ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 14 ยกเลิกงานสมรส
คำถามของเว่ยซื่อ ทำให้กัวซื่อเกือบร้องไห้ออกมา “ท่านแม่หารู้ไม่ คุณชายรองจวนตงผิงปั๋วเป็นคนไม่มีเหตุผลเอาซะเลย พอกลับถึงจวนก็ทำลายรถม้าของเราจนเสียหาย ลูกถึงกับต้องไปเช่ารถม้าถึงกลับมาที่จวนได้…”
“มีคนเช่นนี้ด้วยรึ” เว่ยซื่อตะลึงตกใจ
“เจ้าค่ะ ลูกเองก็คิดไม่ถึง”
“แล้วตงผิงปั๋วมีทีท่าว่าอย่างไรบ้าง”
กัวซื่อเล่าอย่างขมขื่น “นายท่านตงผิงปั๋วบอกว่าจะยกเลิกงานสมรส ส่วนเหล่าฮูหยินกลับแสดงความเป็นมิตรออกมา ลูกเห็นเรื่องราวเป็นไปเช่นนั้นจึงขอตัวออกมารออยู่ห้องบุปผา เพื่อให้เหล่าฮูหยินเกลี้ยกล่อมนายท่านตงผิงปั๋วให้ยอมเปิดใจ แต่ใครเล่าจะคิด ลูกยังไม่ทันได้คำตอบ คุณชายรองท่านนั้นก็พุ่งเข้ามาจะทำร้ายลูก ถ้าไม่ใช่เพราะลูกหนีออกมาได้ทันเวลา ลูกอาจเสียแขนหรือขาไปข้างหนึ่งแล้วก็เป็นได้…”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” เว่ยซื่อตบที่โต๊ะดังปัง “จวนตงผิงปั๋วคิดว่าตัวเองสูงส่งจากไหน จะเรียกมาช่วยถือรองเท้าในอันกั๋วกงยังไม่คู่ควรเลย การที่จวนกั๋วกงส่งเจ้าไปกล่าวขอโทษ นับว่าเป็นการให้เกียรติสูงสุดแล้ว แต่ตงผิงปั๋วก็ยังจะยกเลิกงานสมรส ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
“ลูกก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ ฐานะของตระกูลเช่นนี้ ไม่คู่ควรกับเราตั้งแต่แรก หากไม่ใช่ ก็คงไม่มีหลานที่ไร้มารยาทเช่นนั้น” กัวซื่อรู้สึกเกลียดชังอย่างที่สุดเมื่อนึกถึงสภาพที่ตนต้องวิ่งหนีออกจากจวนตงผิงปั๋ว
เว่ยซื่อกลับหัวเราะขึ้นมา “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“ท่านแม่” กัวซื่อตะลึงงัน
เว่ยซื่อหัวเราะจนเห็นรอยย่นตรงหางตา “ความคิดของตงผิงปั๋วไม่สำคัญหรอก ใครเล่าจะไม่รู้ ว่าตงผิงปั๋วไม่ใช่คนที่ควบคุมทุกอย่างได้ในจวน เรื่องภายใน คนที่ควบคุมหลักคือเฝิงเหล่าฮูหยิน เรื่องภายนอกคือเจียงเส้าชิง ในเมื่อเฝิงเหล่าฮูหยินไม่ต้องการยกเลิก งานสมรสครั้งนี้ก็ไม่มีทางถูกยกเลิก คอยดูเถอะ อีกไม่นานจวนตงผิงปั๋วจะต้องส่งคนมาหารืออีกครั้งแน่”
“ที่ท่านแม่กล่าวว่า ‘ดี’ ดีอย่างไรหรือเจ้าคะ”
เว่ยซื่อหัวเราะแห้ง “เจ้าเป็นฮูหยินซื่อจื่อในอันกั๋วกง นั่นเป็นแค่เด็ก จะมาไล่ตีเจ้าสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เดิมทีข้ายังคิดจะปลอบขวัญพวกเขาด้วยการให้ผลประโยชน์สักหน่อย ตอนนี้ขอแค่เรากุมจุดอ่อนข้อนี้ของพวกเขาเอาไว้ ก็จะนำมาหักล้างกันได้ทันที ข้าว่า เฝิงเหล่าฮูหยินคงกำลังหงุดหงิดอยู่เป็นแน่”
กัวซื่อได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ตาม
แม่สามีใช้ศักดิ์ศรีของตนที่เสียไปเมื่อตอนอยู่จวนตงผิงปั๋วมาหักล้างกับสิ่งที่เจ้าหนุ่มนั่นทำ มันช่างลำเอียงเสียเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างนั้น ความไม่พอใจของนาง จะแสดงออกมาต่อหน้าแม่สามีไม่ได้เด็ดขาด นางทำได้เพียงเห็นพ้องตาม “ท่านแม่ช่างรอบคอบเสียจริงเจ้าค่ะ”
แม่สามีกับลูกสะใภ้สบตากันแล้วยิ้มให้กันหนึ่งที
สาวรับใช้หานฟางเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ฮูหยินเจ้าคะ นายท่านตงผิงปั๋วมาหาเจ้าค่ะ!”
“ท่านแม่ว่าไว้ไม่มีผิด คนจากตงผิงปั๋วมาเร็วเชียวนะเจ้าคะ” กัวซื่อเอ่ยยอ
เว่ยซื่อเผยสีหน้าแห่งความได้ใจ “บอกไปว่านายท่านไม่อยู่ที่จวน ข้ากำลังต้อนรับแขกท่านอื่นอยู่ ขอให้นายท่านตงผิงปั๋วรออยู่ที่ห้องโถงส่วนหน้าก่อน”
“ฮูหยินเจ้าคะ นายท่านตงผิงปั๋วมาเพื่อขอยกเลิกงานสมรสเจ้าค่ะ”
เว่ยซื่อตะลึงงัน รอยยิ้มค้างอยู่ที่มุมปาก “เจ้าว่าอย่างไรนะ”
หานฟางพลางก้มหัวลงครึ่งหน้า เพราะรู้สึกถึงความกดดันแรงสูง “นายท่านตงผิงปั๋ว…มาขอยกเลิกงานสมรสเจ้าค่ะ…”
“งั้นรีบไปเชิญเข้ามาสิ!” เว่ยซื่อไม่เล่นตัวอีกต่อไป
สีหน้าของหานฟางแย่มาก “ฮูหยิน นายท่านยังยกสินสอดมาด้วย สินสอดพวกนั้นถูกวางไว้ด้านนอกจวนของเรา ผู้คนเริ่มมามุงดูแล้วเจ้าค่ะ”
เว่ยซื่อพลันรู้สึกสมองตื้อในทันใด ร่างกายเริ่มอยู่ไม่นิ่ง
กัวซื่อที่นอกจากตกใจแล้ว ยังต้องรีบเข้าไปพยุงเว่ยซื่อเอาไว้ “ท่านแม่ เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่เป็นอะไรได้อย่างไร ยังไม่รีบไปดูอีกว่านายท่านกลับมาแล้วหรือยัง!” เว่ยซื่อบีบมือกัวซื่อหนึ่งที “เจ้าส่งคนไปบอกต้าหลาง ให้รีบเชิญนายท่านปั๋วเข้ามาพูดคุยก่อน”
จี้ฉงหลี่ ซื่อจื่ออันกั๋วกงออกไปเชิญนายท่านปั๋วอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ก้าวข้ามคานประตูขวับ ฝูงชนที่อยู่ตรงหน้ามีจำนวนมากซะจนเขาตะลึงตกใจแทบอยากหันหลังกลับ
เหตุใดถึงมีคนมามุงดูมากมายถึงเพียงนี้
ยังไม่ทันได้พูดกับเจียงอันเฉิง สีหน้าของจี้ฉงหลี่ก็แย่มากแล้ว
“นายท่านปั๋วมาถึงที่จวน ข้าต้องขออภัยที่มิได้ออกมาต้อนรับให้ทันท่วงที เชิญนายท่านเข้าไปคุยด้านในด้วยกันก่อนขอรับ”
เจียงอันเฉิงมองจี้ฉงหลี่ที่พูดกับตนด้วยความสุภาพ แต่สีหน้าของเขากลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ พลันสะบัดมือและตะโกนขึ้น “รีรออะไรกัน ยกสินสอดเข้าไปด้านในเร็วเข้าสิ!”
เมื่อเห็นคนของเจียงอันเฉิงกำลังจะยกสินสอดเข้าไปด้านใน จี้ฉงหลี่จึงรีบห้ามปราม “นายท่านปั๋วจะทำสิ่งใดกันหรือ เข้าไปคุยด้านในกันก่อนดีหรือไม่ขอรับ”
“เรื่องนี้ไม่มีให้ต่อรองอีกต่อไป! ข้ามาเพื่อยกเลิกงานสมรส มิได้มาทักทายวันปีใหม่ และนี่ คือรายการสินสอดทั้งหมด ซื่อจื่อคงต้องตรวจเช็คให้ละเอียด จวนปั๋วข้าไม่มีวันหยิบไปแม้เพียงชิ้นเดียว!” เจียงอันเฉิงยื่นรายการสินสอดให้จี้ฉงหลี่
จี้ฉงหลี่กล้าอนุญาตให้คนเหล่านี้ยกสินสอดเข้าไปที่ไหนกัน จึงยื่นรายการสินสอดกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องคืนให้ข้า ข้ามีอีกเป็นตั้ง!” เจียงอันเฉิงหยิบรายการสินสอดออกมาจากอ้อมอกอีกปึกใหญ่
จี้ฉงหลี่ “…” เตรียมการมาหมดแล้ว!
“หนังสือยกเลิกงานสมรส ข้าเขียนเสร็จแล้ว เจ้าไปเรียกพ่อของเจ้าออกมาประทับลายนิ้วมือซะ เรื่องนี้จะได้เป็นอันจบกันเสียที!”
จี้ฉงหลี่ค้นพบข้ออ้างในการถ่วงเวลาแล้ว จึงเอ่ย “นายท่านปั๋ว ท่านพ่อมีกิจออกไปแล้ว ยังไม่กลับเข้าจวนเลยขอรับ เรื่องงานสมรสเป็นเรื่องใหญ่ ข้าเป็นผู้น้อยคงมิอาจตัดสินใจได้ หากนายท่านร้อนใจ เชิญเข้าจวนก่อนเถิดขอรับ หรือรอให้อารมณ์บรรเทาลงก่อนค่อยกลับก็ได้นะขอรับ——”
“น้องเจียง…นี่ท่าน” เสียงอันคุ้ยเคยพลันดังขึ้น
จี้ฉงหลี่หันไปตามเสียง อันกั๋วกงนั่นเอง เขาแอบยิ้ม
ท่านพ่อถูกพวกเขาส่งมาหรือไม่ กลับมาได้ทันเวลาเชียว!
อันกั๋วกงก้าวเท้ากว้างเดินเข้ามา เห็นสินสอดวางอยู่เต็มไปหมด ก็ขมวดคิ้วสงสัย
เรื่องของบุตรคนเล็กทำให้เขาไม่ได้นอนทั้งคืน แล้ววันนี้ เมื่อตอนอยู่ข้างนอก จิตใจของเขาก็ไม่สงบทั้งวัน พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็รีบกลับมาที่จวนทันที แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ฮูหยินไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้ดีได้ ตงผิงปั๋วถึงได้ยกสินสอดมาคืนเช่นนี้
“ท่านกั๋วกง พวกเราเป็นคนตรงๆ เหมือนกัน งั้นข้าขอไม่อ้อมค้อมเลยก็แล้วกัน ข้ามาเพื่อขอยกเลิกงานสมรส!”
อันกั๋วกงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “น้องเจียง เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง หากเจ้ามีความโกรธ ก็ลงมือกับพี่คนนี้ได้เลย แต่อย่ายกเลิกงานสมรสเลยนะ!”
ท่าทางของอันกั๋วกงถ่อมตนมาก พลันทำให้ผู้คนที่มุงดูเริ่มเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาในทันใด
“ดูๆ แล้ว อันกั๋วกงให้ความสำคัญกับการสานสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลเป็นอย่างมาก ท่าทีของการยอมรับความผิดก็นับว่าใช้ได้ทีเดียว ข้าว่านะ การยกเลิกงานสมรส ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็หาได้เป็นเรื่องที่ดีไม่ จวนอันกั๋วกงสามารถแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้วล่ะ”
“นั่นน่ะสิ อันกั๋วกงแสดงท่าทีถึงเพียงนี้แล้ว ต่อไปก็คงจะอบรมบุตรชายของเขาได้เป็นอย่างดี”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นต่างๆ นานา แต่เจียงอันเฉิงกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด การถ่อมตนของอันกั๋วกงก็ไม่ทำให้เขาใจอ่อนได้แม้แต่น้อยเช่นกัน “ท่านกั๋วกงยังจำสาเหตุการสานสัมพันธ์สองตระกูลได้หรือไม่”
“จำได้ๆ เพราะน้องเจียงเคยชีวิตข้าไว้…”
ตอนนั้น เขาช่วยชีวิตอันกั๋วกงจากเหตุการณ์ภูเขาถล่ม แล้วยังได้นายท่านสามเจียงช่วยอีกแรง
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านกั๋วกงก็ช่วยยกเลิกงานสมรสครั้งนี้อย่างเด็ดขาดไม่ได้หรือ จะตอบแทนบุญคุณด้วยการทำเช่นนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ”
อันกั๋วกงยิ้มกลบเกลื่อน “น้องเจียงอย่าได้พูดเช่นนั้นเลย”
เจียงอันเฉิงถอนหายใจ ฮึ่ม อย่างเย็นชา “ท่านกั๋วกงจะให้บุตรชายไม่เอาไหนของท่านแต่งงานกับบุตรสาวของข้า สำหรับข้า นี่คือการกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา!”
อันกั๋วกงมองเจียงอันเฉิงอยู่นาน เมื่อเห็นท่าทีเด็ดขาดของเขาก็พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ช่างเถอะ งั้นก็ให้เป็นไปตามที่น้องเจียงว่าก็แล้วกัน”
อันกั๋วกงประทับลายนิ้วมือบนหนังสือยกเลิกงานสมรสทั้งหมดสองฉบับ เจียงอันเฉิงเก็บไว้หนึ่งฉบับเมื่อเสร็จแล้ว เขาก็พยักหน้าแสดงความพอใจ
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ได้ เมื่อคิดถึงวันที่น้องเจียงช่วยข้าไว้ ข้านั้นรู้สึกผิดจากใจจริงๆ” อันกั๋วกงเอ่ยออกไปอย่างทำตัวไม่ถูก
เจียงอันเฉิงหาได้สนใจไม่ พลางโบกมือ “ท่านกั๋วกงอย่าได้ใส่ใจเลย คิดเสียว่าวันนั้นฝนตกหนักมากจนน้ำเข้าสมอง[1]ข้าก็แล้วกัน”
อันกั๋วกง “…”
[1] น้ำเข้าสมอง เป็นสำนวนจีนแปลว่าโง่ น้ำเข้าสมองมากเกินไปจนทำให้เลอะเลือนกลายเป็นคนโง่