ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 277 ขาวโพลนไปด้วยสีของนม / ตอนที่ 278 บังเอิญ บังเอิญมากๆ
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 277 ขาวโพลนไปด้วยสีของนม / ตอนที่ 278 บังเอิญ บังเอิญมากๆ
ตอนที่ 277 ขาวโพลนไปด้วยสีของนม
“มีเรื่องมากไปก็ไม่ดี ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา…เอาเถอะ ไม่ต้องไปพูดถึงเขาแล้ว นานๆ จะได้เจอเพื่อนคุณสักครั้ง ตื่นเต้นจัง ทำยังไงดี”
เธอยิ้มพลางลูบท้องตัวเองป้อยๆ
“ไม่ต้องตื่นเต้น ขอแค่คุณคอยอยู่ข้างๆ ก็พอ ผมจะไม่ให้ใครมาเข้าใกล้คุณได้”
–
ห้องตี้หวงถิง
ตามระยะเวลาที่เลยผ่าน หลายคนที่เคยเล่นกันอย่างฮาเฮในคราแรกบัดนี้พวกเขาพากันมานั่งบนโซฟา ทุกสายตาจ้องมองไปยังเอ็มวีเพลงบนหน้าจอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ใบหน้าของทุกคนดูหนักแน่นขึ้น
สาวๆ ที่ถูกเรียกตัวมาเป็นพิเศษก็ถูกอินรุ่ยเจวี๋ยไล่ออกไปตั้งนานแล้ว
หลายคนดูเอ็มวีไปพลางก็หันไปมองประตูอยู่เป็นระยะ เหมือนกับมีไฟลนก้น
ภายในห้องนั้นมีเพียงลี่ถิงเซินแค่คนเดียวที่ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ยังคงมีท่าทีเช่นเดิม เขานั่นบนโซฟาพร้อมแก้วเหล้าในมือที่ยกขึ้นมาจิบเป็นบางครั้งบางคราว แสงไฟสีนวลตกกระทบลงบนแอลกอฮอล์สีใสกลายเป็นแสงระยับ สะท้อนเข้าบนดวงตาดำขลับดุจไม้จันท์เป็นคลื่นวูบไหวไปมา
เหลียงซูเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ ของเขาอย่างเงียบเชียบ เธอมองลี่ถิงเซินด้วยสายตาที่เทิดทูนไม่เสื่อมคลาย
สถานที่ที่ควรเป็นที่รื่นเริงบันเทิงใจ บัดนี้ทั้งเงียบสงัดและเคร่งขรึมราวก็เป็นห้องประชุมก็มิปาน
แต่กลับไม่มีใครรับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้
และท่ามกลางความเงียบอันน่าประหลาดใจนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นมาแล้วหันหน้าไปมองยังประตู
แสงไฟในห้องค่อนข้างสลัว แต่ไฟตรงทางเดินกลับสว่างจ้า
ทำให้ตอนนี้พวกเขาเห็นสองร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูเป็นเพียงเงาเท่านั้น
ร่างหนึ่งสูงล่ำและสง่า อีกร่างผอมเพรียวและน่าถนอม
มองไม่เห็นโครงหน้า แต่กลับรู้สึกได้ว่าทั้งสองร่างตรงหน้าดูเข้ากันอย่างน่าประหลาด
ป๋อจิ่งชวนจูงเฉินฝานซิงก้าวเข้าห้องมาทีละก้าวๆ สองร่างค่อยๆ ย่างเข้าสู่ภายใต้แสงไฟ ความเข้ากันอย่างลงตัวของเงาหนึ่งที่สูงและอีกเงาหนึ่งที่ต่ำ เงาหนึ่งดำกับอีกเงาหนึ่งที่ขาว สะท้อนเข้าสู่ก้นบึ้งของนัยน์ตาพวกเขา
ต่างคนต่างสูดไอเย็นเข้าไป พวกเขามองตรงไปยังผู้ชายที่ควรจะมีชีวิตอยู่ในนวนิยายอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ชายหนุ่มทั้งหล่อเหลา คิ้วเข้มดุจสีหมึก ดวงตาเฉียบแหลม ริบฝีปากบาง ราศีความสูงศักดิ์แผ่กระจายออกมาจากร่างกาย สีหน้าเฉยเมยและไม่แยแสบ่งบอกได้ถึงนิสัยแท้จริงของเขาที่เป็นคนเย็นชาและเข้มงวด
ใบหน้าเย็นชาและงดงามอย่างไร้ที่ติ
อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ชายหนุ่มที่เพอร์เฟคราวกับหลุดออกมาจากนวนิยายเช่นนี้ แม้แต่พวกเขายังไม่อยากจะเชื่อ
คนแบบนี้ ควรจะโสดเสียให้เข็ด
ใบหน้าเลอค่าราวกับเกิดมาเป็นเทพเซียน
ทว่าข้างกายของเขากลับมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ห่าง
อย่างที่อินรุ่ยเจวี๋ยพูดไว้ไม่มีผิด เป็นผู้หญิงจริงๆ ด้วย
แต่เมื่อเขาได้มองเห็นดวงหน้าของหญิงสาวได้อย่างแจ่มชัด พวกเขาก็ชะงักกันไปเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่คนที่กำลังมี ‘ชื่อเสียง’ อยู่ในตอนนี้คนนั้นหรอกเหรอ…
ฉงนกันได้ไม่ถึงสองวินาที ต่างคนพากันโค้งคำนับไปยังเฉินฝานซิงอย่างสุดซึ้ง “สวัสดีครับพี่…ป๋อ สวัสดีครับพี่สะใภ้”
“…”
มุมปากของเฉินฝานซิงกระตุก ก่อนเงยหน้ามองป๋อจิ่งชวน
ป๋อจิ่งชวนไม่พูดจา ที่นั่งหลักว่างอยู่ตั้งนานแล้ว ป๋อจิ่งชวนไม่ได้ถ่อมตัวแม้แต่น้อย เขาจูงเฉินฝานซิงไปนั่งตรงนั้นอย่างไม่ต้องเชิญ
“ดื่มอะไรดี”
เฉินฝานซิงยิ้มแล้วเอ่ยถาม “คุณว่าไงล่ะ”
“นม”
“…”
“…”
“…”
ผู้คนที่ยืนเบียดกันอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะน้ำชา ตวัดสายตามองไปยังเฉินฝานซิงก่อนจะย้ายไปมองป๋อจิ่งชวน แล้วก็มองป๋อจิ่งชวนย้ายไปมองเฉินฝานซิงอีกรอบหนึ่ง
นม?
ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ออกมาเที่ยวจะให้เขาดื่มนม?
ล้อเล่นอะไรกันครับเนี่ย
ฮัลโหล อีกเดี๋ยวพวกเขาก็จะเชิญดื่มเหล้าอยู่แล้วปะวะ!
นี่พวกเขาต้องเปลี่ยนมาชนแก้วนมเหรอเนี่ย
และแล้วฉากๆ นั้น…
ก็ขาวโพลนไปด้วยสีของนม…
คืนนี้เฉินฝานซิงกะจะเอาใจป๋อจิ่งชวนเต็มที่ เธอจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ได้สิ คุณว่าไงก็ว่างั้น”
ตอนที่ 278 บังเอิญ บังเอิญมากๆ
คืนนี้เฉินฝานซิงกะจะเอาใจป๋อจิ่งชวนเต็มที่ เธอจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ได้สิ คุณว่าไงก็ว่างั้น”
ป๋อจิ่งชวนหันไปมองเธอวูบหนึ่งแล้วเผยยิ้มขึ้นจางๆ
แสงสีทองส่องประกายเรืองรองแทบทำเอาคนอื่นๆ ตาลายกันไปเป็นแถบๆ
ชายหนึ่งรู้สึกตัวได้เร็ว เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ผมจะไปเอานมมาให้เดี๋ยวนี้ครับ”
อินรุ่ยเจวี๋ยไร้การตอบสนองไปค่อนวัน เขานึกเสียดายอย่างหนัก
รู้ทั้งรู้ว่ายังไงพี่ป๋อก็ต้องมา ทำไมเมื่อกี้เขาถึงไม่ยอมเดิมพันกับไอ้ลี่ถิงเซินนั่นวะเวรเอ๊ย!
ชวดโอกาสดีๆ แบบนี้ไปดื้อๆ เล๊ย
เหลียงซูเอ๋อร์เองก็อึ้งไปเล็กน้อย เธอรู้จักเฉินฝานซิงอยู่แล้ว ก็เธอออกจะ ‘ดัง’ บนโลกอินเตอร์เน็ตอยู่ในตอนนี้ เรียกได้ว่า ‘แซง’ เฉินเชียนโหรวได้อย่างขาดลอย
แต่วันนี้พวกเธอกลับได้พบกันด้วยความบังเอิญ
เธอจำได้…
นัยน์ตาของเหลียงซูเอ๋อร์วูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มข้างกาย
“ถิงเซิน คุณหนูเฉินเป็นรุ่นน้องคุณนี่ บังเอิญจังเลยน้า วันนี้พวกเราเพิ่งจะได้เจอกัน”
รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อของลี่ถิงเซินเลือนหายไปเกือบครึ่ง ความเหน็บหนาวอันเหนือความคาดเดาผุดขึ้นจากก้นบึ้งของนัยน์ตาเย็นเยือก
ป๋อจิ่งชวนได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปมองเขา เมื่อเห็นท่าทางของเขา ป๋อจิ่งชวนจึงหรี่ตาลงมองเล็กน้อย
หลังจากนั้นราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สายตาคู่นั้นกวาดมองไปทั่วร่างของเหลียงซูเอ๋อร์ ความมืดดำที่ผุดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปในทันที
เฉินฝานซิงเองก็หันมองไปยังบุคคลที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้น นัยน์ตาก็ได้ฉายความประหลาดใจ
นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเขาจะเป็นพวกเดียวกับป๋อจิ่งชวน
ลี่ถิงเซินเคลื่อนสายตามาเล็กน้อยก็สบเข้ากับสายตาของเฉินฝานซิงเข้าพอดี
เฉินฝานซิงพยักหน้าส่งไปให้ “บังเอิญจัง”
“วันนี้พวกคุณเจอกันแล้ว?”
“อืม ประธานลี่ส่งแฟนสาวไปอัดรายทีวี เลยบังเอิญเจอกัน”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น “บังเอิญจริงๆ”
หากหลิงหลิงเป็นลูกของถิงเซินจริงๆ คงจะเป็นเรื่องที่บังเอิญพิลึก
ในตอนนั้น อินรุ่ยเจวี๋ยก็เข้ามานั่งลงตรงหน้าเฉินฝานซิงอย่างว่องไว เขามองเธอก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ
“คุณ…คุณโอเคใช่ไหม”
เฉินฝานซิงหันไปมองเขา เมื่อเห็นหน้าของอินรุ่ยเจวี๋ย แววตาของเธอก็ถูกฉาบไปด้วยความประหลาดใจ
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“คนที่โทรเรียกพี่ป๋อออกมาคืนนี้คือผมเอง!”
“แบบนี้เอง งั้นก็บังเอิญสุดๆ ไปเลย” เฉินฝานซิงยกมือขึ้นป้องปากอย่างห้ามไปอยู่
“ใช่ บังเอิญอะ! โคตรบังเอิญเลย” อินรุ่ยเจวี๋ยพยักหน้าหงึกหงัก
ถึงอย่างนั้นคำว่า ‘บังเอิญ’ ที่ว่อนไปมาตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนี้ ก็ทำเอาหน้าของป๋อจิ่งชวนที่ยืนอยู่ด้านข้างเย็นสนิท
นี่เขาพาเธอออกมาเจอเพื่อนเขานะ!
ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเธอดูสนิทชิดเชื้อกับเพื่อนเขามากกว่าเขาล่ะ!
เขายังไม่ทันแนะนำให้รู้เลยด้วยซ้ำ!
“แล้วใครนะ…ชิงจือล่ะ ตอนนี้พวกเธอยังติดต่อกันอยู่รึเปล่า”
เฉินฝานซิงพยักหน้า “ติดต่อสิ”
อินรุ่ยเจวี๋ยส่ายหน้า “เธอคงจะไม่รู้ล่ะสิ ตอนที่เธอตกน้ำไปตอนนั้น ชิงจือใจหายแทบแย่ ทั้งหน้าซีด ร้องไห้จนเสียงแหบ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันยังไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
เฉินฝานซิงรู้สึกปลื้มใจ “ฉันละโชคดีจริงๆ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยค่ะ”
“พวกเธอสองคนก็พอๆ กันนั่นแหละ เจ้าอารมณ์แบบนั้น คงจะมีเพื่อนที่จริงใจไม่กี่คน”
“ชิงจือเป็นคนดีสุดๆ…”
ทั้งคู่คุยกันชนิดที่เรียกได้ว่า ‘ออกรสออกชาติ’ ทว่าอีกคนกลับเย็นเยียบราวกับฤดูหนาวในเดือนสิบสอง
“พวกคุณ…รู้จักกัน?” เสียงทุ้มของป๋อจิ่งชวนเยือกเย็นราวกับถูกห่อหุ้มไว้ด้วยน้ำแข็งดังขึ้นมาอย่างเบาหวิวจากทางด้านข้าง
อินรุ่ยเจวี๋ยเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเข้ากับคลื่นความเหน็บหนาวที่เกิดขึ้นในดวงตาของป๋อจิ่งชวน เขาจึงกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงงงวย
นี่เขาไปแหย่พี่ป๋อตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
เฉินฝานซิงพยักหน้าอย่างเรียบเฉย “คุณชายอินคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้ค่ะ”