ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่601ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดตอนที่602ผมจะช่วยคุณตามหา
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่601ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดตอนที่602ผมจะช่วยคุณตามหา
ตอนที่ 601 ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุด
“เวลาขอแต่งงานคนอื่นเขาชอบพูดว่า ผมจะดีกับคุณ จะรักและดูแลคุณไปจนชั่วชีวิต ทำไมคุณไม่เห็นมีแบบนั้นบ้างเลย”
ป๋อจิ่งชวนกระตุกยิ้มจางๆ ภายในดวงตาสีหมึกทอแสงแห่งความอ่อนโยน “ของพวกนั้นไม่จำเป็นต้องพูดหรอก ผมชอบพิสูจน์ทุกอย่างด้วยการกระทำมากกว่า”
เฉินฝานซิงรู้ดี เธอเพิ่งจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
“แต่ถ้าคุณอยากฟัง ผมก็พูดได้”
เฉินฝานซิงส่ายหน้า คิ้วเรียวแฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไร ขอแค่เราไปกันได้ดีก็พอแล้ว ฉันเชื่อทุกคำที่คุณเคยพูดมาก่อนหน้านี้ และเชื่อในทุกการกระทำที่คุณจะทำต่อจากนี้ด้วย ป๋อจิ่งชวน ฉันจะแต่งงานกับคุณค่ะ จะแต่งกับคุณแน่นอน หากไม่แต่งกับคุณ ฉันก็คงเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุดในโลก”
ป๋อจิ่งชวนขำเสียงทุ้ม พลางโน้มตัวลงสัมผัสกับหน้าผากของเธอ
“อืม คุณคือผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในโลกนี้เลย”
หลังจากผละออกจากเธอ ป๋อจิ่งชวนก็ยกมือขึ้นหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงอันหนึ่งขึ้นมาจากท่ามกลางกลุ่มดอกยิบโซ
แหวนเพชรด้านในทั้งดูงดงามละเอียดอ่อนและโดดเด่น รอบนอกของใจกลางดวงดาวที่ประกายแสงระยับถูกโอบล้อมด้วยเพชรเม็ดวาวแปดชิ้น
ป๋อจิ่งชวนเงยหน้ามองเฉินฝานซิง พร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปใต้ผ้าห่มที่ห่อหุ้มเธอเอาไว้อย่างมิดชิด แล้วล้วงมือเธอออกมาจากใต้ผ้าห่ม
จากนั้นจึงค่อยๆ สวมมันลงไปบนนิ้วนางของเธอ
แหวนวงนั้นงดงามเพียงพอที่จะเรียกให้ป๋อจิ่งชวนโน้มลงไปจูบมันหนึ่งครั้ง
“ไว้ให้คุณหายยุ่งจากการแข่งขันปรุงน้ำหอมแล้ว เราจะหมั้นกัน”
เฉินฝานซิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ”
เธอมองไปยังแหวนบนนิ้ว จู่ๆ เฉินฝานซิงก็ระบายยิ้มขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นสภาพของตัวเองที่ถูกห่อเอาไว้ไม่ต่างอะไรกับทารก เธอก็อดขำออกมาไม่ได้
“ทำไมฉันถึงได้ถูกขอแต่งงานได้แหวกแนวขนาดนี้นะ”
ป๋อจิ่งชวนขำพลางหยัดลุกยืนขึ้น “แบบนี้ถึงจะทำให้คุณลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต”
“แต่มันไม่ได้สวยงามเลยสักนิด” เมื่อมองไปยังกุหลาบทั่วห้อง เฉินฝานซิงแค่รู้สึกออกมาเช่นนั้น
“เด็กดี เมื่อถึงวันแต่งงานผมจะจัดมันให้สวยที่สุดในโลกเพื่อคุณ”
เฉินฝานซิงมองไปยังเขาด้วยความตื้นตัน “ฉันก็แค่พูดเล่นไปงั้นเอง”
“แต่ผมไม่ได้ฟังเล่นๆ”
ป๋อจิ่งชวนกดท้ายทอยของเธอ พร้อมก้มลงไปจุมพิตลงบนริมฝีปากสีแดงสุกปลั่ง
เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นตอบรับจูบอันเบาบางบนริมฝีปากอย่างเอาใจ รสชาติที่ติดใจทำให้ป๋อจิ่งชวนลอดผ่านโพรงปากเข้าไปเกี่ยวพันกับปลายลิ้นของเธออย่างไม่อาจหักห้ามใจ
ทั้งๆ ที่เป็นจูบอันอ่อนโยน ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับเห็นหยาดน้ำตาที่ปริ่มอยู่ตรงหางตาของเธอได้อย่างชัดเจน
เขาหยุดจูบเธอ นิ้วเรียวยาวปาดลงบนหยาดน้ำตาร้อนผ่าวของเธอ พลางจ้องเธอเขม็ง
“ทำไม” ป๋อจิ่งชวนเอ่ยเสียงแผ่ว
ทำไมถึงมีน้ำตา
สีหน้าของเธอบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า กำลังเสียใจ เสียดาย และกำลังหวนนึกถึงความหลัง
อดีตของเธอ ยังมีอะไรให้น่าอาลัยอาวรณ์อีกงั้นเหรอ?
เฉินฝานซิงซุกหน้าลงตรงแอ่งไหล่ของเขาหวังจะอำพรางหยาดน้ำตาของตัวเองเอาไว้
“ฉันอยากให้คุณแม่ได้มาเห็นกับตาตัวเองจริงๆ ว่าตอนนี้ฉันมีความสุขแค่ไหน บนโลกใบนี้นอกจากชิงจือแล้ว ฉันคิดว่าก็คงมีแค่คุณแม่เท่านั้นที่จะดีใจกับฉันจากใจจริง…แต่หลายปีมานี้ที่ฉันตามหาท่าน…การไร้ข่าวคราวของท่าน มันคอยกัดกร่อนความหวังของฉันไปทีละน้อย…”
ยามที่คนเราเศร้าถึงขีดสุดหรือมีความสุขถึงขีดสุด สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือคนที่ใกล้ชิดที่สุดในโลก
แต่สำหรับเฉินฝานซิงแล้วคำว่า ‘แม่’ คำนี้ เธอกลับไม่เคยกล้าที่จะคิดถึงพร่ำเพรื่อ
จะเป็นจะตายอย่างไร ทุกครั้งเธอก็มักจะหาข้ออ้างต่างๆ นานามาพูดเข้าข้างตัวเองว่าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่
ถึงขั้นที่เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังหลอกตัวเอง
หากว่าแม่ของเธอนั้นยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เช่นนั้นทำไมตลอดหลายปีมานี้ ผู้เป็นแม่ถึงไม่เคยคิดจะตามหาเธอเลย
ตอนที่ 602 ผมจะช่วยคุณตามหา
หากว่าแม่ของเธอนั้นยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เช่นนั้นทำไมตลอดหลายปีมานี้ ผู้เป็นแม่ถึงไม่เคยคิดจะตามหาเธอเลย
เพียงแค่เหตุผลหนึ่งเดียวนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะลบล้างทุกข้ออ้างที่เธอเคยมีมาก่อนหน้า
เมื่อคิดว่าผู้เป็นแม่อาจจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว หัวใจของเธอก็พลันพาลทำให้ลมหายใจติดขัดจนเจ็บปวด
ป๋อจิ่งชวนไม่เคยเห็นเฉินฝานซิงเป็นอย่างเช่นในตอนนี้มาก่อน
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาบังเอิญได้พบกับเธอในตอนนั้น เขาก็ไม่เคยได้เห็นสักครั้ง
ไร้ที่พึ่งราวกับเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้ง
ป๋อจิ่งชวนเม้มปาก ความสงสารพลันผุดขึ้นตรงหว่างคิ้วของเขา
“ไม่ร้องนะ” เสียงทุ้มเจือไปด้วยความเห็นใจ
มือที่เห็นข้อต่อชัดเจนประคองใบหน้าเธอไว้เบาๆ ก่อนจะจูบซับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมานอกกรอบตา
เฉินฝานซิงกัดริมฝีปากแน่นพลางส่ายหน้า
เธอรู้ว่าน้ำตาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร!
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่ความแข็งกร้าวเหมือนดังวันวานจะกลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
ป๋อจิ่งชวนดูออกว่าเธอกำลังสะกดกลั้น เขาโน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ
ผ้าห่มที่ห่อหุ้มเธอเอาไว้เริ่มคลายตัวจนลื่นหลุดออกจากไหล่ข้างหนึ่งจนเผยให้เห็นไหล่มน บนผิวขาวเนียนละเอียดดุจหิมะถูกแต้มไปด้วยตำหนิสีแดงประปราย
เมื่อน้ำตาถูกจับคู่กับท่าทางที่ดูอ่อนแรงเช่นนั้น สภาพของเธอก็ไม่ต่างอะไรกันกับคนที่เพิ่งจะถูกกระทำย่ำยีมาอย่างไร้ความปรานี
ป๋อจิ่งชวนจูบซับน้ำตาเธออีกครั้งพร้อมเอ่ยปลอบเธอด้วยเสียงอ่อนโยน “อย่าร้องไห้ไปเลย ผมจะช่วยคุณตามหาเอง”
เฉินฝานซิงเปิดเปลือกตาขึ้นมองเขา เป็นเวลาเดียวกันกับที่น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากกรอบตาของเธอพอดี หยาดน้ำต้องแสงไฟจนส่องประกายระยับ
“คุณจะช่วยฉันตามหา?”
มือที่วางอยู่ตรงหน้าของป๋อจิ่งชวนขยับเล็กน้อยเพื่อรับน้ำตาหยดนั้นให้ตกลงกลางฝ่ามือ
สัมผัสอุ่นร้อนค่อยๆ จางหายไปในฝ่ามือ
“อืม ผมจะช่วยคุณหาแม่ของคุณ”
“แต่ที่ฉันหามาตลอดหลายปีมานี้ ข่าวคราวสักนิดเดียวก็ไม่มี”
หว่างคิ้วของเฉินฝานซิงถูกฉาบไปด้วยความหดหู่จางๆ
ป๋อจิ่งชวนเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอ เสียงนุ่มเอ่ยปลอบเธอ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
เฉินฝานซิงจ้องมองเขาไม่วางตา หลังจากที่ผ่านไปแล้วเนิ่นนานเธอจึงค่อยๆ พยักหน้ารับ
ราวกับว่าเรื่องราวในใจตลอดหลายปีมานี้ถูกแบ่งเบาลง เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าจนชุ่มปอด จู่ๆ เธอก็พลันรู้สึกปล่อยวางลงไปไม่น้อยเลย
เมื่อปล่อยวางลง สิ่งที่ตามมาติดๆ นั่นก็คือความอ่อนล้า
ป๋อจิ่งชวนอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินเข้าห้องไป
เขาดึงผ้าห่มบนร่างของเฉินฝานซิงโยนไปอีกทาง เมื่อเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของเฉินฝานซิงกำลังดึงผ้านวมขึ้นพลางมุดตัวเข้าไปใต้ผ้านวมด้วยความรีบร้อน
ป๋อจิ่งชวนก็เผยยิ้มขึ้น ทว่าสายตาเขากลับเหลือบมองไปยังจุดที่สะดุดตามากที่สุดบนอกขาวดุจหิมะของเธอ
หลังจากที่ก้าวขึ้นเตียง แขนยาวก็ยื่นไปคว้าเอาเฉินฝานซิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะก้มลงไปจดจ้องอยู่กับตำหนิสีชมพูอันซับซ้อนวกวนตรงหน้าอกของเธอ
หลังจากที่ยื่นมือไปลูบมันแล้ว เสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น “นี่รอยสัก?”
เฉินฝานซิงก้มหน้าลงดูตรงอกขวาวูบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ “อื้ม มีตั้งแต่ตอนฉันยังเด็กมากๆ แล้ว”
ป๋อจิ่งชวนย่นคิ้ว “ตั้งแต่ยังเด็กมากๆ? มีความหมายเป็นที่ระลึกหรือพิธีกรรมอะไรพวกนั้นเหรอ”
“ก็คงจะอย่างนั้น คุณแม่ยังบอกฉันว่า ต่อไปลูกสาวของฉัน ก็ต้องสักเหมือนกัน…ฉันไม่ชอบเลย ดังนั้นฉันจึงอยากจะมีลูกชาย…”
“ดีทั้งนั้น” นัยน์ตาดำขลับของป๋อจิ่งชวนประกายความคิด ก่อนจะกระชับกอดคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเล็กน้อย
“นอน”
“ค่ะ”
คืนนี้เฉินฝานซิงเหนื่อยแล้วจริงๆ เธอถูกป๋อจิ่งชวนกระทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างไร้ความปรานี เธอปาดน้ำตาอีกสองหยดก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
……………………
เฉินฝานซิงถูกปลุกด้วยเสียงน่ารำคาญของโทรศัพท์ตั้งแต่เช้าตรู่ เธอคลำหามือถือด้วยความงัวเงียก่อนจะปัดลงไปบนปุ่มกดรับ
“อืม” คำพูดเอื่อยๆ คำหนึ่งแฝงไปด้วยความแหบพร่าของคนที่ยังไม่ตื่นดี
“นังเด็กนรก! ทำให้งานหมั้นของเชียนโหรวกับซูเหิงเป็นแบบนั้น แถมยังทำให้เชียนโหรวกระอักเลือดจนต้องเข้าโรงบาล แกยังมีกะจิตกะใจจะนอนอยู่อีกงั้นเหรอ?”