ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 122 เจ้าทุกข์ของคดีที่ถูกฆาตกรรม
ใต้เท้าเจินก็คือผู้บัญชาการที่ตัดสินคดีราวกับเทพเซียนที่วัดหลิงอู้งั้นหรือ
เจียงซื่อตกใจ แต่ไม่นานก็คิดออกอีกครั้ง
เดิมทีนางสงสัยว่าผู้บัญชาการทหารประจำอำเภอในเมืองเล็กๆ คนหนึ่งมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร หากเขาเป็นเจินชิงเทียน ก็ไม่แปลกแล้ว
ใต้เท้าเจินน่าจะเดินผ่านที่นั่นมาพอดี พอเห็นว่ามีคดีเกิดขึ้นก็แสดงตัวในฐานะผู้บัญชาการทหารประจำอำเภอ
สำหรับราษฎรแล้ว ใต้เท้าชิงเทียนนั้นยังเทียบไม่ได้กับผู้บัญชาการทหารประจำอำเภอที่ตัดสินคดี
ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาข้างกายผู้บัญชาการทหารประจำอำเภอคนนั้นยังบอกอีกว่าฆาตกรมักจะกลับคืนสู่ที่เกิดเหตุ ประสบการณ์เช่นนี้ใช่ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ของทางการทั่วไปจะมีได้
ที่แท้เวลานี้อวี้ชียังไม่รู้จักใต้เท้าเจิน
“ข้างกายใต้เท้าเจินมีผู้มีความสามารถมากมาย เจ้าไปบอกเขาว่าอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ได้”
“คุณหนูวางใจได้” เหล่าฉินรับคําสั่งของเจียงซื่อเสร็จก็ประสานมือเดินจากไป
เจินซื่อเฉิงเข้าเมืองหลวง เพิ่งมาถึงศาลาว่าการในเมืองหลวงก็รับคดีใหญ่เรื่องหนึ่ง วันนี้พี่ชายของพระสนมคนโปรดสิ้นพระชนม์ที่จุดพักรถ ฮ่องเต้ทรงกริ้วมาก จึงสั่งให้อธิบดีกรมกฎหมายสามเหล่ารวมถึงผู้ตรวจการศาลาว่าการแห่งพระนครร่วมกันตรวจสอบคดีนี้
เจินซื่อเฉิงสมแล้วที่เป็นใต้เท้าชิงเทียนที่ชาวบ้านยกย่อง เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งก็เจอคดีที่ยุ่งยากเช่นนี้ ขณะกําลังยุ่งยากอยู่นั้นก็ยังไม่ลืมจัดหาที่ให้เต้าหู้ไซซีซิ่วเหนียงจื่อปักหลักให้เรียบร้อย ระหว่างที่สืบคดีก็ไปหาเพื่อตรวจสอบเรื่องลูกสาวของซิ่วเหนียงจื่อที่หายตัวไปอย่างละเอียด
“อาซ้อบอกว่าลูกสาวมาเข้าฝัน ความจริงเรื่องนี้มันแปลกเกินไป…” เจินซื่อเฉิงใคร่ครวญ
แม้ว่าเขาจะกล้าตัดสินใจเพื่อประชาชน แต่เขาก็ไม่ได้โง่เง่า มิฉะนั้นเขาคงไม่มาอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันนี้
ผู้ตรวจการศาลาว่าการแห่งพระนครเป็นถึงขุนนางระดับสาม
ดูจากการกระทำฟังคําพูดของเขา และจากประสบการณ์หลายปี เจินซื่อเฉิงรู้สึกว่าแม้ว่าคําพูดของซิ่วเหนียงจื่อจะแปลกประหลาด แต่ก็น่าเชื่อถืออยู่หลายส่วน
มีแต่ความน่าเชื่อถือยังไม่เพียงพอที่จะกระทำการบุ่มบ่ามได้
ซิ่วเหนียงจื่อกล่าวหาซื่อจื่อของฉังซิงโหว ไม่มีหลักฐานแต่จะวิ่งไปขุดดินที่จวนฉังซิงโหวเพื่อหาศพ นั่นก็เท่ากับจะผู้ตรวจการราชสำนักเลื่อยขาเก้าอี้
“ใต้เท้า ข้าน้อยมีหลักฐานเจ้าค่ะ!”
เจินซื่อเฉิงตาเป็นประกาย “เอ่อ อาซ้อมีหลักฐานอะไร”
ซิ่วเหนียงจื่อแบมือออก ปรากฏว่าเป็นปิ่นทองแดงอยู่บนฝ่ามือ
“ใต้เท้า ท่านดูสิเจ้าคะ ปิ่นทองแดงนี้นิวนิวสวมใส่มาตลอด นิวนิวได้เข้าฝันให้ข้าน้อยและปรากฏตัวบนพื้นบ้าน ใต้เท้าเจ้าคะ ข้าน้อยมิได้เสียสติ ฟั่นเฟือน หรือวิปลาสแต่อย่างใด นิวนิวถูกคนฆ่าตายและมาเข้าฝันข้าจริงๆ ท่านโปรดเชื่อข้าเถอะเจ้าค่ะ” ซิ่วเหนียงจื่อคุกเข่าลงโดยไม่สนใจใคร นางโขกศีรษะคารวะเจินซื่อเฉิง
นางโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า หน้าผากกระทบพื้นทำให้เกิดเสียงดังก๊อกก๊อก ทำให้ความสิ้นหวังและไร้หนทางของแม่คนหนึ่งปรากฏชัดเจนขึ้น
เจินซื่อเฉิงถอนหายใจ แล้วประคองซิ่วเหนียงจื่อขึ้นมาด้วยตนเอง “อาซ้อ ข้าเข้าใจเหตุการณ์มามากพอแล้ว ท่านพักก่อนเถอะ รอให้ข้าจับเบาะแสได้ก็จะให้ความเป็นธรรมกับท่าน”
รอจนซิ่วเหนียงจื่อถูกคนพาตัวไป ผู้ใต้บังคับบัญชาก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ใต้เท้าโปรดคิดให้รอบคอบ เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง หากใช้คําพูดเหลวไหลของหญิงผู้หนึ่งมาแตกหักกับจวนโหวผู้สูงศักดิ์ ท่านก็เป็นเหมือนคนที่ชักไฟมาเผาตัวเองนะขอรับ”
เจินซื่อเฉิงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้าเคยกลัวการชักไฟเผาตัวเองเช่นนั้นหรือ”
ถ้าเขามั่นใจมาก เขาก็ยอมใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อไฟ
เพียงแต่คดีของซิ่วเหนียงจื่อไม่อาจกระทำการบุ่มบ่ามได้จริงๆ เรื่องการจัดการกับของใหญ่อย่างจวนฉังซิงโหว ถ้าไม่แตะต้องก็คือไม่แตะต้อง แต่ถ้าจะแตะต้องก็ต้องถอนรากถอนโคน และตอนนี้เขายังไม่แน่ใจว่าซิ่วเหนียงจื่อคิดถึงบุตรสาวมากเกินไปหรือเป็นเพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ
ในโลกนี้มีผีมาเข้าฝันจริงหรือ
“แบ่งคนสองคนไปตรวจดูเสียงวิจารณ์ของซื่อจื่อแห่งจวนฉังซิงโหวก่อน”
“รับทราบ”
วันถัดมา ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจินซื่อเฉิงฟังว่า “ผู้คนต่างบอกว่าซื่อจื่อของฉังซิงโหวอ่อนโยนดุจหยก เป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ฉังซิงโหวและภรรยาใจกว้างต่อบ่าว ไม่มีชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ กลับเป็นฮูหยินของซื่อจื่อที่…”
“เป็นอย่างไร”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบเล่าเรื่องราวฮูหยินซื่อจื่อฉังซิงโหวที่กลายเป็นเรื่องตลกของชาวเมืองหลวง
“ความสัมพันธ์ระหว่างซื่อจื่อและฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทั้งคู่รักใคร่กันมากขอรับ เมื่อฮูหยินซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวพบเจอกับเรื่องเช่นนี้ ก็มิได้เอ่ยคําพูดไม่พอใจต่อซื่อจื่อฉังซิงโหว”
เจินซื่อเฉิงแอบส่ายหน้า
ดูเหมือนว่าการสืบหาข้อมูลจากผิวเผินนั้นทำให้เรื่องคืบหน้าได้ช้า
แต่ตอนนี้พลังงานส่วนใหญ่ของเขาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ‘หยางกั๋วจิ้ว’ และยากที่จะหาจุดตัดของคดีของซิ่วเหนียงจื่อได้ในทันทีทันใด
“ไปสืบต่อ มีสิ่งใดผิดปกติให้รีบมารายงานทันที”
บ่ายวันนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชายังไม่ได้ตอบกลับ ก็มีคนมาตีกลองร้องทุกข์อีก
เจินซื่อเฉิงรับแผ่นคำร้องมาก็ลุกขึ้นยืน
คนที่เจ้าทุกข์มาฟ้องร้องคือซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหว!
เจินซื่อเฉิงให้พาเจ้าทุกข์เข้ามาทันที
เจ้าทุกข์เป็นชายวัยกลางคนที่ท่าทางร่ำรวย ซึ่งแตกต่างจากซิ่วเหนียงจื่อ ผู้ที่มาสวมเสื้อผ้าชั้นดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้ที่เกิดในตระกูลร่ำรวย
“ใต้เท้าขอรับ ข้าน้อยเป็นคนอำเภอเป่าเฉวียน เมืองเยี่ยนจื่อ มีบุตรีคนหนึ่ง ยี่สิบกว่าวันก่อนออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นไม่กลับ ชาวบ้านตามหาไปทั่วแต่ไร้ผล สองวันก่อนเพิ่งรู้ว่าบุตรีถูกคนทำร้ายจนตาย!”
บนกระดาษคําร้องเขียนไว้เพียงว่าฟ้องฉังซิงโหวซื่อจื่อที่ฆ่าบุตรสาวของตน แต่สาเหตุเฉพาะกลับไม่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจน เจินซื่อเฉิงรีบถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าบุตรสาวของเจ้าถูกซื่อจื่อฉังซิงโหวทำร้าย”
นายท่านฉือยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา “เดิมทีข้าน้อยออกไปทำการค้า แต่จู่ๆ ก็ฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝันว่าลูกสาวตัวน้อยขอความช่วยเหลือจากข้า ข้าน้อยครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็วางใจไม่ลง คิดไม่ถึงว่าบุตรีจะหายไปจริงๆ ขอรับ”
“ในเมื่อบุตรีของมักจะออกไปเที่ยวเล่นบ่อยๆ แล้วจะสรุปได้อย่างไรว่าหายสาบสูญไป”
“แม้ว่าบุตรีจะออกไปเที่ยวเล่นบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ไปนานขนาดนี้ และจะต้องส่งจดหมายให้ที่บ้านทุกๆ ห้าวัน แต่ครั้งนี้กลับไร้ข่าวคราว ไม่มีผู้ใดรู้จักบุตรีดีเท่าบิดา ข้าน้อยสามารถยืนยันได้ว่าบุตรีต้องเจอเรื่องยุ่งยากเป็นแน่ขอรับ”
“แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่านางถูกฆ่า แม้แต่ตัวฆาตกรก็ยังรู้?”
ริมฝีปากแห้งแตกของนายท่านฉือสั่นระริก “เพราะบุตรีมาเข้าฝันข้าน้อยขอรับ ลูกสาวเป็นคนพูดชื่อฆาตรกรเองขอรับ!”
เวลานี้ เจินซื่อเฉิงอารมณ์ซับซ้อนเป็นพิเศษ
นี่ยังมีผีมาเข้าฝันอีกคน!
เห็นเจินซื่อเฉิงไม่พูดไม่จา นายท่านฉือก็ร้อนใจ “ใต้เท้า ข้าน้อยมิได้สติฟั่นเฟือน ทุกคำที่กล่าวล้วนเป็นความจริงทุกประการ! บุตรีบอกกข้าน้อยว่าฆาตกรที่ฆ่านางเป็นใคร ทั้งยังบอกว่ามีเพียงหาผู้ตรวจการศาลาว่าการแห่งพระนครคนใหม่เท่านั้นจึงจะช่วยให้ความเป็นธรรมกับนางได้!”
“เจ้าเองก็เป็นคนเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เหมือนกัน เจ้าเชื่อเรื่องผีเข้าฝันจริงๆ หรือ”
“นั่นเป็นลูกสาวของข้าน้อยขอรับ!” นายท่านฉือรู้สึกเพียงว่าหัวใจราวกับถูกมีดกรีด น้ำตาไหลพรากราวกับสายฝน “พ่อลูกเชื่อมใจกัน หากบุตรสาวปลอดภัยดี เหตุใดข้าน้อยถึงฝันถึงนางร้องขอความช่วยเหลือติดๆ กัน นอกจากนี้นางยังฝากกลิ่นหอมไว้เต็มห้องเป็นกลิ่นที่นางใช้ประจํา ข้าน้อยไม่มีทางจำผิดแน่นอน! ใต้เท้า ได้โปรดเชื่อข้าน้อยเถอะ แม้ว่าลูกสาวข้าจะไม่ใช่คุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ก็เลี้ยงดูประคบประหงมมาราวกับไข่มุกล้ำค่าที่ถืออยู่ในมือ จะปล่อยให้หาไม่พบแม่แต่ศพไม่ได้นะขอรับ”
เจินซื่อเฉิงกำกระดาษคำร้องไว้แน่นอย่างโดยไม่รู้ตัว
เรื่องผีเข้าฝันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ไว้ค่อยว่ากันอีกที แต่ซิ่วเหนียงจื่อกับพ่อค้าฉือที่มีความเกี่ยวข้องกันต่างก็มาฟ้องร้องฉังซิงโหวซื่อจื่อ หากบอกว่าฉังซิงโหวซื่อจื่อไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย เขาก็ไม่เชื่อ
แล้วจะไปที่ตรวจสอบที่จวนฉังซิงโหวได้อย่างไร
เจินซื่อเฉิงคิดไปคิดมา ในที่สุดก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา