ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 192 ใจดำ
หนอนตัวอ้วนๆ มีเนื้อตัวโปร่งใสจนเผยให้เห็นสีแดงจางๆ สีแดงนั้นเป็นสีแดงที่งดงามหยดย้อย สวยงามเป็นที่สุด
แต่ไม่ว่าจะสวยงามเพียงใดมันก็คือหนอน และยังเป็นหนอนที่ทั้งนุ่มทั้งอ้วนและไต่เก่ง
สีหน้าของอวี้จิ่นแข็งกระด้างเล็กน้อย “อาซื่อ หนอนนี่ได้มาจากที่ไหนรึ”
เจียงซื่อที่จับหนอนอยู่พลันชะงักพร้อมกับขมวดคิ้ว “เจ้าเรียกข้าว่าอาซื่อ?”
อวี้จิ่นพลันเงียบไม่พูดจา แย่แล้ว หลังจากถูกพิษเข้า ปฏิกิริยาการตอบสนองพลอยช้าลงไปด้วย ข้าดันเรียกคำที่อยู่ภายในใจออกมา
เวลานี้เจียงซื่อก็ไม่ได้คิดมากกับคำเรียกนี้ พลางหยิบหนอนอ้วนวางลงที่แผลของอวี้จิ่น
เจ้าหนอนตัวอ้วนพอได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ตรงบาดแผล ร่างกายของมันพลันยืดๆ หดๆ จากนั้นเริ่มกัดกินอย่างชอบใจ
เมื่อเห็นหนอนกินเลือดเนื้อตรงบาดแผลอย่างเอร็ดอร่อย อวี้จิ่นฝืนทนอดกลั้นกับความอยากบีบหนอนให้ตายเอาไว้ เขาเอ่ยถามเจียงซื่อด้วยริมฝีปากซีดเผือด “หนอนนี่เจ้าได้มาจากที่ไหน”
เจียงซื่อตบเหอเปาตรงเอว “เจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือ ข้าเอาออกมาจากเหอเปานี่ ไม่ต้องกลัว หนอนแบบนี้สามารถกินพิษที่ซึมเข้าเส้นเลือดได้ มันจะช่วยแก้พิษให้เจ้า”
เพียงแต่เสียดายที่หนอนนี่ไม่เหมือนกับหิ่งห้อยมายา ที่ไม่สามารถให้มันอาศัยอยู่ในเนื้อหนัง เลี้ยงได้เพียงในกล่องหยกแล้วพกพาเอาไว้เท่านั้น
“ใครว่าข้ากลัว” อวี้จิ่นปากแข็ง หลับตาลงเบาๆ ริมฝีปากซีดจนแทบไม่เห็นสีเลือด
เหตุใดถึงแก้พิษด้วยวิธีที่น่าขยะแขยงถึงเพียงนี้! ถ้ารู้ตั้งแต่แรก…อวี้จิ่นยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงยาเม็ดแก้พิษที่อยู่อย่างสงบในเหอเปา… ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาก็ยอมถูกหนอนกัดกินอยู่ดี เพราะเขาอยากเจอหน้าอาซื่อ!
บางครั้ง อวี้จิ่นก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงคะนึงหาคนๆ หนึ่งได้ถึงเพียงนี้ เขาเองก็ไม่อยากเข้าใจ บนโลกใบนี้มีคนๆ หนึ่งทำให้เขาเป็นห่วงอยู่เสมอและอยากได้มาครอบครอง มันคือความโชคดีของเขา
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ…” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แล้วเสียงเบาๆ ก็ดังขึ้น
อวี้จิ่นลืมตาขึ้นมองตรงแขน เนื้อหนังบริเวณบาดแผลได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสดอีกครั้ง
เจียงซื่อหยิบผ้าสีขาวออกมาพันที่แผลพร้อมกับเอ่ยเตือนกำชับ “สามวันนี้อย่าให้แผลถูกน้ำ รอให้แผลแห้งหลุดไปเองก็พอ”
อวี้จิ่นไม่เอ่ยเสียง แต่จ้องเจียงซื่อไม่ขยับไปไหน
เจียงซื่อรู้สึกโมโหกับสายตาที่เขามองมา จึงลุกขึ้น “เดี๋ยวให้อาเฟยส่งเจ้ากลับตรอกเชวี่ยจื่อแล้วกัน ข้ากลับก่อนล่ะ”
มือเย็นเฉียบหนึ่งข้างพลันคว้าข้อมือ “อาซื่อ อย่าไป”
เจียงซื่อก้มมองบริเวณข้อมือที่ถูกจับ มือข้างนั้นเรียวยาวเนียนขาว ข้อกระดูกแบ่งแยกชัดเจน ชาติที่แล้วไม่รู้ว่าเขาจับมือนางไว้เช่นนี้แล้วกี่ครั้ง หนังตายตรงเล็บก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางคุ้นเคยดี
นางลืมสะบัดมือออกไปชั่วขณะ
อวี้จิ่นไอค่อกแค่กหนึ่งที โหนกแก้มสีขาวดุจหยกพลันแดงขึ้นมา “อาซื่อ ข้ารู้สึกแย่…”
คำพูดนี้ซ่อนการร้องขอเอาไว้ ให้ความรู้สึกช่างน่าสงสาร
เจียงซื่อกลับใจแข็งสะบัดมือฝ่ายตรงข้ามออก “พิษถูกแก้แล้ว ข้าไม่ใช่หมอยา ไม่สบายเพียงไหนข้าก็ช่วยไม่ได้แล้ว เดี๋ยวข้าให้อาเฟยส่งเจ้ากลับไปแล้วกัน”
มือข้างนั่นคว้ามือนางไว้อีกครั้ง น้ำเสียงชายหนุ่มอ่อนลงกว่าเดิม “อาซื่อ ข้ารู้สึกแย่ที่หัวใจ…”
หัวใจของเจียงซื่อพลันบีบรัดแน่น นางสะบัดมือข้างนั้นออกราวกับถูกไฟเผา หันหลังและจากไปทันที
เสียงตุบตกลงกับพื้นพลันดังขึ้นจากด้านหลัง
เจียงซื่อหันกลับไปขวับ ก็เห็นอวี้จิ่นล้มลงไปกับพื้น พยายามใช้แรงทั้งหมดประคองร่างเอาไว้และมองมาที่นาง มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปาก
เจียงซื่อตกใจมาก จึงเดินกลับไปอย่างรีบร้อนและพยุงเขาไว้ “เกิดอะไรขึ้น”
ไม่ควรเป็นเช่นนี้นี่ พิษของเขาถูกแก้แล้วแท้ๆ
อวี้จิ่นขมวดคิ้ว อดทนกับความทรมานพร้อมกับกล่าว “ข้าถูกโจมตีอย่างไม่ทันระวัง โดนฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามมาหลายทีจนภายในได้รับแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยน่ะ…”
“อาเฟย ไปตรอกซอยเชวี่ยจื่อ…”
อวี้จิ่นส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับเอ่ยอย่างยากลำบาก “มี มีคนลอบฆ่าข้า บางทีอาจวางกับดักไว้เต็มตรอกซอยเชวี่ยจื่อแล้วก็เป็นได้…”
เจียงซื่อเก็บความคิดที่จะส่งคนกลับไปยังตรอกซอยเชวี่ยจื่อไปครู่ขณะ แล้วพาอวี้จิ่นเข้าไปในห้องพร้อมกับอาเฟย หลังจากพาเขานั่งลงเสร็จก็สั่งอาเฟยให้ไปเอายา นางไม่ใช่หมอจริงๆ กับอาการบาดเจ็บภายในนางไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
อวี้จิ่นอิงกับหมอนพร้อมยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่เคยคิดเลยว่าอาซื่อจะแก้พิษเป็นด้วย เกือบทำให้เขาไม่ได้อยู่ต่อแล้ว โชคดีที่เขาตอบสนองได้เร็ว
อวี้จิ่นภาคภูมิใจกับการตอบสนองอย่างรวดเร็วของตนเองมาก แต่พอเห็นสาวน้อยข้างกายขมวดคิ้ว ก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเล็กน้อย… เหมือนว่าจะแสดงอาการรุนแรงไปหน่อยจนทำให้นางเป็นห่วง
“ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้เป็นเรื่องทั่วไปสำหรับข้า…ข้ามิเป็นอะไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
เจียงซื่อหย่อนตาลง “คุณชายอวี๋เข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้เป็นห่วง”
“เมื่อครู่นี้เจ้า…”
“เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของพี่ชายข้า สำหรับข้านี่จึงเป็นเรื่องเล็กน้อย”
ริมฝีปากบางๆ ของอวี้จิ่นขยับเล็กน้อย ครั้งนี้มีไอร้อนไหลอยู่ตรงลำคอจริงๆ ราวกับพร้อมทะลักออกมาทุกเมื่อ
สาวน้อยนี่ ฝึกฝนมาแต่คำพูดทิ่มแทงหัวใจของเขาโดยเฉพาะ แต่โชคดีที่เขาเป็นคนใจกว้าง ยังพอทนได้
อวี้จิ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก ผ้าเช็ดหน้าสีขาวดุจหิมะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงทันที
เจียงซื่อมองดูผ้าผืนนั้นหลายครั้งอย่างอดไม่ได้
ปากบอกไม่เป็นห่วงล้วนแต่เป็นการหลอกตัวเองทั้งนั้น แต่โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาคนนี้นางรู้จักเป็นอย่างดี หากว่านางใจอ่อนตอนนี้ เขาก็จะทำตัวได้คืบเอาศอกทันที
“ที่แท้ ในใจของคุณหนูเจียง ข้าเป็นเพียงผู้มีพระคุณของพี่ชายนี่เอง” อวี้จิ่นถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
เมื่อได้ยินเขากลับมาเรียก ‘คุณหนูเจียง’ แทน ‘อาซื่อ’ เจียงซื่อไม่ได้รู้สึกสบายใจ แต่รู้สึกหนักหน่วงใจแทน แต่ใบหน้าที่แสดงออกมากลับเป็นการยิ้มเย็นเยือก “ก็เป็นเช่นนั้นนี่เจ้าคะ หวังว่าต่อไปนี้คุณชายอวี๋จะไม่เข้าใจผิดอีก”
ริมฝีปากที่ซีดขาวของอวี้จิ่นสั่นระริก หนังตาหย่อนลงพร้อมกับหัวเราะตัวเอง “ข้ารู้ว่าเวลาเจ้าเห็นข้า เจ้ารู้สึกรำคาญใจ บางทีหากข้าหายไปตลอดกาลเจ้าถึงจะรู้สึกได้รับความสงบสินะ…”
เขาพูดไปพร้อมกับสบตากับฝ่ายตรงข้าม แล้วเขาก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมา “แต่ว่าอาซื่อ ข้าเป็นห่วงเจ้านะ วันนั้น เหตุใดเจ้าถึงได้ร้องไห้”
หัวใจของเจียงซื่อเหมือนมีค้อนมาทุบเบาๆ มันรู้สึกเจ็บตุบๆ
เมื่อชาติก่อน นางเคยแต่งงานกับชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งคือจี้ฉงอี้ อีกคนหนึ่งคืออวี้ชี
อวี้ชีไม่เหมือนกับจี้ฉงอี้ที่เย็นชาจนทำให้นางรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ เขาปฏิบัติกับนางอย่างร้อนแรงดั่งไฟเสมอ หลายครั้งนางอดไม่ได้ที่จะโน้มน้าวตัวเองว่าในใจของอวี้ชีไม่เคยมีสตรีศักดิ์สิทธิ์อาซังผู้นั้น มีแต่เจียงซื่อคนนี้ แต่นางได้ยินคำพูดนั่นจากปากของอวี้ชีเอง มันเลยทำให้นางไม่สามารถหลอกตัวเองอีกต่อไป
ดวงตาของอวี้จิ่นงดงามมาก แยกถูกผิดชัดเจนโปร่งใสดุจน้ำใสในธารน้ำจากภูเขา
เมื่อได้สบตากับสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจคู่นี้ เจียงซื่อพลางเกิดความรู้สึกน่าขันขึ้นมาอย่างงงงวย มีคนเช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ ในใจคิดถึงหญิงสาวอีกคน แต่ก็ทำดีกับหญิงสาวอีกคน ดีจนคนที่เป็นตัวแทนเกือบจะรู้สึกว่าตัวเองคือตัวจริง ถึงแม้จะรู้ว่าท้ายที่สุดอาจถูกฝังตายจนได้เกิดใหม่ แต่ก็ยังมิวายตัดขาดความรู้สึกที่มีต่อเขาได้ แต่ทั้งชีวิตนี้ นางจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นคนโง่อีก
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณชายอวี๋เจ้าค่ะ”
“อาซื่อ!”
“คุณชายอวี๋ เดี๋ยวรออาเฟยกลับมาต้มยาให้ เมื่อคุณชายรู้สึกว่าปลอดภัยแล้วก็ให้เขาไปส่งข่าวที่ตรอกซอยเชวี่ยจื่อ ข้ามีธุระอื่น ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” เจียงซื่อหันหลังเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดลง กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งและห่างเหินกว่าตอนแรก ไม่หันหน้ากลับ “ต่อไปนี้คุณชายอวี๋ ‘ท่าน’ อย่าลืมเรียกข้าว่า ‘คุณหนูเจียง’ นะเจ้าคะ หากว่าเรายังมีโอกาสได้พบหน้าพูดคุยกันอีก”
พอพูดเสร็จนางก็เดินออกไป