ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 128 ห่างแต่ไม่รั่ว
“จับตัวฉังซิงโหวซื่อจื่อ!” เจินซื่อเฉิงออกคำสั่งเสียงเข้ม
มีผู้ติดตามคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ฉังซิงโหวซื่อจื่อตั้งแต่แรก จับเขากดทันทีที่ได้ยินคำสั่ง
ฉังซิงโหวตกใจมาก “ใต้เท้าเจิน ท่านหมายความว่าอย่างไร”
เจินซื่อเฉิงกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่เสื้อผ้าของฉังซิงโหวซื่อจื่อ “ท่านโหวจะทำเป็นมองไม่เห็นหรืออย่างไร กระดุมที่เสื้อของบุตรชายของท่าน เป็นแบบเดียวกับกระดุมที่นักชันสูตรศพตรวจพบที่ศพของหญิงสาว!”
ฉังซิงโหวกระวนกระวายใจไปหมด
เขามีบุตรชายเพียงคนเดียว แม้ว่านิสัยจะเย็นชาบ้างในบางครา แต่ถ้าเทียบกับบุตรชายตระกูลอื่นในเมืองหลวงที่ชอบหลอกลวงถือว่าดีกว่ามากแล้ว
แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าลูกชายจะฆ่าคน!
ไม่ เป็นไปไม่ได้ ลูกชายของเขาจะฆ่าคนได้อย่างไร ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่!
“ใต้เท้าเจิน ท่านด่วนสรุปจับข้าเช่นนี้ ท่านผลีผลามเกินไปหรือไม่” ถึงเวลานี้แล้ว ฉังซิงโหวซื่อจื่อยังคงทำตัวนิ่ง
เจินซื่อเฉิงหรี่ตามอง
เวลาเขามองคน เขาไม่ได้มองที่ใบหน้า เพราะอารมณ์ที่แท้จริงของคน มักแสดงออกทางร่างกาย
เวลานี้ แม้ว่าฉังซิงโหวซื่อจื่อจะทำตัวนิ่ง แต่สำหรับเจินซื่อเฉิงแล้วมันคือการแกล้งทำ
เขาจะคอยดูว่าฆาตกรโหดร้ายคนนี้จะแก้ตัวว่าอย่างไร
“หลักฐานชัดเจน ข้าหาได้ผลีผลามไม่” เจินซื่อเฉิงตอบกลับเรียบๆ
ฉังซิงโหวซื่อจื่อหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชาพร้อมกับชี้ไปที่กระดุมหยกลายค้างคาวและกล่าว “กระดุมเหมือนกันก็ยืนยันว่าข้าคือฆาตกร? ใต้เท้าเจินตัดสินง่ายเกินไปหรือไม่”
“ซื่อจื่อกำลังจะบอกข้าว่า บ่าวรับใช้ในจวนของท่านก็ใช้กระดุมหยกงั้นหรือ”
“เหอะๆ ข้าเป็นคนใจกว้าง เสื้อผ้าที่เคยใส่แล้ว จะให้บ่าวรรับใช้เป็นของขวัญไม่ได้หรืออย่างไรเล่า”
“ถ้าท่านว่าเช่นนั้น หมายความว่าฆาตกรก็คือบ่าวรับใช้ที่เคยได้รับของกำนัลจากซื่อจื่อน่ะสิ” เจินซื่อเฉิงเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มเยาะ
พวกพยายามหนีเอาตัวรอดอย่างฉังซิงโหวซื่อจื่อ เขาเคยเห็นมาแล้วนับไม่ถ้วน
“อันจื่อ เสื้อผ้าที่ข้าเคยให้เจ้าล่ะ” ฉังซิงโหวซื่อจื่นตะโกนเอ่ยถาม
อันจื่อตัวสั่นระริก เนื้อตัวอ่อนยวนแทบล้มไปกับพื้น “ข้าน้อย ข้าน้อย…”
เขาแทบพูดไม่เป็นประโยคเลย
มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้จะรู้แล้วฆาตกรคือซื่อจื่อแล้วอย่างไรเล่า ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมกระทำผิด เขาไม่มีทางหนีรอดไปได้เช่นกัน
เมื่อได้สบตากับสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายของฉังซิงโหวซื่อจื่อ อันจื่อตัดสินใจได้ทันที
รับผิดไว้เองก็แล้วกัน!
จะไปทางไหน ก็ไม่มีทางรอด งั้นรับความผิดของซื่อจื่อมาไว้เองแล้วกัน อย่างน้อยคนในครอบครัวของเขาก็เคยได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาก่อน
“ข้าน้อยเผาทิ้งแล้วขอรับ…”
“เหตุใดถึงต้องเผาทิ้ง” ฉังซิงโหวซื่อจื่อเก็บความตื่นเต้นและถามต่อ
เขารู้ว่าอันจื่อจะรับผิดแทนเขา!
ใบหน้าของอันจื่อเต็มไปด้วยหยดน้ำตา “ข้าน้อยน้ำเข้าสมอง เป็นคนทำร้ายผู้หญิงดีๆ เหล่านี้เอง หลังๆ มานี้ข้าน้อยพบว่าบนเสื้อผ้ามีกระดุมหายไปหนึ่งเม็ด ข้ากลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาด จึงได้ทำการเผามันทิ้ง ใต้เท้า ข้าน้อยยอมรับผิดแล้วขอรับ ได้โปรดใต้เท้าไว้ชีวิตข้าด้วย!”
เจินซื่อเฉิงไม่คิดจะสนใจอันจื่ออยู่แล้ว เขากวาดสายตาไปยังบ่าวรับใช้จวนโหวพลางเอ่ยถามขึ้น “พวกเจ้าเคยเห็นคนๆ นี้สวมใส่เสื้อผ้าที่มีกระดุมลายหยกหรือไม่”
บ่าวรับใช้ทั้งหมดเงียบกริบไม่มีใครตอบ
พวกเขาไม่เคยเห็นอยู่แล้ว แต่ใครจะกล้าพูดออกไปเล่า
อันจื่อเป็นเด็กรับใช้ข้างกายของซื่อจื่อ ขนาดนี้แล้ว เหล่าบ่าวรับใช้จะคิดไม่ถึงได้อย่างไรว่าใครคือฆาตกร พวกเขาตกใจจนเข่าอ่อนไปหมด
สายตาอันเยือกเย็นของฉังซิงโหวซื่อจื่อตกอยู่ที่ลู่จื่อ
ลู่จื่อตัวสั่นระริก ลมหนาวพุ่งตรงผ่านกระดูกสันหลังออกทางปาก “ข้าน้อยเคยเห็นขอรับ!”
ร่างกายของเขาสั่นไหวหลังพูดจบ
คงเป็นเรื่องน่ายินดี อย่างน้อยคนที่รับผิดแทนซื่อจื่อคืออันจื่อ บางทีเขายังมีโอกาสมีชีวิตรอด!
เจินซื่อเฉิงมองลู่จื่อ สายตาที่มองออกทุกอย่างคู่นั้น ทำให้เขาไม่สามารถยืนนิ่งจนตัวอ่อนยวบคุกเข่าลงกับพื้น
“ข้าเห็นอันจื่อสวมใส่ชุดที่มีกระดุมสีเขียวจริงๆ นะขอรับ ตอนนั้นข้ายังรู้สึกอิจฉา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนเช่นนี้!”
เจียงซื่อทนฟังคำโกหกของลู่จื่อพลางยิ้มอย่างเย็นชา
ฉังซิงโหวซื่อจื่อช่างเป็นคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียจริง ถึงเวลานี้แล้วก็ยังคิดจะหาคนมารับผิดแทนอีก
แสงสีขาวจางๆ ลอยขึ้นจากฝ่ามือข้างขวาทันทีที่พลิกมือ เพราะเป็นช่วงเวลากลางวันจึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หิ่งห้อยมายาบินไปตามพื้นที่ยุ่งเหยิงจนถึงข้างลำตัวลู่จื่อ มันไต่ขึ้นที่เสื้อผ้าของเขาตามคำสั่งของเจียงซื่ออย่างช้าๆ สุดท้ายบินเข้าไปในหู
เสียงไร้ความรู้สึกของสาวน้อยพลันดังขึ้น “คนพูดปดจะถูกดึงลิ้นออกเมื่อไปถึงนรกนะ”
เพราะเสียงนี้ดังขึ้นกะทะหัน ทุกคนพลันชะงัก กำลังจะมองหาที่มาของเสียง จู่ๆ ลู่จื่อที่คุกเข่าอยู่ก็ดีดตัวและร้องขึ้นมาอย่างโหยหวน
เสียงโหยหวนที่ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของทุกคน จนไม่มีใครสนใจว่าเป็นเสียงพูดของใคร
ลู่จื่อแสดงสีหน้าตระหนกตกใจ หลังจากที่กระโดดตัวขึ้น เขาพลางปิดปากไว้เตรียมจะวิ่งหนี
“จับไว้!” เจินซื่อเฉิงตะโกนกล่าว
เจ้าหน้าที่สองคนกดไหล่ของลู่จื่อทันที
ลู่จื่อดิ้นเอาตัวรอดสุดชีวิต ดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นภาพน่าหวาดกลัวอย่างไรอย่างนั้น “ปล่อยข้า อย่าดึงลิ้นข้าไป อย่าดึงลิ้นข้าไป!”
เจินซื่อเฉิงลูบคลำที่เคลา
นี่มันอะไรกัน
“ใครจะดึงลิ้นเจ้า!”
“ผี ผี!” ลูจื่อตกใจหวาดกลัวจนเริ่มเสียสติ “ข้าเคยเห็น อันจื่อก็เคยเห็น ใช่ๆ พวกนางมาแก้แค้น พวกนางมาแก้แค้นพวกข้า!”
“พวกเจ้าเป็นคนฆ่าพวกนางใช่หรือไม่” เจินซื่อเฉิงถามต่อ
บ่าวรับใช้ตรงหน้าเหมือนตกใจจนเสียสติไปแล้ว สภาพจิตตอนนี้ไม่เหมือนคนแกล้งทำ นับว่าเป็นช่วงเวลาสอบถามที่เหมาะสมที่สุด
ลู่จื่อส่ายหัวราวกับกลองป๋องแป๋ง “ไม่ใช่พวกข้า ซื่อจื่อเป็นคนทำ! ซื่อจื่อเป็นคนฆ่าผู้หญิงเหล่านั้น ข้ากับอันจื่อรับผิดชอบฝังศพเท่านั้น… ข้าไม่ได้โกหก ไม่ได้โกหก ปล่อยข้าเถอะ…”
ทันใดนั้น เลือกสีแดงสดก็ไหลออกจากปากของลู่จื่อ
เจินซื่อเฉิงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “เปิดปากเขาออก อย่าให้เขากัดลิ้นฆ่าตัวตาย!”
เจ้าหน้าที่สองคนใช้แรงเปิดปากลู่จื่อออก ลิ้นสีแดงอาบเลือดพลางเผยออกมา
โชคดีที่ยังกัดไม่ขาด
เจินซื่อเฉิงรู้สึกโล่งอก พลางมองไปที่อันจื่อที่ตกใจหวาดกลัวไปหมด ตะโกนขึ้นอย่างเสียงดัง “ถึงเวลานี้แล้ว เจ้ายังคิดจะช่วยเจ้านายปิดบังอยู่อีกหรือ เจ้าควรเข้าใจ เหนือศีรษะนั้นมีเทพเทวา ตาข่ายสวรรค์นั้นห่าง แต่ไม่รั่ว!”
อันจื่อตัวสั่นระริก ส่วนล่างนั้นเปียกโชกและอ่อนยวบลงไปกับพื้น พลางเอ่ยยอมรับชะตากรรม “พี่ลู่จื่อพูดถูก สตรีเหล่านั้น ซื่อจื่อเป็นคนฆ่าขอรับ… ซื่อจื่อเป็นคนฆ่า…”
เขาเชื่อแล้วว่าบนโลกใบนี้มีผีอยู่จริง
ไม่เช่นนั้น พวกเขาเห็นสิ่งใดในคืนนั้นเล่า ไม่เช่นนั้น เหตุใดลู่จื่อจึงเสียสติหลังจากพูดโกหก
เขาช่วยเหลือซื่อจื่อทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องมามากมาย ถึงจะยอมเป็นแพะรับบาปแทน แต่วิญญาณของคนที่ถูกซื่อจื่อทำร้ายไม่มีทางปล่อยคนในครอบครัวของพวกเขาเป็นแน่
ไม่มีทางปล่อยแน่!
ทุกๆ กรรมย่อมมีเจ้าของ มิสู้พูดความจริง อย่างน้อยวิญญาณผีหญิงสาวเหล่านั้นจะไม่โกรธคนในครอบครัวของเขา
“พวกเจ้า พวกสารเลว!” ฉังซิงโหวซื่อจื่อรู้ตัวแล้วว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป เขาหน้าซีดขาวเหมือนหิมะ
เจินซื่อเฉิงโบกมือครั้งใหญ่พลางเอ่ย “พาตัวไป!”
“ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามีสิทธิอะไรมาจับข้า ข้าเป็นถึงฉังซิงโหวซื่อจื่อเชียวนะ!” ฉังซิงโหวซื่อจื่อตะโกนโหวกเหวกเสียงดังจนแทบไม่เหลือภาพลักษณ์ของการเป็นคุณชายแห่งตระกูลชนชั้นสูง
ไม่รู้ว่าฉังซิงโหวฮูหยินฟื้นขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อเห็นบุตรชายถูกจับตัวพลันวิ่งเข้าอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์
เจียงเชี่ยนเห็นดังนั้นก็วิ่งตามเข้าไป
ต้องห้ามเขา จะต้องห้ามเขา ไม่ให้ดึงนางเข้ามาพัวพันด้วยให้จนได้!