ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 57 ผู้หญิงของผมไม่จำเป็นต้องแสนดีขนาดนั้น (4)
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 57 ผู้หญิงของผมไม่จำเป็นต้องแสนดีขนาดนั้น (4)
เฉินฝานซิงรู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบหันไปคว้ามือเขาเอาไว้
“คุณอย่ายุ่งกับเรื่องนี้เลย เรื่องระหว่างฉันกับเฉินเชียนโหรวคงไม่จบแค่นี้แน่ ฉันจะหาทางจัดการเอง”
เขาหันกลับมามองเธออย่างลึกซึ้ง ครู่ใหญ่กว่าที่เสียงทุ้มต่ำจะค่อยๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ
“ได้ คุณจะจัดการเองก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่าผมจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง คุณอยากจะทำอะไรก็ทำไปและหากเกิดอะไรขึ้นผมจะปกป้องคุณเอง”
เธอกระตุกมุมปากขึ้นหันมองเขาแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ทำอะไรก็ทำ? แล้วถ้าเกิดคุณได้เห็นว่าฉันไม่ได้แสนดีอย่างที่คุณคิดไว้ล่ะ”
ป๋อจิ่งชวนก็ยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นและโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอ นัยน์ตาสีดำดังธารลึกประกายแสงขึ้นเป็นระลอก
ตามมาด้วยน้ำเสียงสุขุมลุ่มลึก
“ผู้หญิงของผม ไม่จำเป็นต้องแสนดีขนาดนั้น”
ดวงตาเธอเปล่งประกาย
ไม่จำเป็นต้องแสนดีขนาดนั้น…
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเรื่องอะไรซูเหิงจะต้องมาก่อนเสมอ บางเรื่องที่ทนได้เธอต้องทนเพราะกลัวว่าความวู่วามของเธอจะทำให้ซูเหิงเดือดร้อนโดยใช่เหตุ
เธอระวังถึงขนาดนั้นแต่สุดท้ายกลับหนีไม่พ้นการถูกหักหลัง
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งเธอกลับไม่เคยรู้สึกว่าถูกปกป้องจากซูเหิงเลย
แต่ในตอนนี้ ผู้ชายคนนี้…
เกิดอะไรขึ้นเขาเป็นคนจะปกป้อง…
ไม่ต้องแสนดีขนาดนั้น…
และมักจะชี้ชะตาเธอได้อย่างแม่นยำ!
ขณะนั้นจู่ๆ เสียงประตูได้ดังขึ้น ทำลายระลอกคลื่นที่เอ่อล้นขึ้นในหัวใจของเฉินฝานซิง
เธอดึงตัวเองกลับมา ปล่อยมือจากป๋อจิ่งชวนแล้วยกมือเกี่ยวเส้นผมอย่างเคยตัว
“ฉันจะไปเปิดประตู”
ป๋อจิ่งชวนตามหลังเธอมาในเวลาไม่นาน
ประตูห้องเปิดออก กลิ่นฉุนร้อนแรงพุ่งเข้ามาอย่างจัง
เธอขมวดคิ้วขึ้นทันควัน เหลือบมองคนตรงหน้าประตูอย่างตะลึงงัน
“ผู้ช่วยอวี๋…คุณ…ทำไมถึงร้องไห้จนกลายเป็นแบบนี้!”
ดวงตาคู่นั้นของอวี๋ซงแดงก่ำ แถมยังเห็นได้ถึงอาการบวมเป่ง มีน้ำตาไหลออกมาทุกครั้งที่เขากะพริบตา น้ำตาหยดแหมะลงบนพื้นเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย
ว่ากันว่าผู้หญิงถูกสร้างมาจากน้ำ แต่นาทีนี้เฉินฝานซิงกลับรู้สึกว่าอวี๋ซงเองก็สร้างมาจากน้ำเช่นกัน
ในใจอวี๋ซงเองก็ลำบากใจ หลายปีมานี้ไม่เคยได้รับภารกิจที่ประหลาดขนาดนี้
“ขอบคุณคุณหนูเฉินที่เป็นห่วง ผมก็แค่…ไปสับหอมใหญ่มาสิบห้ากิโลแค่นั้นเอง”
“แล้วทำไมจู่ๆ คุณถึงได้ไปสับหอมใหญ่!”
เฉินฝานซิงประหลาดใจ หรือว่าอยากกินเค้กหัวหอม
ซื้อเอาก็จบแล้วนี่?
ตั้งสิบห้ากิโล?
“เฮอะๆ …” อวี๋ซงหัวเราะแห้งๆ ออกมาสองครั้ง เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงต้องสับหอมใหญ่!
“คุณรอเดี๋ยว ฉันจะไปหาซักผ้าขนหนูสะอาดๆ มาเช็ดให้” อยู่ๆ ดันมาเจอเรื่องแบบนี้ยังไงก็ต้องช่วยกันสักหน่อย
หลังเธอหลุดคำนั้นออกมา เสียงเย็นชาของป๋อจิ่งชวนก็ได้ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เอาล่ะ ช่วงพักเที่ยงกำลังจะหมดแล้ว คุณพักผ่อนเถอะ เขา…ไม่เป็นไร”
เสียงในใจของอวี๋ซง : ผมโอเคครับ ผมไม่เป็นไรเล๊ย ตาจะบอดอยู่แล้วเนี่ย!
ไม่รอให้เฉินฝานซิงได้เคลื่อนไหว มือของเขาก็วางลงไปบนเอวของเธอแล้วดันไปอีกทาง จากนั้นร่างสูงสง่าก็ก้าวเดินออกจากห้องไป
“นี่…”
เฉินฝานซิงยังอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่ได้หยุดรอ อวี๋ซงทำเพียงโน้มศีรษะลงให้เธอตามมารยาท ดวงตาแดงก่ำ เดินจากไปทั้งน้ำตานองหน้า
“…”
เธอรู้สึกสับสนขึ้นมา แต่สุดท้าย…ก็ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกตัวเองมากนัก
หลังจากประตูถูกปิดลง ทั้งห้องก็กลับมาตกอยู่ในความเงียบเหงาอีกครั้ง
ความอดทนอันน้อยนิดทำเอาเธอหนาวสั่น
เห็นอยู่ว่าชายคนนั้นเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ทำไมเมื่อเขาไปแล้วทั้งห้องถึงได้ว่างเปล่าอย่างชัดเจนเช่นนี้
เสียงโทรทัศน์ในห้องรับแขกยังคงดังก้อง แต่ได้เปลี่ยนเป็นข่าวอื่นที่ไม่น่าสนใจไปเสียแล้ว
เธอปิดโทรทัศน์ลง ยังไม่ทันได้คลายความหนาวเย็นจากขั้วหัวใจ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น…