ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 167 สกุลจะเฉินมีหญิงที่ฟ้าลิขิตให้เป็นหงส์ / ตอนที่ 168 คิดถึงผมแล้ว?
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 167 สกุลจะเฉินมีหญิงที่ฟ้าลิขิตให้เป็นหงส์ / ตอนที่ 168 คิดถึงผมแล้ว?
ตอนที่ 167 สกุลจะเฉินมีหญิงที่ฟ้าลิขิตให้เป็นหงส์
“คืนนี้หนูมาที่นี่ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ได้รับรู้ว่าเฉินเชียนโหรวเป็นแก้วตาดวงใจของคนสกุลเฉิน ที่อีกไม่นานก็จะแต่งเข้าสกุลซู และกลายเป็นคุณนายผู้สูงศักดิ์ของสกุลซู!”
“คุณปู่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าหนูไม่ชอบเธอ แต่กลับเรียกให้หนูมาเห็นด้วยตาว่าเธอมีความสุขแค่ไหน! สิ่งที่เธอมีอยู่ทุกวันนี้อะไรบ้างที่เธอไม่ได้แย่งไปจากหนู!”
เป็นครั้งแรกที่เธอยั้งสติไม่ได้เช่นนี้ต่อหน้าเฉินซั่งหวา!
เนินนานกว่าที่เธอจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วพยายามกลับมาใจเย็นได้อีกครั้ง หญิงสาวเผยยิ้มหยันขึ้นอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าที่หนูมาวันนี้จะเป็นการหาเหาใส่หัว มารับความรังเกียจถึงที่!”
เธอดึงมือตัวเองกลับแล้วถอยหลังสองก้าว สีหน้ากลับมาเย็นชาเฉกเช่นทุกครั้ง
ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฉินซั่งหวาทอดถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ฝานซิงลูก ปู่แค่อยากให้หนูกลับบ้าน กลับสกุลเฉิน! ย่าของหลานอาจพูดไม่เข้าหูบ้างในบางครั้ง แต่เหตุผลของเธอไม่เลวเลย เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหนูไม่ยอมปล่อยวางไปชั่วชีวิต ชาตินี้ทั้งชาติหนูจะไม่ยอมกลับบ้านเลยงั้นเหรอ”
เธอกระตุกยิ้ม “กลับตระกูลเฉิน?”
นิ่งงันไปสักพัก ก็เอ่ยขึ้นเพียงว่า “ข้างนอกลมแรง คุณปู่รีบกลับเข้าไปข้างในเถอะค่ะ!”
สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถึงสกุลเฉินต่อไปให้มากความ
กลับบ้านสกุลเฉิน ฝันไปเถอะ!
ถ้าอยากจะกลับไป ก็คงจะกลับไป…คิดบัญชี!
—
สุดท้ายดินเนอร์ครอบครัวก็ไม่ได้ดำเนินต่อไป เรื่องงานแต่งของซูเหิงและเชียนโหรวจะกำหนดขึ้นในวันนี้
รอจนดินเนอร์สิ้นสุดลง ซูเหิงที่กลายเป็นว่าที่เขยของสกุลเฉินก็อาสาเป็นคนจ่าย
ซูปิ่งโย่วและไช่จิ้งอี๋กลับบ้านกันไปก่อน
สีหน้าของซูปิ่งโย่วดูไม่ดีเล็กน้อย
ไช่จิ้งอี๋สูดลมหายใจเข้าแล้วปราดมองไปยังเขา “ส่ายหน้าทำไม คุณต้องไปสู่ขอลูกสะใภ้ให้สกุลซูนะ นั่งดึงหน้าบนโต๊ะอาหารแบบนั้นหมายความว่าไง”
ซูปิ่งโย่วเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “คืนนี้ทำเอาเฉินฝานซิงแม่หนูนั่นเสียใจเข้าให้แล้ว วิกฤตของสกุลซูปีนั้นถ้าไม่ใช่เพราะฝานซิง สกุลซูก็คงจะหมดกัน…ตอนนี้พวกเราเนรคุณสุดๆ ข้ามแม่น้ำเสร็จก็รื้อสะพาน!”
ไช่จิ้งอี๋เม้มปาก “…ฉันรู้เสมอว่าเราติดหนี้บุญคุณเด็กคนนั้น แต่ว่าความรู้สึกของเด็กๆ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะตัดสินใจได้!”
ซูปิ่งโย่วเขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองเธอ “อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่าตอนนั้นคุณชี้ทางให้ซูเหิงกับเชียนโหรวคบกัน!”
“ที่ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเพื่อสกุลซูรึไง!”
ความอ่อนโยนเลือนหายไปจากใบหน้าเธอเล็กน้อย “ตอนนั้นเฉินฝานซิงมีข่าวพวกนั้น เรื่องไหนบ้างที่ทำให้เชิดหน้าชูตาอยู่ได้! สกุลซูจะรับผู้หญิงแบบนั้นเข้ามาในบ้านได้ยังไงกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูเหิงลูกชายฉัน ฉันแค่ไม่อยากให้เขาไปคว้าเอาผู้หญิงฉาวโฉ่แบบนั้นมา แล้วมันผิดตรงไหน”
“อีกทั้งหลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าฉันจะดูไม่ออกนะ ท่าทีที่สกุลเฉินมีต่อฝานซิง หากว่าเฉินฝานซิงต้องเข้ามาในสกุลซูจริงๆ เฉินฝานซิงจะเอาอะไรจากสกุลเฉินมาให้เราได้บ้าง”
ไช่จิ้งอี๋มองซูปิ่งโย่วแล้วค่อยๆ ผ่อนอารมณ์โกรธ เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นอย่างชวนสงสัยเป็นอย่างมาก
“อีกอย่าง คุณรู้ไหมว่าทำไมสกุลเฉินถึงได้ลำเอียงไปทางเฉินเชียนโหรว”
ซูปิ่งโย่วหันไปมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้เฉินฝานซิงเองก็เคยถูกยกให้เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลเฉิน เป็นคุณหนูที่ทุกคนรักใคร่!
เพียงแต่ไม่ทราบว่าเหตุใด ทำไมหลังๆ จู่ๆ คนที่เฉียบขาดและไม่ชอบมือที่สามมากที่สุดอย่างเจียงหรงหรงจะเสนอให้เฉินเต๋อฝานพาสองแม่ลูกนั้นเข้าบ้านมา แถมยังให้ความรักความเอ็นดูเสียจนเกินหน้าเกินตา
ด้วยเหตุผลนี้…
ไช่จิ้งอี๋เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
“ตอนนั้นเจ้าอาวาสที่วัดหลิงหมีซื่อพูดว่าสกุลเฉินจะมีหญิงที่ฟ้าลิขิตให้เป็นหงส์ หงส์นั้นซ่อนกายในพงไพร ยากจะหวนคืนสู่รังนอน คนไม่ดีผีชาง [1] ชีวิตมีแต่เคราะห์กรรม…ต่อมาท่านพูดว่ายังไงอีกฉันก็จำไม่ได้แล้ว แต่หลังๆ ยังมีอีกหนึ่งประโยคคือ…คนมาหลังจะไปก่อน!”
ตอนที่ 168 คิดถึงผมแล้ว?
ได้ยินดังนั้น ซูปิ่งโย่วก็กระตุกมุมปากขึ้นอย่างหงุดหงิด
“เชื่อของพรรค์นั้นด้วย?”
“เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ อย่ากลัวแม้ตอนนี้มันยังไม่เป็นจริง! นี่เป็นคำที่เจ้าอาวาสวัดหลิงหมีซื่อพูดออกมาจากปากของท่านเชียวนะ แถมยังเป็นจริงตามคำทำนายอีกด้วย…ฟ้าลิขิตให้เป็นหงส์ หงส์นั้นซ่อนกายในพงไพร ยากจะหวนคืนสู่รังนอน ชีวิตมีแต่อุปสรรค คนไม่ดีผีชาง นี่มันหมายถึงเฉินเชียนโหรวชัดๆ เป็นลูกสาวของสกุลเฉินแท้ๆ แต่กลับต้องไปเติบโตข้างนอกที่ห่างไกล ปัญหามากน้อยที่เจอมาตลอดหลายปี ไหนจะฝานซิงที่ก็น่าจะหมายถึงคนเลวนั่น…
ที่สำคัญที่สุดคือคำที่ว่า ‘คนมาหลังจะไปก่อน’ เฉินเชียนโหรวเป็นคนที่เพิ่งถูกรับเข้ามาทีหลังไม่ใช่เหรอ
เกิดมาเพื่อเป็นหงส์ มั่งมี ต่อไปเชียนโหรวจะพาความภาคภูมิใจมาให้สกุลซูมากแค่ไหน คุณเคยคิดบ้างไหม”
“…” ซูปิ่งโหย่วหรี่ตามองเธอแต่ไม่พูดจา
เขาคิดอย่างถ้วนทีอีกครั้ง ดูเหมือนว่าสิ่งที่ภรรยาของเขาพูดก็ดูมีเหตุผล
ในฐานะนักธุรกิจธรรมดาๆ อย่างไรก็พอจะมีความเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง
ก็เหมือนกับสกุลเฉินที่งมงายในเรื่องพวกนี้เช่นกัน!
และในเวลานี้ เขาก็ไม่ได้พูดถึงและไม่ได้คิดขึ้นอีกเลยว่า…
ในปีนั้นที่สกุลซูแทบจะล้มละลาย ใครกันที่เป็นคนที่ค่อยๆ ประคองสกุลซูของพวกเขาให้กลับมายืนได้อีกครั้ง…
—
เฉินฝานซิงกลับมาถึงลี่ถิงเซินก็ล้มตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง
เธอกำลังพยายามห้ามตัวเองไม่ให้กลับไปนึกถึงใบหน้าของทุกๆ คนที่ได้เจอ และทุกๆ ถ้อยคำที่เธอได้ยินมาในวันนี้ แต่คนเราก็เป็นเช่นนี้
ยิ่งคิดจะหลีกหนี ยิ่งรู้สึกเกลียด มีผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกเธออย่างง่ายดาย
เธอพ่นลมหายใจออกมาแล้วยกมือขึ้นคลึงตรงหว่างคิ้วภายในห้องที่เงียบสงบ
ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้ หรือไปติดหนี้บุญคุณอะไรคนพวกนั้น!
ถึงได้รวมหัวกันมาเอาคืนเธอ!
ไม่นานเธอก็ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับดวงตาสุกใสที่เคลือบด้วยความเยือกเย็น
เธอหันไปคว้าเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมา เปิดสมุดโทรศัพท์ออกก่อนจะกดโทรออก
ไม่นานโทรศัพท์ก็มีคนรับสาย เสียงเย็นของเธอก็ดังขึ้น
“เรื่องที่ฉันวานให้ตรวจสอบใเป็นยังไงบ้าง…อืม ส่งมาให้ตอนนี้เลย!”
หลังจากที่เธอเพิ่งจะวางสายไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ใบหน้าเย็นชาและเรียบตึงก็เริ่มเผยให้เห็นความอ่อนโยน
เธอยกนิ้วกดลงเบาๆ บนหน้าจอ
ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติปรากฏขึ้นตรงมุมเล็กๆ ของหน้าจอให้เห็นเด่นชัด
“ยังไม่ได้พักผ่อนเหรอ”
เฉินฝานซิงกระตุกยิ้มขึ้นแล้วชันเข่าขึ้นบนโซฟา มองคนในหน้าจอพลางยกยิ้มน้อยๆ
ป๋อจิ่งชวนมองหน้าเธออยู่ค่อนวันก่อนที่เสียงทุ้มชวนฟังจะค่อยๆ เอ่ยขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”
เฉินฝานซิงนิ่งไป “ว่าไงนะ”
ป๋อจิ่งชวนเองก็เอนกายนั่งบนโซฟา นัยน์ตาสีนิลจ้องเธอไม่ละสายตา
“คุณดูไม่ค่อยมีความสุขเลย”
สีหน้าตกใจได้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น เธอเผยยิ้มขึ้นจางๆ พลางส่ายหน้า เสียงใสๆ แฝงไปด้วยความอ่อนโยนได้เอ่ยขึ้น
“เปล่าหรอก ตอนนี้งานมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย เลยกำลังปรับตัว”
ดูเหมือนป๋อจิ่งชวนจะยิ้ม แต่กลับเอียงคอแล้วหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบ
ใช้สายตาสีนิลคู่เดิมที่ยากเกินจะเข้าใจอยู่แล้วซ่อนความสงสัยเอาไว้
เขาเพียงแต่กำชับเสียงแผ่ว
“อย่ากดดันตัวเองเรื่องงานมากนัก”
เธอพยักหน้า “ทราบแล้วค่ะ!” เธอนิ่งไปสักพักแล้วมองเขาก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“คุณล่ะ งานราบรื่นดีรึเปล่า”
“ก็ดี”
“งั้นคุณจะกลับมาเมื่อไหร่”
เขาถือแก้วน้ำ รอยยิ้มปรากฏขึ้นเบื้องลึกของดวงตาสีหมึกคู่นั้น และค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกของเขา
“คิดถึงผมแล้ว?”
เธอจ้องใบหน้าเขาอย่างเหม่อลอย
คิ้วเข้มราวน้ำหมึก สง่าและดูอิสระ
——
[1] ผีชาง สมัยโบราณเชื่อกันว่าผู้ที่โดนเสือกัดตายนั้น วิญญาณจะกลายเป็นผู้รับใช้เสือ คอยช่วยหาเหยื่อ ช่วยให้เสือไปทำร้ายคนอื่นต่อไป