่ง กระดูกของหมูป่าที่เห็นในตอนกลางคืนนั้นค่อนข้างน่ากลัว ผมจึงใช้จอบทำให้เป็นปุ๋ยไป
——————————————————————-
สวัสดีท้ายตอนเช่นเคยครับ
ที่พยายามปั่นอยู่ตอนนี้ก็เพื่อกวดอนิเมะที่กำลังฉาย กับอยากถึงเนื้อหาของสาวที่อวยไว ๆ ครับ
งานไม่วายเสร็จ มานั่งปั่นงานแปล (การจัดลำดับความสำคัญเป็นเลิศทีเดียวเชียว) 5555
ยังไงก็ไว้เจอกันตอนหน้าเช่นเคยครับ ต้องกลับไปปั่นงานแล้ว
อีกหนึ่งเรื่อง คิดว่าเชิงอรรถ อยากให้อยู่ระหว่างเนื้อหา หรือ อยากให้ใส่เป็น Foot note ในช่วงท้ายดีครับ