ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่667ชื่ออะไรตอนที่668ทำไมเธอถึงได้ล้มเหลวขนาดนี้
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่667ชื่ออะไรตอนที่668ทำไมเธอถึงได้ล้มเหลวขนาดนี้
ตอนที่ 667 ชื่ออะไร
“บอกผมได้ไหม ว่าผลงานชิ้นนี้ของคุณชื่อว่าอะไร”
เฉินฝานซิงมองเอเลนด้วยดวงตาฉายประกาย จากนั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ออกมา
ก่อนที่สายตาของเธอจะค่อยๆ เลื่อนไปหยุดยังน้ำหอมบนโต๊ะขวดนั้นอย่างช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมา
ท่ามกลางความคาดหวังที่เอ่อล้นอยู่บนใบหน้าของเหล่าคณะกรรมการ สุดท้ายก็พูดออกมาเบาๆ ริมฝีปากเรียวบางขยับเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงกังวาลชัดเจน
“ชื่อของมันคือ ‘เตโชปักษา’”
“เตโชปักษา?”
“เตโชปักษา?”
ในระหว่างที่พึมพำพวกเขามองมาทางเฉินฝานซิงอีกครั้ง
เฉินฝานซิงเพียงแต่พยักหน้าแล้วอธิบายต่อเสียงเบา
“เตโชปักษา เป็นเทพนกชนิดหนึ่งในตำนานของอาหรับ ยามที่แดดส่องกระทบมายังไม้หอมที่มีอายุหกร้อยปีแล้วมอดไหม้ เตโชปักษาจะสยายปีกบินทะยานสู่กองเพลิงเพื่อแผดเผาตัวเอง…
ในขณะที่มันกำลังแผดเผาตัวเอง จะเกิดเตโชปักษาน้อยตัวใหม่ภายในกองเพลิง
ซึ่ง ‘เตโชปักษา’ ตัวนี้ เหมือนกับหงส์เพลิงในตำนานทางตะวันออกของพวกเราไม่มีผิด
หงส์เพลิงนิพพาน
ตามตำนานเล่าว่า หงส์เพลิงคือผู้ส่งสารความสุขในโลกมนุษย์ ทุกห้าร้อยปี มันจะแบกรับสั่งสมความโกรธเกลียดเคียดแค้นและทุกข์ตรมทุกอย่างบนโลกมนุษย์ไว้ แล้วทิ้งตัวลงในกองไฟที่โหมกระหน่ำ ใช้ความสวยงามและชีวิตแลกมาซึ่งความสุขและความสงบในโลกมนุษย์
เช่นเดียวกัน ภายหลังจากความเจ็บปวดทรมานครั้งยิ่งใหญ่แล้ว พวกมันก็จะมีชีวิตใหม่ที่สวยงามยิ่งกว่าเดิม
ชีวิตใหม่ที่ถือกำเนิดจากกองเพลิง ขนของมันยิ่งเจิดจรัส เสียงของมันยิ่งใสกังวาน จิตวิญญาณยิ่งแกร่งแรงกล้า
การทรยศหักหลัง ถูกกระทำย่ำยี ความโศกเศร้าเจ็บปวด ไร้ที่พึ่งพา สิ่งเหล่านี้จะผ่านพ้นไป
หลังจากนิพพานแล้วเกิดใหม่ เป็นตัวเองคนใหม่ เป็นความหวังใหม่โดยสิ้นเชิง เป็นความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด…เป็นพวกเราที่มีความสุขได้อย่างสมบูรณ์”
เฉินฝานซิงกล่าวจนจบด้วยแววตานิ่งเรียบ ใบหน้างดงามเผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัว
คณะกรรมการต่างก็ฟังกันอย่างเคลิบเคลิ้ม หลังจากที่ฟัง ภายในใจก็ตกตะลึงจนกลับมาสงบดังเดิมไม่ได้อยู่ครู่ใหญ่
“เตโชปักษา ถือกำเนิดใหม่จากกองเพลิง ใช่ คือสิ่งนี้นี่แหละ ในที่สุดผมก็เข้าใจความร้อนแรง เถ้าถ่าน และการเกิดใหม่ว่ามันเป็นยังไงแล้ว” เอเลนตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดขึ้นมา
“ผมเชื่อว่าโลกใบนี้ไม่มีชื่อไหนที่เหมาะสมกับผลงานชิ้นนี้มากกว่า ‘เตโชปักษา’ อีกแล้ว”
“ผมมีลางว่า ถ้าผลงานชิ้นนี้ออกสู่ตลาด จะต้องโด่งดังไปทั่วโลกอย่างแน่นอน”
“คุณเก่งมาก…จริงๆ”
คณะกรรมการทุกคนพากันชื่นชมเฉินฝานซิงไม่ขาดปาก สุดท้ายถึงช่วงให้คะแนน
กรรมการทั้งห้าคนพร้อมใจกันให้คะแนนเต็ม!
เฉินฝานซิงยิ้มจางๆ อีกครั้ง
ไม่ได้แสดงออกถึงความตื่นเต้นมากนัก เพียงแค่พูด “ขอบคุณ” หนึ่งคำอย่างราบเรียบ
เห็นท่าทีที่เฉยเมยนี้ของเธอ เอเลนจึงพูดต่อ “ดูเหมือนคุณจะไม่ใส่ใจกับคะแนนที่เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์นี้เลย ทำไมถึงไม่เห็นว่าคุณจะมีความรู้สึกตื่นเต้นดีใจเลยสักนิด”
เฉินฝานซิงเพียงแต่ยิ้ม “เพราะว่าฉันที่ไม่สมบูรณ์แบบ ต้องการที่จะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในสายตาของตัวเองมาตลอด ในความรู้สึกของฉัน ผลงานทุกชิ้นของฉันล้วนแต่ได้คะแนนเต็ม”
เอเลนหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะถามกลับ “ถ้าวันนี้พวกเราไม่ให้คะแนนเต็มกับคุณล่ะ”
“งั้นก็หมายความว่าสิ่งที่ฉันคิดว่าสมบูรณ์ยังไม่นับว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็พอรับได้ เพราะเดิมทีฉันก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว”
สายตาที่มองไปยังเฉินฝานซิงของเอเลนร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกชื่นชม ตื้นตัน และถึงกับขนาดเลื่อมใส
เขาส่ายหน้าพลางพูดกับเฉินฝานซิง “ไม่ ในสายตาของผม คุณคือคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนโลกใบนี้”
เฉินฝานซิงไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “อย่าพูดแบบนี้ ฉันจะหลงระเริงโดยไม่รู้ตัวเอาได้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
คณะกรรมการทุกคนต่างพากันส่งเสียงหัวเราะออกมา
เพราะว่าเฉินฝานซิงเป็นผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้าย ดังนั้นคะแนนเต็มจากกรรมการห้าคนเพียงพอที่จะยืนยันได้แล้วว่าตำแหน่งแชมป์ในสมัยนี้เป็นของเฉินฝานซิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนที่ 668 ทำไมเธอถึงได้ล้มเหลวขนาดนี้
กว่าเฉินฝานซิงจะออกมาจากสนามแข่งก็ตกบ่ายแล้ว
ทว่าหน้าประตู ร่างที่คุ้นเคยกลับยืนอยู่บนบันไดอย่างเงียบๆ
เฉินฝานซิงชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บสีหน้าแววตาให้ปกติแล้วตั้งใจว่าจะก้าวลงบันไดโดยทำเป็นมองไม่เห็น
“เฉินฝานซิง”
เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงไม่สนใจเธอ เฉินเชียนโหรวจึงตะโกนออกมาทันที ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เธอจึงรีบวิ่งไปขวางทางเฉินฝานซิงไว้
เฉินฝานซิงจำต้องชะงักฝีเท้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“อยากจะพูดอะไร”
เฉินเชียนโหรวกัดฟัน สายตาที่มองเฉินฝานซิงเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและโหดร้ายอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
“เธอจงใจ”
“…” เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปาก พลันถอนหายใจออกมาอย่างระอา
“เธอจงใจเอาคำว่า “หิมะยามเช้า” นี้มาบอกฉัน เพราะเดาว่าฉันจะต้องใช้ชื่อนี้ของเธอแน่ๆ ใช่ไหม”
เฉินเชียนโหรวพยายามกดเสียงต่ำ แต่ก็ฟังออกถึงความโกรธแค้นและข่มเหงได้อย่างง่ายดาย
เฉินฝานซิงได้ยินดังนั้น สีหน้าที่เฉยชากลับหัวเราะออกมากะทันหัน
“หิมะยามเช้า? หิมะแรกในยามรุ่งเช้า? ฉันเคยพูดแบบนี้เหรอ”
“เธอ…”
“วัฒนธรรมภาษาจีนนั้นกว้างใหญ่ลึกซึ้ง ความเข้าใจของเธอมีปัญหาก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ใครใช้ให้เธอชอบแย่งของของฉันนักล่ะ”
เฉินเชียนโหรวโกรธจนตัวสั่น พลางกัดฟันกรอดมองไปทางเฉินฝานซิงราวกับจะจับเธอฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ทว่าเพียงครู่เดียว เฉินเชียนโหรวก็พลันหัวเราะออกมา
“ต่อให้เป็นแบบนี้แล้วจะทำไมเหรอ ผลงานของเธอส่งไปหรือยัง หรือว่ากรรมการไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอหรือว่าพูด สีหน้าเฉยชาของเธอนั้นหลังจากที่เพิ่งออกมาเป็นเพราะถูกเหยียดหยามอะไรถึงได้ออกมาหรือเปล่า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินฝานซิงหายไปในทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเข้ากระดูก
“เฉินเชียนโหรว ยังไงซะตอนนี้เธอก็ถือเป็นหัวหน้านักปรุงน้ำหอมของซูซื่อ ซูซื่อสุดท้ายก็ต้องออกผลงานใหม่ออกมาเรื่อยๆ ตลอด เธอคิดว่าเธอจะปิดบังซูเหิงได้ตลอดชีวิตเหรอ”
เฉินเชียนโหรวเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของเฉินฝานซิง รวมถึงคำพูดเหล่านี้ของเธอ จึงเดาได้ว่าเฉินฝานซิงจะต้องถูกคณะกรรมการถูกวิจารณ์จนย่อยยับไม่มีชิ้นดี
จึงอดหัวเราะออกมาทันทีไม่ได้
“แน่นอนว่าฉันปิดบังพี่เหิงไปไม่ได้ตลอดชีวิต แต่ถึงเวลา รอให้ฉันได้หลานอวิ้นมา เวลานั้นฉันก็ต้องงานยุ่งมากแน่นอนอยู่แล้ว จะมีเวลาไปออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ไหนกัน พี่เหิงรักฉันขนาดนั้น จะทำใจปล่อยให้ฉันลำบากได้เหรอ”
เฉินฝานซิงหลับตาลงช้าๆ “เธอไม่กลัวว่าฉันจะปล่อยเรื่องนี้ออกไปเลยเหรอ”
จู่ๆ เฉินเชียนโหรวก็ทำท่าตกใจดวงตาเบิกโพลง พลันพูดร้องขอเฉินฝานซิงอย่างวิงวอน
“พี่คะ อย่าทำแบบนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นชีวิตฉันต้องพังแน่”
เฉินฝานซิงดูออกชัดเจนว่าเธอกำลังแสดงละคร จึงพูดกลับไปหนึ่งประโยคด้วยความอดกลั้น “เธอก็รู้จักกลัวด้วยเหรอ”
เฉินเชียนโหรวกัดฟัน มองเธอด้วยท่าทางอ่อนแอบอบบาง
“ก็ใช่น่ะสิ พี่คะ ขอร้องพี่อย่าทำแบบนี้เลยนะ ฉันกลัวจังเลย”
ทว่าวินาทีต่อไป แววตาของเฉินเชียนโหรวก็เปลี่ยนไป ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปาก พลันยกยิ้มเจ้าเล่ห์
จากนั้นก็ยกสองมือกอดอก ชุดเดรสเข้ารูปแนบเนื้อสีเขียวน้ำทะเลโชว์สัดส่วนโค้งเว้า เธอค่อยๆ ก้าวไปหาเฉินฝานซิงเล็กน้อย ระหว่างย่างก้าว เอวคอดบางส่ายไปมา ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเฉินฝานซิงด้วยท่าทางเย้ายวน
ขณะที่เธอมองเฉินฝานซิง ภายในสายตานั้นมีเพียงความถากถางและเวทนา
“แต่ว่า พี่สาว เธอว่าคำที่เธอพูดจะมีคนเชื่อเหรอ ไม่มีใครเชื่อเธอหรอก หรือว่าตอนนั้นเธอไม่เคยพูดหรือไม่เคยอธิบายมาก่อนเหรอ แต่แล้ว…ใครเชื่อเธอล่ะ จนถึงตอนนี้ฉันยังจำได้เลยว่าตอนนั้นเธอร้องไห้ไหว้วอนให้พวกเขาเชื่อเธอ แต่ผลเป็นยังไงล่ะ หรือว่าหลายปีมานี้เธอยังไม่ชินอีกเหรอ ฉันว่านะ พี่สาว เธอว่าทำไมตัวเองถึงล้มเหลวในการใช้ชีวิตได้ขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าจะไม่มีใครเชื่อใจเธอเลยสักคน”