ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 166 ได้พบกับผู้มีความสามารถ
ประโยคนี้ของเจียงซื่อจบลง ราวกับโยนสายฟ้าอันน่าตกใจใส่ฝูงชน
สายตาที่ผู้คนมองไปยังนางพลันเปลี่ยน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากคนที่มารอให้สอบสวนภายในลานบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ เจียงซื่อยืนอยู่ด้านหนึ่งอย่างเงียบๆ ไม่สะดุดตาคน ยามนี้พอเอ่ยขึ้นพลันดึงความสนใจจากทุกคนมา
นี่ไม่ใช่แม่นางสี่แห่งจวนตงผิงปั๋วข้างๆ นี้หรือ แม่นางสี่ผู้นี้นิสัยเย็นชาเฉยเมยยึดมั่นในคุณธรรม วันนี้เกิดอะไรขึ้น เรื่องใหญ่โตเพียงนี้จึงพูดเพ้อเจ้อเหลวไหลออกมาได้
คนไม่น้อยต่างคิดเช่นนี้กันอยู่ในใจ
ในตอนที่เจินซื่อเฉิงได้ยินคำพูดนี้ของเจียงซื่อดวงตาก็เป็นประกาย ถามขึ้นโดยพลันว่า “แม่นางเจียงอธิบายเหตุผลหน่อยได้หรือไม่”
เขาก็คิดว่าเฉาอวิ๋นไม่ใช่ฆาตกรเช่นกัน แต่ความคิดนี้คาดการณ์จากหลักฐานรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่พบ เด็กสาวคนนี้จะให้เหตุผลว่าอย่างไรกันนะ
เจินซื่อเฉิงอดใจที่จะให้ผู้คนได้อึ้งกันกว่าเดิมไม่ไหวแล้ว
ใต้เท้าเจินผู้นี้ให้ความสำคัญกับคำพูดของแม่นางเจียงซื่อมากทีเดียว แปลกเสียจริง
เซี่ยอินโหลวมองเจียงซื่ออย่างลุ่มลึก
เขาแทบจะไม่ได้พินิจมองนางอย่างละเอียดเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
พวกเขาเรียกได้ว่าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เขาเปลี่ยนไปไม่น้อย และนางก็แตกต่างจากภาพจำสมัยก่อนไปอย่างสิ้นเชิง
เซี่ยอินโหลวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงได้สะท้อนใจเช่นนี้
เซี่ยชิงเหยาเอ่ยเร่งอย่างอดไม่ไหวว่า “อาซื่อ เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนี้ล่ะ เสื้อผ้าเปื้อนเลือดก็พบแล้ว แถมยังซ่อนอยู่ในลานบ้านของอนุอวิ๋นอีก นี่ยังไม่อาจยืนยันว่านางเป็นฆาตกรได้อีกหรือ”
แม้นางจะคิดไม่ออกว่าเฉาอวิ๋นปะปนเข้าไปเรือนหลักแล้วหลบซ่อนในตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของท่านแม่ได้อย่างไร แต่อาภรณ์เปื้อนเลือดเป็นหลักฐานบ่งชี้โดยตรงที่สุด นอกจากเฉาอวิ๋นแล้ว นางก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครมาทำร้ายท่านแม่ได้อีก
“แม้เสื้อผ้าเปื้อนเลือดจะฝังไว้ในลานบ้านอนุอวิ๋น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอนุอวิ๋นเป็นคนฝังนี่นา” เจียงซื่อเอ่ยขึ้นตามใจนึก
สาวใช้ที่บอกว่าเฉาอวิ๋นเผากระดาษคนนั้นตกใจจนแข้งขาอ่อนคุกเข่าลง “บ่าวไม่ได้ฝังเสื้อผ้าเปื้อนเลือดนะเจ้าคะ!”
เจียงซื่อนิ่งอึ้ง
นางแค่เอ่ยไปตามใจนึกเท่านั้นเอง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่นางฟันธงว่าเฉาอวิ๋นไม่ใช่ฆาตกร
เซี่ยชิงเหยากลับสงสัยในปฏิกิริยาของสาวใช้คนนั้น ถลึงตาโตเอ่ยว่า “เจ้าคงไม่ได้กินปูนร้อนท้องหรอกกระมัง”
ขณะนั้นเอง เด็กสาวคนนี้ที่ตั้งอกตั้งใจอยากหาตัวฆาตกรที่สังหารมารดาได้ตระหนกจนระแวงสงสัยเกินกว่าเหตุขึ้นมา
“บ่าวเปล่านะเจ้าคะ บ่าวไม่ได้ทำจริงๆ…” สาวใช้โขกหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
เซี่ยชิงเหยามองปฏิกิริยาของเจียงซื่อตามสัญชาตญาณ
มิตรสหายได้กลายเป็นคนที่น่าพึ่งพาที่สุดของนางไปโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว อย่างน้อยก็น่าเชื่อถือกว่าท่านพ่อ
“แม่นางเจียง พูดเหตุผลเจ้ามาเถิด” เจินซื่อเฉิงทนเห็นสาวใช้มาก่อปัญหาเพิ่มต่อไม่ไหวแล้วจึงเอ่ยปากขึ้น
“ใต้เท้าเจิน ข้าอยากจะพูดกับท่านเป็นการส่วนตัวเจ้าค่ะ”
เจินซื่อเฉิงตกตะลึงเป็นอย่างแรก จากนั้นก็แย้มยิ้มออกมา “ได้ เชิญแม่นางเจียงทางนี้”
เซี่ยชิงเหยามองทั้งสองคนเดินไปทางอับสายตาผู้คนแล้วมองไปยังพี่ชาย
เซี่ยอินโหลวพยักหน้าเอาใจน้องสาว จ้องทิศทางที่เจียงซื่อเดินไปโดยไม่ละสายตาไปไหน
ในมุมหนึ่ง เจินซื่อเฉิงยืนนิ่ง แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษให้เจียงซื่อ “แม่นางเจียงยามนี้คงพูดได้แล้วกระมัง”
เจียงซื่อแย้มยิ้ม “ความจริงเหตุผลของข้าเรียบง่ายมาก เหตุผลที่ข้าคาดการณ์ว่าเฉาอวิ๋นไม่ใช่ฆาตกรก็คือผมของนาง”
เจินซื่อเฉิงดวงตาเป็นประกาย ยากจะปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้ “ยินดีฟังรายละเอียด!”
เขาคิดว่าเฉาอวิ๋นไม่ใช่ฆาตกร เพราะการเจอเส้นผมสองเส้นนั้นในตู้เสื้อผ้าเช่นเดียวกัน
หรือแม่นางเจียงกับเขาจะคิดไปถึงจุดเดียวกันแล้ว
ไม่สิ เขาเป็นคนเจอผมในตู้เสื้อผ้า…
เจินซื่อเฉิงคิดมาถึงตรงนี้ก็ลังเลขึ้นมาอีกครั้ง
จะว่าไปแล้ว คนแรกที่พบเห็นความผิดปกติในตู้เสื้อผ้าคือแม่นางน้อยตรงหน้านี้ บางทีนางอาจจะพบผมสองเส้นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่จงใจทำเป็นมองไม่เห็นทิ้งไว้ให้เขามาพบเข้า
เจินซื่อเฉิงไม่เคยร้อนใจอยากฟังความคิดเห็นที่มีต่อคดีจากคนอื่นขนาดนี้มาก่อน
ความรู้สึกที่พบคู่ต่อสู้ฝีมือสูสีกัน ได้พบผู้มีความสามารถเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก เหมือนได้ดื่มสุราแก้วใหญ่!
เจินซื่อเฉิงลูบเคราอย่างไม่อาจหักห้ามใจ ทอดถอนใจอยู่ในใจว่า นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่อยากพาแม่นางน้อยคนหนึ่งไปที่บ้าน เฮ้อ คนที่เพิ่งเจอก่อนมาที่นี่นั้นโง่เขลาเบาปัญญาเกินไป เขาก็จนหนทางแ
ล้วเหมือนกัน
“ใต้เท้าเจินยังจำการคาดเดาของข้าก่อนหน้านี้ได้กระมัง ฆาตกรน่าจะจุดธูปยาสลบในตู้เสื้อผ้า”
พร้อมกับที่เจินซื่อเฉิงพยักหน้านั้นเอง คำตอบของเจียงซื่อกลับเกินการคาดการณ์ของเขา “ในเมื่อในตู้เสื้อผ้าสามารถทิ้งกลิ่นหอมเอาไว้ได้นานไม่จางหายไป เช่นนั้นบนร่างของฆาตกรที่ซ่อนอยู่ในตู้จะต้องมีกลิ่นเดียวกันอยู่แน่ ถึงแม้ว่าหลังจากฆาตกรฆ่าคนแล้วจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดเป็นชุดที่สะอาดสะอ้าน แต่บนผมนั้นไม่มีเวลามาสระได้หรอก…”
ไม่รอให้เจียงซื่อกล่าวจบ เจินซื่อเฉิงก็ตบมือเอ่ยว่า “ไม่เลว! เรื่องแดงตอนเช้ามืด จากสถานการณ์ตอนนั้นของหย่งชังปั๋วและคนอื่นๆ อธิบายมา รวมถึงการชันสูตรศพสามารถคาดเดาได้ว่า เป็นไปได้อย่างมากที่ฆาตกรลงมือจะเป็นช่วงหลังเที่ยงคืนมาแล้ว เป็นไปได้แม้กระทั่งว่าฆาตกรจากไปไม่นานเรื่องก็แดง ช่วงเวลานั้นเขาสามารถเปลี่ยนชุดที่เปื้อนเลือดหรือแม้กระทั่งฝังมันไปได้ แต่การสระผมนั้นไม่เพียงแต่จะไม่ทัน ซ้ำยังไม่กล้าสระด้วย”
เจียงซื่อพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ สระผมตอนดึกดื่นค่อนคืนหรือไม่ก็ตอนเช้ามืด ก็เท่ากับบอกคนอื่นว่าเขาน่าสงสัย”
สายตาที่เจินซื่อเฉิงมองเจียงซื่อยากจะปกปิดความชื่นชมเอาไว้ “แม่นางเจียงคิดไปถึงกลิ่นหอมที่ทิ้งไว้บนผมของฆาตกรได้ ช่างหาได้ยากมากจริงๆ”
จะว่าไปแล้วก็น่าขัน เหตุผลของเขากับแม่นางน้อยที่คาดการณ์ว่าเฉาอวิ๋นไม่ใช่ฆาตกรล้วนมาจากผมเหมือนกัน ทว่าเหตุผลกลับไม่เหมือนกัน และเพราะเหตุนี้จึงยิ่งทำให้เขายิ่งตื่นเต้นพลุ่งพล่านมากขึ้นไปอีก
ยังมีอะไรที่ทำให้สะใจไปกว่าการคิดวิเคราะห์ไปทีละขั้นทีละตอนเพื่อหาตัวฆาตกรที่หลบซ่อนอยู่หลังม่านหมอกอันหนาทึบทั้งสองมือเต็มไปด้วยเลือดอีกเล่า
เจินซื่อเฉิงแอบคิดในใจว่า รอให้ปิดคดีนี้แล้ว เขาจะต้องเชิญแม่นางน้อยคนนี้ไปดื่มสักจอกให้ได้
“เมื่อครู่ข้าอาศัยจังหวะตอนที่คนไม่สนใจเข้าไปใกล้อนุอวิ๋นเงียบๆ ผมของนาง…” สีหน้าของเจียงซื่อแปลกประหลาดเล็กน้อย นางเว้นไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สระมาหลายวันแล้ว มีกลิ่นเหม็นเหงื่อ แต่ไร้ซึ่งกลิ่นหอมนั้นเจ้าค่ะ”
เจินซื่อเฉิงสีหน้าเหยเก
เด็กคนนี้ ผมมีกลิ่นเหม็นแล้วอย่างไรเล่า ตอนเขายุ่งๆ หนวดเคราก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนกันนั่นแหละ!
“ใต้เท้าเจิน” เจียงซื่อเห็นเจินซื่อเฉิงสีหน้าแปลกประหลาด ก็เลิกคิ้วขึ้น
เจินซื่อเฉิงรีบลูบเคราข่มความตกใจไว้ “แม่นางเจียงพูดได้ถูกต้อง”
เจียงซื่อ “…”
“แม่นางเจียงได้พบอย่างอื่นอีกหรือไม่”
เจียงซื่อส่ายหน้า “คนที่เรือนท้ายเพิ่งจะมาลานบ้านได้ไม่นาน ข้าตรวจสอบได้แค่สี่ห้าคน ยังไม่พบว่าบนร่างใครมีกลิ่นหอมนั้นเลยเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไต่สวนเฉาอวิ๋นต่อเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนไว้ คนที่หากลิ่นพิเศษบนผมก็รบกวนแม่นางเจียงซื่อก็แล้วกัน” เจินซื่อเฉิงประสานมือคำนับให้นาง
เขาไม่ใช่คนแก่หน้าโง่ที่หัวโบราณคร่ำครึ มีทางลัดให้เดินย่อมเดินไปทางลัดอยู่แล้ว
สตรีในครอบครัวใหญ่เสียชีวิตไม่เหมือนกับกรณีของหยางกั๋วจิ้ว ยืดเยื้อไปนานยิ่งแสดงละครก็ยิ่งเข้มข้นรุนแรงขึ้นตามข่าวเล่าข่าวลือภายนอก เป็นไปได้มากที่คนในครอบครัวอาจจะรับไม่ได้ ส่วนมากจึงเลือกแพะรับบาปออกมามั่วๆ เพื่อให้ข่าวลือสงบลง
แม้ว่าจะเป็นคนตาย แต่คนในโลกนี้มักจะปฏิบัติต่อสตรีอย่างเย็นชากว่าบุรุษ ดังนั้นคดีนี้ยิ่งสะสางได้ไวเท่าใดยิ่งดี
เจียงซื่อคำนับคืนให้ “จะไม่ทำให้ใต้เท้าผิดหวังแน่นอนเจ้าค่ะ”
ขอเพียงฆาตกรอยู่ในคนเหล่านี้ นางจะหาคนๆ นั้นให้เจอให้ได้!
ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้มออกมา นึกไม่ถึงว่าจะมีความรู้สึกของสหายที่แน่นแฟ้นแม้ว่าจะอายุห่างกันอยู่มาก
ผู้คนที่มองมาทางนี้อยู่ไกลๆ ต่างงุนงงกันหมด