ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 337 มือถือสาก ปากถือศีล / ตอนที่ 338 ไร้ปรานี
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 337 มือถือสาก ปากถือศีล / ตอนที่ 338 ไร้ปรานี
ตอนที่ 337 มือถือสาก ปากถือศีล
สามคำความหมายลึกซึ้งที่ป๋อจิ่งชวนพูดออกมาอย่างเรียบง่าย ทำให้เฉินฝานซิงใบหน้าซีดขาวไปชั่วขณะ ขาวจนเห็นได้ชัดเจน
ขณะนั้นเอง เธอยกยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา
เธอรู้อยู่แล้ว…
ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ถือสาเรื่องพวกนี้
ทว่า ป๋อจิ่งชวนกลับยกมือขึ้นมือเช็ดน้ำตาให้เธอ “ผมให้โอกาสคุณ ให้คุณคิดบัญชีกับเขาด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้น ส่งเขากลับมาให้ผม”
แววตาเฉินฝานซิงสั่นเทา ลืมตาขึ้นมาจ้องไปที่เขาด้วยความตกตะลึง
ป๋อจิ่ชงชวนก้มหน้าลงไปจูบลงบนหยาดน้ำตาที่ติดอยู่ที่หางตาของเธอ ก่อนจะพูดเบาๆ
“เพราะผู้ชายที่อยู่ข้างกายของคุณคือผม เพราะงั้นคุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เกียรติยศทุกอย่าง ผมให้คุณได้ทั้งหมด”
เฉินฝานซิงขอบตาแดงก่ำ ภายในเต็มไปด้วยความซาบซึ้งประทับใจ
“คุณว่า…ถ้าคุณไปจากฉันแล้วจะทำไงดี”
สายตาลึกล้ำของป๋อจิ่งชวนหรี่ลง น้ำเสียงแข็งกร้าวฟังดูอันตราย “คุณยังคิดจะจากผมไปอีกเหรอ”
เฉินฝานซิงส่ายหน้า “ถ้าหากว่ามีเรื่องจำเป็น…”
“คุณ!”
ป๋อจิ่งชวนรู้สึกราวกับกำลังจะสติแตก เธอมีความสามารถทำให้เขาโกรธได้ทุกเมื่อจริงๆ
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาบริเวณประตูห้อง เฉินฝานซิงชะงักไป
ทั้งสองคนสบตากันปราดหนึ่ง เฉินฝานซิงรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วปิดไฟ
ด้านนอกประตูมีเสียงแตะบัตรดังขึ้น จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก และปิดกลับไปอีกครั้ง
เขากำลังค่อยๆ คลำทางไปยังปลายเตียงทีละนิดกลางความมืด ระหว่างนั้น เฉินฝานซิงก็ล็อกข้อมือของชายหนุ่มเอาไว้ เขาตกใจจนหายใจหอบ จากนั้นก็มีเสียง กรอบแกรบ ดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงร้องด้วยความทรมานดังตามมาติดๆ เฉินฝานซิงกดหัวเขาไว้กับเตียง ใช้เข่าออกแรงดันที่เอวของเขาเอาไว้ เพื่อหยุดการกรีดร้องและขัดขืนของเขา
“อู้อี้…อู้อี้อู้อี้…”
เสียงครวญครางของชายหนุ่มกลายเป็นเสียงพูดอู้อี้แทน เขาพยายามจะสะบัดให้หลุด แต่กระดูกหัวเข่าของเฉินฝานซิงกดทับที่เอวของเขาเอาไว้ทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้
มือที่ถูกเธอล็อกไว้ก็ดึงหนีไปไม่ได้ มืออีกข้างที่สะบัดออกไปก็ถูกเธอจับไว้ด้วยเช่นกัน ก่อนจะมีเสียง กรอบแกรบ อีกครั้ง มือทั้งสองข้างถูกบิดมารวมกัน
“อู้…อู้อี้…อู้อี้อู้อี้…”
ชายหนุ่มปวดไปทั้งตัว หลังจากที่พยายามทั้งส่งเสียงร้องทั้งดิ้นขัดขืนแต่ไม่เป็นผล พละกำลังทั้งหมดถูกใช้จนไม่เหลือแล้วเขาก็นอนหอบอยู่บนเตียง
เพื่อเอาชีวิตรอด เพื่อไม่ให้ถูกรังแกต่ออีก เพื่อที่จะปกป้องตัวเองให้ได้ ความทุ่มเททั้งหมด ความเจ็บปวดและขมขื่นทั้งหมด เธอพร้อมจะยอมรับมันด้วยความสุขใจ
เธอไม่ใช่คนที่ไร้เรี่ยวแรงเหมือนในตอนนั้นอีกแล้ว ไม่ใช่เฉินฝานซิงในวัยยี่สิบหมาดๆ ที่อ่อนแอไม่สู้คน
หลังจากที่ชายหนุ่มขัดขืนจนแทบจะไม่เหลือแรงอยู่แล้ว เฉินฝานซิงก็ค่อยๆ คลายมือที่กดกะโหลกของเขาเอาไว้ ชายหนุ่มสูดอากาศหายใจได้มากขึ้น จึงรีบพูดขึ้นมาทันที “แกเป็นใคร”
เฉินฝานซิงหยิบผ้าปูเตียงที่ถูกฉีกเป็นเส้นๆ ที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาพันคอ ไหล่ แขน ข้อมือของชายหนุ่มด้วยสีหน้าเย็นชา
ระหว่างที่พันรอบแขนทั้งสองข้างที่ถูกหักไปก่อนหน้านี้แล้ว เธอจงใจออกแรงหนักกว่าเดิม
“โอ๊ย…เจ็บ เจ็บ เจ็บ แกเป็นใคร แกเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงต้องทำร้ายฉันแบบนี้”
เฉินฝานซิงโยนชายหุ่นมลงบนพื้น จากนั้นก็เปิดไฟในห้อง ดวงตาคู่นั้นของชายหนุ่มถูกแสงแทงตาจึงทำให้หลับตาปี๋โดยอัตโนมัติ
“เฉินหยินเซิน”
สามพยางค์ที่เย็นชาดังขึ้นอย่างไม่มีอาการตื่นตกใจ ทว่ากลับฟังดูเหมือนเสียงที่มาจากนรก เลือดเย็นอำมหิต
ชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“คุณคือ…คือเฉินฝานซิง…”
ชายหนุ่มไม่ได้สูงมาก และไม่ได้ท้วมมาก ใส่แว่นตาขอบเงิน ท่าทางยังคงดูสุภาพเรียบร้อยเหมือนตอนนั้น
เขาที่ดูเป็นแบบนี้ ใช้รูปลักษณ์นี้หลอกลวงทุกคน
ความจริงแล้ว เขาก็เป็นแค่คนที่มือถือสาก ปากถือศีลดีๆ นี่เอง!
ตอนที่ 338 ไร้ปรานี
เฉินฝานซิงค่อยๆ หันมองเขาที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้ ความงามสง่าและละมุนละไมของชุดราตรีที่สวมอยู่ไม่อาจบดบังรังสีอำหิตที่แผ่ขยายความเย็นยะเยือกจนเข้ากระดูกของเธอไปได้แม้แต่น้อย
“ในไม่กี่ปีนี้ นายยอมให้ฉันหาตัวได้ง่ายจริงๆ”
“เธอ…เธอจะทำอะไร!”
นับตั้งแต่สามปีก่อนที่เธอกลับมาจากต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยลดละที่จะตามหาเขาเลย ทั้งยุ่งอยู่กับซิงเฉินกั๋วจี้และสกุลซู ทั้งยังตามสืบเรื่องนี้จากคนอื่นๆ
ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยได้รับข่าวคราวของเขาเลย
ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งสืบพบว่าเขาได้ไปปรากฏตัวที่คาสิโนต่างประเทศ แต่กลับจับตัวเอาไว้ไม่ได้!
หากไม่ใช่เพราะเธอซ้อนแผนยอมเล่นไปตามเกมที่เฉินเชียนโหรววางไว้ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะได้เจอเขาสักครั้ง
“ฉันจะทำอะไร?” เธอแค่นหัวเราะเย็นออกมาด้วยความหดหู่ แล้วยกมือขึ้นเอื้อมหยิบขวดเหล้าบนตู้ข้างๆ เพล้ง! ก่อนที่มันจะถูกทำให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นทั้งห้องพลันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์
ก่อนจะได้เห็นว่าเธอกำลังถือขวดที่มีปลายแหลมคม เดินประชิดเข้าหาเฉินหยินเซินอีกสองก้าว
รังสีอาฆาตทำเฉินหยินเซินขวัญเสียจนหน้าถอดสี แต่ชั่วอึดใจหนึ่งเขาก็ได้ผุดยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “อย่าทำวางท่าไปหน่อยเลยน่า ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอน่ะเหรอจะกล้าทำเรื่องอะไร”
สิ้นคำนั้น สองมือของเฉินฝานซิงก็กระชับขวดเหล้าไว้มั่น เธอยกมันขึ้นสูง แล้วแทงลงมาอย่างแรง ฝังมันลงไปบนไหล่ของเขาอย่างไร้ปรานี!
“อ๊ากกก”
เฉินหยินเซินกรีดร้องเสียงแหลม ก่อนจะโดนเฉินฝานซิงอุดปากเขาด้วยเท้าหนักๆ จนต้องลงไปส่งเสียงอู้อี้อยู่บนพื้น
“ไม่มีอะไรที่ฉันไม่กล้า เฉินหยินเซิน นายคิดว่าเรื่องที่ทำไว้กับฉันในตอนนั้น ฉันจะยอมปล่อยนายไปง่ายๆ?! วันนี้ต่อให้ฉันต้องฆ่านาย ก็ไม่ทำให้ฉันหายแค้นใจหรอก!”
“แกกล้าดียังไง! กล้าดียังไง!”
“ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้”
จู่ๆ เสียงหนึ่งที่เย็นเยียบก็เปล่งขึ้นด้านหลังของเขา
เขาแข็งทื่อไปทั้งตัว ก่อนจะหันกลับไปมองยังต้นเสียง
ริมหน้าต่างปรากฏให้เห็นร่างร่างหนึ่งที่อยู่ในชุดสูทสีดำเรียบกริบ ความหล่อเหล่าของเขาเหนือกว่าผู้คนมากมาย นัยน์ตาดำขลับสุดลึกล้ำดั่งบึงลึกที่หนาวเหน็บทอดตรงมายังเขาไม่วางตา รัศมีความสูงศักดิ์จากร่างกายแผ่ขยายแรงกดดันออกมาจนทำเอาคนที่เห็นไม่กล้าหาเรื่อง
“แก…แกเป็นใคร!”
ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลงมองเขาอย่างเยือกเย็น ร่างกายเขาปกคลุมไปด้วยรังสีอำมหิตที่ทำให้ใครต่างก็ขวัญหนีดีฝ่อ
ความกระหายเลือดนั้นแม้แต่เฉินฝานซิงเองยังหวาดหวั่น
“ตามสบายเลย ถ้าตายเดี๋ยวผมจัดการเอง”
ป๋อจิ่งชวนเอ่ยเสียงเรียบ แม้สายตาคู่นั้นจะวางอยู่ที่เฉินหยินเซิน ทว่าคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นฟังก็รู้ว่ากำลังพูดอยู่กับเฉินฝานซิง
เฉินหยินเซินผวาจนหน้าซีดเซียว ราวกับตอนนี้วิญญาณของเขาได้หลุดออกจากร่างไปแล้วเรียบร้อย เขาพาร่างที่สั่นเป็นเจ้าเข้าหนีไปซุกอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง
สุดท้ายแม้จะไม่รู้ว่าชายคนนี้คือใครกันแน่ แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่มีเวลามามัวใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่นาทีเดียว
เฉินฝานซิงค่อยได้สติกลับมาอีกครั้ง เธอแสยะมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วย่อตัวลงกับพื้น ขวดเหล้าตรงหน้าชายหนุ่มสะท้อนแสงแวววับ ก่อนที่ส่วนแหลมคมของมันจะจรดลงบนหน้าผากของเขา เธอออกแรงกดมันอีกเล็กน้อยเพื่อให้มันค่อยๆ ฝังลงไปในผิวหนัง ทันใดนั้นเลือดสดๆ ก็ไหลอาบลงมาตามกรอบหน้าทั้งสองข้างของเขาภายในชั่วพริบตา
“อย่า…อย่าฆ่าฉัน…เธอจะให้ฉันทำยังไง…ถะ…ถึงจะปล่อยฉันไป ฉันไหว้ล่ะ…ขอร้องเถอะ…อย่าวู่วาม…”
ราวกับเธอไม่ได้ยินคำขอนั้น เธอกรีดซ้ำลงไปอีกหลายครั้งด้วยความคั่งแค้นก่อนจะผละตัวลุกขึ้นยืนท่ามกลางเสียงร้องวิงวอน
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกดอัดเสียง จากนั้นจึงโยนมันลงไปข้างเตียง
“พูดออกมา ว่าในงานแข่งเปียโนเมื่อหกปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“นี่มัน…มะ…ไม่มี…อ้า!”
สีหน้าเขาเหยเกอีกครั้ง เมื่อแค่คิดจะปฏิเสธ ไหล่อีกด้านหนึ่งของเขาก็ถูกคมแก้วเสียบลงมาอย่างไม่ออมแรง
สองมือของเฉินฝานซิงกระชับแน่นอย่างเห็นได้ชัด มันรุนแรงราวกับเธอได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมี
ในปีนั้นเธอทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวัง แต่ในตอนนี้มันกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นความเกรี้ยวโกรธจนแทบขาดสติ
“จะพูดไม่พูด!”
“ฉันพูดแล้วๆ!”