ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 149 ถูกเปิดโปงด้วยกันทั้งคู่
อวี้จิ่นยังคิดไม่ตกว่าตนเองพลาดท่าจนถูกจับได้ตอนไหน แต่แน่นอนว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือจะผ่านตอนนี้ไปได้อย่างไร
“ข้าไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณชายอวี๋จะเล่นละครเก่งปานนี้” เจียงซื่อบีบเข้าที่แขนเสื้อของอวี้จิ่นพลางเยาะเย้ย
อวี้จิ่นกะพริบตาปริบๆ “ว่าแต่…พวกเราในตอนนี้นับว่ามีความสัมพันธ์ทางกายกันรึยัง”
ใบหน้าของเจียงซื่อร้อนผ่าว รีบปล่อยมือจากแขนเสื้ออวี้จิ่นทันที
ในเมื่อแสร้งทำตัวน่าสงสารแต่กลับถูกเปิดโปงเสียได้ มิสู้กลับไปเป็นแบบเก่า อวี้จิ่นยิ้มกริ่มพลางเอ่ยวาจาหน้าไม่อาย “เจ้าเป็นคนเริ่มก่อน”
“อวี๋ชี!” เจียงซื่อโกรธควันออกหู “เจ้าไม่มียางอายหรือยังไง”
“ก็ไม่มีน่ะสิ” อวี้จิ่นหัวเราะพลางขยับร่างเข้าไปใกล้เจียงซื่อและกระซิบแผ่วเบา “ขอแค่มีเจ้า”
ขอแค่มีอาซื่ออยู่ข้างกาย จะอยากมียางอายไปทำไมกัน
ขอแค่มีเจ้า…
เมื่อเจียงซื่อได้ฟังเสียงกระซิบนั้น หัวใจก็พลันสั่นระรัว ความว้าวุ่นเข้าครอบงำจนเผลอลืมผลักคนที่ขยับเข้ามาใกล้ให้ถอยออกไป
ครั้นมองดูใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ใกล้แค่คืบ อวี้จิ่นก็เผลอเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็เกิดความคิดที่อยากเข้าใกล้หญิงสาวมากกว่าที่เป็นอยู่
ไม่รู้ว่าถ้าลองหอมแก้มแดงๆ ของอาซื่อดูจะถูกตบหนึ่งครั้งหรือว่าสองครั้ง
ไม่รู้ล่ะ ลองหอมไปก่อนค่อยว่ากัน…
อวี้จิ่นก้มหน้าเข้าไปใกล้ แต่แล้วก็หยุดชะงักกะทันหัน
ไม่ได้ หน้าเขามีเลือดเปื้อนอยู่ จะทำให้อาซื่อรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า
แม้ว่าอวี้จิ่นจะหยุดแล้ว แต่เจียงซื่อได้ง้างมือขึ้นมาและฟาดลงไปเรียบร้อย
เสียงเพี้ยะดังขึ้น อวี้จิ่นคว้าของมือเจียงซื่อมาจับหลวมๆ แล้วเอ่ยอย่างน้อยใจ “แม้ว่าคุณหนูเจียงจะคิดว่าข้าแสดงละคร แต่ก็ไม่ควรตบหน้าข้าจริงไหม”
รู้อย่างนี้หอมไปแต่แรกก็ดี โดนตบทั้งที่ยังไม่ได้หอมแก้มเลยดูสิ
“ไม่ต้องทำเฉไฉไปพูดเรื่องเล่นละคร เมื่อครู่เจ้ากำลัง…”
“เมื่อครู่ข้าทำไมรึ” ในเมื่อยังไม่ได้หอม เขาก็ไม่มีทางยอมรับ
เจียงซื่อจนด้วยคำถาม นางเม้มริมฝีปากแน่น
อวี้จิ่นทำทีนึกขึ้นได้ “คุณหนูเจียง คงไม่ได้กำลังเข้าใจผิดว่าข้ากำลังจะหอมใช่หรือไม่”
เจียงซื่อหลุบหน้าลงด้วยความอับอายยิ่งกว่าเก่า
ไอคนชั่ว เจอทีไรต้องเป็นนางเสียเปรียบทุกที สู้นางอยู่ห่างๆ ไว้จะดีกว่า
เจียงซื่อสะบัดมืออวี้จิ่นและหันหลังไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่แล้วก็มีแรงบางอย่างดึงนางกลับไป
ขณะที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของเจียงซื่อก็กระแทกเข้ากับร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง
“ปล่อยนะ!”
“ชู่วว…” อวี้จิ่นขยิบตาแล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้ขณะที่เจียงซื่อยังไม่ทันได้โต้ตอบ ริมฝีปากบางประทับลงบนข้างแก้มอมชมพูประดุจบุปผาของหญิงสาว
แม้สัมผัสนั้นจะบางเบาเสมือนกับแมลงปอบินโฉบผิวน้ำแล้วหายวับไป แต่ร่างของทั้งสองกลับสั่นไหว ต่างคนต่างก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมครามของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
หลังจากความเงียบงันชั่วอึดใจ อวี้จิ่นก็เอ่ยแผ่วเบาขึ้นว่า “เอาล่ะ ที่นี่เจ้าก็มิได้เข้าใจผิดแล้ว อยากตบก็เชิญเลย”
สีหน้าของเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจลิงโลดอย่างที่สุด ราวกับหมู่ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังเบ่งบานทีละดอก
ในที่สุดเขาก็แน่ใจได้แล้วว่า ในใจของอาซื่อก็มีเขาอยู่เช่นกัน
เจียงซื่อก้าวถอย และพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของอวี้จิ่น จากนั้นก็หันหลังวิ่งออกไปทันที
เมื่ออาหมานที่กำลังเก็บดอกไม้มาทัดหูเอ้อร์หนิวอยู่ที่ใต้ต้นไม้เห็นเจียงซื่อวิ่งออกมาอย่างรีบร้อนก็รีบยืนขึ้น “คุณหนู…”
“กลับจวน!” เจียงซื่อไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง รู้เพียงแค่ว่าด้านหลังมีสัตว์ร้ายที่จ้องจะทำร้าย หากหันกลับไป คงได้เข้าไปอยู่ในท้องของอีกฝ่ายเป็นแน่ คงถูกเขาจับเขมือบทั้งเป็น และคงไม่มีทางได้ฟื้นขึ้นมาอีก
ในชั่วพริบตาเดียวทั้งนายหญิงและบ่าวรับใช้ก็หายวับไป เอ้อร์หนิวเห่าเรียกทว่าไม่ได้วิ่งตามออกไป
หลงต้านที่ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกจึงวิ่งออกมาจากห้องครัว ครั้นเห็นว่าประตูใหญ่เปิดอ้าอยู่จึงรีบวิ่งกลับเข้าไปดูในเรือน และพบอวี้จิ่นกำลังยืนอยู่บนบันไดหินหน้าเรือน หลงต้านเอ่ยถามด้วยความงุนงง “เจ้านาย ไฉนคุณหนูเจียงถึงกลับไปแล้วล่ะขอรับ”
อวี้จิ่นไม่ได้ฟังสิ่งที่หลงต้านพูด เขาเอาแต่มองไปที่ประตูหน้าเรือนแล้วยิ้มเหมือนคนโง่
สรุปแล้ว ได้หอมแก้มอาซื่อแถมยังไม่โดนตบด้วย ดีใจเหลือเกิน
แต่ว่าอาซื่อหนีกลับไปเช่นนี้ พรุ่งนี้ก็คงไม่ยอมมาแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้อวี้จิ่นก็หุบยิ้ม
ว่าไปแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องรีบให้อาซื่อตอบตกลงแต่งงานกับเขาโดยเร็วที่สุด ฉะนั้นเขาต้องพยายามให้มากกว่านี้อีกหน่อย
“พี่อวี๋ชีกลับมาหรือยัง” เจียงจั้นที่อยู่หน้าประตูใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจ “พี่อวี๋ชี สองสามวันนี้ท่านหายไปไหนมา”
“น้องเจียงเอ้อร์มาแล้วหรือ” อวี้จิ่นรีบเก็บอารมณ์ลิงโลดนั้นไว้พลางเดินลงบันไดหินไปหา
เจียงจั้นผงะตกใจ “พี่อวี๋ชี เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้ ไปมีเรื่องกับคนอื่นมาหรือ”
เจียงจั้นยังไม่หายสงสัย “พี่อวี๋ชีต่อสู้เก่งออกปานนั้น ใครจะกล้าทำร้ายท่าน เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดหลงต้านถึงไม่บอกข้าสักคำ ทั้งยังบอกว่าเพียงว่าท่านออกไปทำธุระข้างนอก”
“อุบัติเหตุนิดหน่อย เพิ่งจะกลับมาถึงเลยยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุด ที่จริงแล้วแค่แผลถลอกนิดหน่อย”
“ไหน แผลอยู่ตรงไหน” เจียงจั้นถามอย่างไม่วางใจ
แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกรำคาญใจที่เห็นอวี๋ชีหมายตาน้องสี่ แต่เจียงจั้นก็ยังคงซาบซึ้งในบุญคุณของผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่เสื่อมคลาย
พูดกันตามตรงแล้ว แม้ว่าทักษะการต่อสู้ของเขาจะไม่ได้ดีเลิศ แต่หากพี่อวี๋ชีต้องการความช่วยเหลือ เขาก็พร้อมจะช่วยเต็มที่โดยไม่ปริปาก
อวี้จิ่นรู้ว่าเจียงจั้นเป็นคนจริงจังจึงจำยอมถลกแขนเสื้อให้ดู “แค่แผลเล็กนิดเดียว มีเลือดออกนิดหน่อยเท่านั้น”
“แค่นั้นก็ดี” เจียงจั้นโล่งใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็แสดงท่าทีสงสัยออกมาอีก “แล้วไฉนถึงมีเลือดเปื้อนหน้าเช่นนั้นเล่า”
อวี้จิ่นลูบคาง แล้วหัวเราะขึ้นพลางเอ่ย “เลือดของฝ่ายตรงข้ามน่ะ เผอิญมือไปโดนเลยเลอะไปหมด”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง งั้นท่านไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถิด เสร็จแล้วเราไปร่ำสุราที่โรงเตี้ยมกันเถอะ วันนี้ข้าเป็นเจ้ามือ คิดเสียว่าเป็นการช่วยพี่อวี๋ชีล้างซวย”
“เยี่ยม น้องเจียงเอ้อร์คอยก่อนแล้วกัน” เมื่ออวี้จิ่นเห็นว่าความกังวลใจของเจียงจั้นถูกปัดเป่าไปจนหมดสิ้นก็แอบโล่งใจ
คนจริงจังใช่ว่าจะหลอกให้เชื่อได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน
“ช้าก่อน!” เจียงจั้นที่กำลังนั่งลงบนม้านั่งหินร้องขึ้น สายตาจับจ้องไปที่กล่องอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะหิน
กล่องอาหารนี้มันคุ้นๆ
หลังจากจ้องอยู่นาน สายตาของเจียงจั้นก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จะไม่คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อมันคือกล่องก๋วยเตี๋ยวเหลียงผีจากร้านอาซ้อหวังอู่ฝั่งถนนตะวันออก!
“น้องเจียงเอ้อร์ เป็นอะไรหรือ” อวี้จิ่นหันกลับมาและมองไปยังจุดที่เจียงจั้นกำลังจ้อง ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง
นั่นมันของมันที่อาซื่อตั้งใจเอามาให้เขาหรือ
ไม่สิ อาซื่อไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาวันนี้ ฉะนั้นนี่ต้องเป็นของที่เอามาให้เอ้อร์หนิว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ คลื่นวิกฤตก็ถาโถมเข้าใส่อวี้จิ่นอย่างไม่หยุดยั้ง
อืม ถ้าได้แต่งงานกับอาซื่อแล้วก็ขายๆ เอ้อร์หนิวไปเถอะ
“พี่อวี๋ชี เหลียงผีนี่มาจากไหนรึ”
“ทำไมหรือ” อวี้จิ่นยังคิดไม่ตก แต่พยายามแสดงท่าทีใจเย็น
“ข้ารู้สึกว่าเหลียงผีนั้นเหมือนที่ข้าซื้อมาอย่างไรไม่รู้” เจียงจั้นบอกอย่างแคลงใจ
น้องเจียงเอ้อร์เป็นคนซื้อเหลียงผีนี้มา?
อวี้จิ่นไตร่ตรองครู่หนึ่งและก็ได้ข้อสรุปที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เจียงจั้นรักอาซื่อปานนั้น เหลียงผีนี่ก็คงซื้อมาให้อาซื่อ?
จะให้เจียงจั้นรู้ไม่ได้ว่าอาซื่อมาที่นี่!
อวี้จิ่นที่ได้ข้อสรุปพยายามส่งยิ้มให้เป็นปกติที่สุด “ข้าให้หลงต้านไปซื้อมาจากที่ข้างถนน”
“อย่างนี้นี่เอง ไม่ยักรู้มาก่อนว่าพี่อวี๋ชีก็ชอบเหลียงผีของร้านอาซ้อหวังอู่ ข้ากับน้องสี่เองก็ชอบกินเหมือนกัน”
อวี้จิ่นเลิกคิ้วเล็กน้อย
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด โชคดีที่ยังปิดเรื่องนี้เอาไว้ได้
อวี้จิ่นรู้จักนิสัยใจคอของเจียงจั้นเป็นอย่างดี พี่ชายที่รักน้องสาวมากเช่นนั้นคงไม่อาจทนดูน้องสาวตัวเองไปมาหาสู่กับชายอื่นได้
“คุณชายอวี๋ คุณหนูลืมของไว้เจ้าค่ะ…” อาหมานวิ่งพรวดเข้ามา แต่แล้วเสียงประโยคหลังก็พลันขาดห้วงไป