ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่455ปล่อยเขาไปตอนที่456เสียจี้อี้ไปคือความเสียหายใหญ่หลวงของบริษัท
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่455ปล่อยเขาไปตอนที่456เสียจี้อี้ไปคือความเสียหายใหญ่หลวงของบริษัท
ตอนที่ 455 ปล่อยเขาไป
“จี้อี้ ฉันเคยบอกเธอไปตั้งนานแล้วใช่ไหม ว่าให้เลิกฝันที่จะได้เป็นนักร้องสักที เธอไม่เหมาะกับการร้องเพลงเลยสักนิด! ฉันยอมรับความสามารถทางด้านดนตรีของเธอนะ แต่แค่กับเครื่องดนตรีเท่านั้น!”
“แน่นอนว่าเธอเป็นแบบแม่ของเธอหรือเหมือนฉันได้ คือคอยเป็นโปรดิวเซอร์อยู่เบื้องหลัง!
จริงอยู่ที่เพลงนี้กำลังดังมาก แต่มันดังเพราะเฉินเชียนโหรวเป็นคนร้อง ไม่ใช่เธอ! หากเป็นเธอ ป่านนี้มันอาจจะไม่ไปได้สวยแบบนี้ก็ได้!
เราสร้างเพลงขึ้นมา ก็ต้องใช้โน้ตดนตรีทุกตัวให้มีคุณค่าสิ!”
จี้อี้ส่ายหน้า “ไม่ พี่ผิดแล้ว! มันไม่ใช่แบบนี้ แม่เคยบอกว่าดนตรีคือสิ่งแทนความรู้สึก คือจิตวิญญาณของคนคนหนึ่ง คือสิ่งที่ทำให้คนมีความสุขและสงบได้ นี่ต่างหากล่ะคุณค่าของมัน!”
หลินสื่อเจียพ่นลมหายใจพลางพยักหน้า “ใช่ เธอพูดถูก ตอนนี้เพลงนี้ทำให้อีกหลายๆ คนได้รู้ว่าจริงๆ แล้วความรักความชอบนำพาความสงบและความสุขมาให้พวกเขา…”
“แต่ฉันไม่มีความสุข!”
เธอกู่ร้องขึ้นทั้งน้ำตา มองหลินสื่อเจียด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง!
“นี่มันเพลงของฉันนะ! รุ่นพี่ พี่ต้องไปบอกให้สื่อรู้ พี่ต้องไปบอกกับคนข้างนอกให้เข้าใจ…”
จี้อี้ว่าพลางก็ตรงเข้าไปลากแขนของหลินสื่อเจียออกไปข้างนอก แต่กลับถูกหลินสื่อเจียสะบัดทิ้งอย่างแรง!
“ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับสื่อได้ยังไง ให้บอกว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นคนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แล้วฉันก็ขโมยมันมาและส่งต่อให้คนอื่นในนามของตัวเอง? จี้อี้ เธอคิดจะฆ่ากันรึไง”
“…”
เมื่อเห็นว่าหลินสื่อเจียไม่มีทีท่าว่าจะยอมโอนอ่อน เธอก็รู้ได้โดยทันทีว่าต่อให้เธอพูดอีกสักแค่ไหนก็ไม่มีวันเปลี่นความคิดเขาได้ เธอรับรู้ได้เพียงความเหน็บหนาวที่แผ่ซ่านไปตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า!
ความผิดหวังอัดแน่นไปทั่วทั้งตัว “หลินสื่อเจีย พี่เป็นเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่ฉันเชื่อใจ…มาวันนี้พี่กลับทำกับฉันแบบนี้?”
ในตอนนั้นหลินสื่อเจียเหลืออดเสียเต็มประดา สิ้นคำพูดของจี้อี้ เสียงหัวเราะเย็นๆ ก็ถูกเค้นออกมา
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมีความสามารถ สนองความหลงตัวเองของแม่เธอได้ เธอจะยอมรับฉันเป็นศิษย์เหรอ มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของกันและกันทั้งนั้นแหละ ทั้งคำพูดทั้งการกระทำดูดี แต่ข้างในล้วนเน่าเฟะ”
จี้อี้เบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“พี่…หลายปีมานี้ พี่มองแม่ฉันแบบนี้มาตลอด?”
หลินสื่อเจียสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เอาละ จี้อี้ ถือเสียว่าช่วยฉันสักครั้ง ปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปแบบนี้แหละโอเคไหม”
จี้อี้ยกมือปาดน้ำตา ดวงตาบวมแดงจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง “มีสิทธิ์อะไร”
“เธอ…” หลินสื่อเจียจ้องเธอหน้าถมึงตึง ก่อนจะหรี่ดวงตาลง
“ในเมื่ออยากดันทุรังจะต่อไป หลังจากนี้หากเกิดอะไรขึ้นมาก็อย่ามาโทษฉัน!”
จี้อี้สูดเอาลมเย็นเข้าสู่ปอด เธอกำหมัดแน่นและโมโหจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม
“หลินสื่อเจีย คิดเสียว่าแม่กับฉันหลงผิดที่ต้องมารู้จักกับคนขี้ขลาดอย่างนาย!”
สิ้นเสียงคำราม เธอก็หมุนตัวเดินจากไป คิ้วของหลินสื่อเจียตีขมวดแน่น เขามองแผ่นหลังของเธอด้วยสายตาชั่วร้าย จนกระทั่งร่างของเธอหายไปจนลับตา เขาถึงได้กัดฟันกรอดและเดินตามออกจากห้องไป!
ดังนั้นสิ่งที่จี้อี้พึ่งพาได้ก็มีเพียงเสียงวิจารณ์บนโซเชียล
แม้ว่าก่อนที่แม่ของเธอจะจากโลกนี้ไปจะมี ‘เพื่อน’ เยอะแยะมากมาย แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วคำว่า ‘เพื่อน’ นี่แหละที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด!
ไม่มีใครจะยอมลดตัวลงมาให้ตัวเองแปดเปื้อนหรอก และยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ใช่แม่ของเธอ
และหลานอวิ้น ก็ไม่มีทางที่จะมาเข้าข้างเธอเด็ดขาด!
แม้กระแสความกดดันจากคำวิจารณ์ของประชาชนไม่ควรประมาท แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้น
คำวิจารณ์ที่ไร้ซึ่งหลักฐานจัดการง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร
หลานอวิ้นออกแถลงการณ์ว่าเรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ถึงที่สุด ใครถูกใครผิดจะต้องให้คำอธิบายแก่ทุกคนได้อย่างแน่นอน!
ตอนที่ 456 เสียจี้อี้ไป คือความเสียหายใหญ่หลวงของบริษัท
หลานอวิ้นออกแถลงการณ์ว่าเรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ถึงที่สุด ใครถูกใครผิดจะต้องให้คำอธิบายแก่ทุกคนได้อย่างแน่นอน!
ทว่าในความเป็นจริง ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของการคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ให้แก่เฉินเชียนโหรวตั้งแต่แรกเริ่ม
คำในแถลงการณ์บนอินเทอร์เน็ต ทุกบรรทัดทุกตัวอักษรล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล้างมลทินและช่วยผดุงความยุติธรรมให้เฉินเชียนโหรวทั้งสิ้น!
ซึ่งเจียงหรงหรงเองก็ได้เรียกพบเอเจนซี่ของจี้อี้เพื่อให้เธอเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการยกเลิกสัญญา!
เอเจนซี่ของจี้อี้นามว่าฉีน่า สาวสวยในวัยสามสิบกว่าๆ ผมสีแดงเข้มตัดสั้นดูกระฉับกระเฉง กระโปรงสีดำแนบต้นขา เสื้อสูทตัวเล็ก บ่งบอกได้ถึงความเชี่ยวชาญในการทำงานของเธอได้เป็นอย่างดี
และแน่นอนว่าเธอเองก็มีสิทธิ์ที่จะออกเสียงและมีอำนาจในหลานอวิ้นเช่นกัน
ศิลปินที่มีในสังกัดตอนนี้ นอกจากจี้อี้ก็ยังมีศิลปินอีกยี่สิบสามคน
ในบริษัทหลานอวิ้นที่ไม่ว่าอะไรๆ ก็โคจรรอบเฉินเชียนโหรวไปเสียหมดแบบนี้ สปอนเซอร์จะต้องผ่านการคัดเลือกจากเฉินเชียนโหรวมาก่อนแล้วจึงจะตกถึงท้องศิลปินคนอื่นๆ ในบริษัท การจะดึงเอาศิลปินอันดับที่สองและสามขึ้นมาได้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก
เมื่อได้ยินว่าเจียงหรงหรงเตรียมจะฉีกสัญญาของจี้อี้ เธอก็แทบจะขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที!
“ประธานเจียง แถลงการณ์เพิ่งจะถูกปล่อยออกไปเองนะ ยังไม่ได้รับการตรวจสอบให้ชัดเจนแท้ๆ ก็คิดจะถอนสัญญากับจี้อี้แล้ว แบบนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
เจียงหรงหรงจ้องเธออย่างเยือกเย็น “แล้วยังไง เธอคิดว่าเรื่องนี้ควรจะสืบสาวยังไง เชียนโหรวขโมยเพลงของจี้อี้? ขโมยยังไง หลายปีมานี้ จี้อี้เคยทำประโยชน์อะไรให้บริษัทบ้าง
ฉันไม่เรียกร้องค่าเสียหายที่เธอทำลายชื่อเสียงบริษัทก็บุญแค่ไหนแล้ว! หรือต้องให้ฉันทอดทิ้งเฉินเชียนโหรวเพราะเนื้อร้ายก้อนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นหัวบริษัทเลยงั้นเหรอ”
ฉีน่ายิ้มเยาะในใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“จะกลัวก็แต่ คุณจะเห็นศิลปินทุกคนในบริษัทที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเฉินเชียนโหรวเป็นเนื้อร้ายก้อนหนึ่งในสายตาคุณไปเสียหมด!”
เจียงหรงหรงตวัดมองอย่างเอาเรื่อง!
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ประธานเจียง ถึงยังไงคุณก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าฉันหลายปี มาคิดๆ ดูแล้วคุณน่าจะมองคนได้ละเอียดอ่อนกว่าฉันนะ! ฉันยอมรับว่าเฉินเชียนโหรวมีความสามารถ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเหนือกว่าเธอไม่ได้!”
“จี้อี้เป็นนักร้องที่มีความสามารถ ทั้งยังมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี เพียงแค่ถูกผู้เป็นแม่กดขี่มาตั้งแต่เด็กๆ เลยมีความกดดันที่ต่างจากคนทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง ฉันเชื่อว่าหากได้รับโอกาสและจุดเปลี่ยน อนาคตของเธอจะไปได้สวยชนิดที่ใครก็ไม่คาดฝัน! หากเตะจี้อี้ออกไปโดยไม่แยกแยะแบบนี้ หลานอวิ้นก็คงจะสูญเสียคนมีความสามารถไปคนหนึ่ง!”
เจียงหรงหรงกลับเค้นขำเสียงเย็น “ความกดดันของเธอต่างจากคนทั่วไป เค้นเธอมาตั้งหลายปีก็ไม่เห็นจะมีอะไรพัฒนา! ฉันยังจะต้องรออีกกี่ปีกว่าที่ไอ้คำว่าจุดเปลี่ยนที่เธอพร่ำเพ้ออยู่นั่นจะกลายเป็นจริงสักที”
“แต่จุดเปลี่ยนของเฉินเชียนโหรวมีให้เห็นๆ อยู่ตรงหน้า ถ้าให้เธอเลือก เธอจะเลือกอะไร”
“ฉันเลือกความจริง!”
ฉีน่าลุกพรวดขึ้นจากโซฟา เธอทำสีหน้าไม่แยแสราวกับมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณเชื่อแค่กับหลานสาวสุดรักสุดหวงของคุณเท่านั้น! ฉันก็นึกว่าคุณน่าจะเข้าใจกว่าใครๆ ว่าการบริหารบริษัทบริษัทหนึ่งควรทำยังไง! บริษัทต้องสูญเสียศิลปินที่มีอนาคตไปแล้วกี่คนเพียงเพื่อเฉินเชียนโหรวแค่คนเดียว ยอมเสียป่าทั้งผืน เพียงเพื่อต้นไม้แค่ต้นเดียวของหลานอวิ้น! สุดท้ายนี้ฉันขอเตือนเอาไว้อย่างนะ เขี่ยจี้อี้ทิ้ง คือความเสียหายใหญ่หลวงของบริษัท! เรื่องนี้ควรจะแก้ไขยังไงก็สุดแต่คุณจะบัญชา!”
ฉีน่าว่าจบก็เดินออกจากห้องทำงานไป ทิ้งไว้เพียงเจียงหรงหรงที่นั่งอยู่ในห้องอันเงียบสงัดด้วยสีหน้าเย็นชา