ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 20 นกแห่งความรัก
เจียงจั้นถือกรงนกวิ่งห้อเข้ามาในโรงน้ำชา เดินตึงตังขึ้นมายังชั้นสอง
“คุณชาย พวกเราจะกลับบ้านมิใช่หรือขอรับ” อาจี๋รีบตามมาด้านหลัง
เมื่อถึงชั้นสองเจียงจั้นหันมองไปรอบทิศ พลันเห็นอาหมานยืนอยู่หน้าประตูบานวิจิตรบานที่สาม พลางก้มคำนับเขา
เจียงจั้นเดินเข้าไปหา ชี้ไปยังประตูเอ่ยถาม “คุณหนูเจ้าอยู่ด้านในหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
เจียงจั้นแย้มยิ้มออกมา ผลักประตูเข้าไปอย่างผ่าเผย “น้องสี่ เจ้าดูสิ ข้าเอาอะไรมาให้เจ้า!”
เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็อยู่เบื้องหน้าเจียงซื่อ พลางวางกรงนกไว้บนโต๊ะ และเอ่ยทวงบุญคุณ “น้องสี่เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คือนกอะไร”
เจียงซื่อมองเข้าไปยังนกขนสีสันสดใสภายในกรง ขอบตาพลันร้อนผ่าว
คนๆ เดียวกัน นกแก้วคู่เดียวกัน เอ่ยถามด้วยคำถามแบบเดียวกัน “น้องสี่ เจ้าดูสิ ข้าเอาอะไรมาให้เจ้า!”
ในตอนนั้นนางตอบว่าอย่างไรกันนะ
นางมองไปยังนกแก้ว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “พี่รองหานกแก้วนี้มาจากที่ใด ข้าว่าท่านโดนคนอื่นหลอกเสียแล้ว นกแก้วพันธุ์นี้เลียนคำคนพูดไม่ได้นะเจ้าคะ”
ในครั้งนั้น เจียงจั้นหิ้วกรงนกเดินจากไปด้วยความผิดหวัง แต่คาดไม่ถึงว่าสุดท้าย เขาแอบเอานกแก้วคู่นั้นไปเลี้ยงไว้เสียเอง
วันที่ท่านย่าสั่งให้คนกำจัดนกแก้วนั้นเสีย พี่รองพยายามปกป้องอย่างสุดชีวิต รอจนนกน้อยหมดลมหายใจ และโดนคนกวาดทิ้งเหมือนกวาดขยะ พี่รองถึงกับทรุดตัวนั่งอยู่บนพื้น พูดงึมงำด้วยความเศร้าเสียใจ “พวกมันอุตส่าห์พูดว่ายินดีได้แล้วเชียว…”
ในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกผิด แม้คิดอยากขอโทษพี่รอง แต่ก็ไม่อาจลดความถือดีของตัวเองลงได้
การรั้งรอนี้ ผ่านไปไม่นานก็รั้งจนถึงวันออกเรือน…
เจียงซื่อไม่อยากคิดต่อไปแล้ว
ความหลังเหล่านั้น เหมือนดั่งหนามแหลมฝังอยู่ก้นลึกในใจนาง
“เหตุใดน้องสี่ถึงร้องไห้เล่า” ทำเจียงจั้นถึงกับสะดุ้งโหยง รีบลนลานหิ้วกรงนกขึ้นพลางเอ่ยถาม “ข้าทำให้น้องสี่ใช่ตกใจหรือไม่”
เจียงซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา หัวเราะพลางเอ่ย “พลันคิดถึงที่มาของชื่อนก ก็อดรู้สึกตื้นตันไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ชื่อรึ” เจียงจั้นถึงกับงงงัน
เจียงซื่อชี้ไปยังนกแก้วขนทองพลางอธิบาย “นกแก้วชนิดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า นกแห่งความรัก นกชนิดนี้ต้องอยู่เป็นคู่ หากมีตัวใดตัวหนึ่งสิ้นใจไปก่อน ไม่นาน อีกตัวหนึ่งก็จะตายตามไป…”
“เอ๋ น้องสี่พูดเหมือนพี่อวี๋ชีเลย”
เจียงซื่อนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง
“พี่อวี๋ชียังบอกอีกว่า มีเพียงน้อยคนนักที่รู้ความเป็นมาอีกชื่อหนึ่งของเจ้านกตัวนี้ ที่แท้ข้าโดนหลอกนี่เอง”
“เจ้านกแก้วคู่นี้เกี่ยวอะไรกับพี่อวี๋ชีอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” เมื่อได้ยินเจียงจั้นเอ่ยถึงอวี๋ชี เจียงซื่อ แม้จะรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“วันนี้ข้าไปดื่มกับพี่อวี๋ชีมา คิดไม่ถึงว่าเรือนของเขาเลี้ยงนกไว้มากมาย พวกเราดูนกไปดื่มไป พี่อวี๋จึงเล่าเรื่องนกและเรื่องราวสนุกๆ ของนกแต่ละตัวให้ข้าฟัง ตอนท้ายเขาเอ่ยถามข้าว่าอยากนำกลับไปเลี้ยงหรือไม่ ข้าก็อยากน่ะสิ แม้ข้าจะอดทนเลี้ยงของเล่นแบบนี้ไม่ได้ แต่ข้าก็ยกให้เจ้าได้”
เจียงจั้นมองนกแก้วทองคู่นั้นด้วยความพอใจพลางเอ่ยถามเจียงซื่อ “น้องสี่ เจ้านกคู่นี้สวยดีใช่หรือไม่”
“สวยก็สวยดีอยู่หรอก แต่พวกมันทำให้ข้าคิดถึงที่มาของชื่อ เพียงเท่านั้นข้าก็อยากจะร้องไห้” เจียงซื่อเอ่ยเสียงเบา
“เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี” เจียงจั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยเริ่มเป็นกังวล
เขาลืมไปได้อย่างไรว่าสตรีเป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เจียงซื่อลูบกรงไม้ไผ่อย่างเบามือ
นกทั้งสองตัวในกรงตื่นตัวเล็กน้อย พลางจ้องมองนางด้วยความระมัดระวัง
“ข้าไม่อยากเห็น แล้วพี่รองก็อดทนเลี้ยงดูพวกมันไม่ได้ งั้นส่งคืนกลับไปเถอะ”
“ส่งกลับคืนหรือ”
“เจ้าค่ะ ข้าว่าขนของเจ้านกสองตัวนี้เรียงตัวงดงาม ดูแล้วต้องมีคนดูแลฟูมฟักมาอย่างดี หากพวกมันมาอยู่ที่จวนของเราแล้วเราดูแลไม่ดี มิสู้ส่งกลับไปให้เจ้าของยังดีเสียกว่า”
เจียงจั้นพยักหน้า “น้องสี่พูดมีเหตุผล พรุ่งนี้ข้าจะนำเจ้านกสองตัวนี้ส่งกลับคืนแก่พี่อวี๋ชี”
เจียงซื่อลุกขึ้น “ในเมื่อจะส่งกลับไป เหตุใดยังต้องเก็บไว้ถึงหนึ่งวัน พวกมันต้องไม่คุ้นเคยกับที่ใหม่เป็นแน่”
เรื่องที่แม่หมอเอ่ยถึงพี่รอง แม้ไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้ แต่นางเองก็ไม่กล้าเสี่ยง
ชีวิตของจี้ฉงอี้กับเฉี่ยวเหนียงเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว แล้วเรื่องอื่นจะไม่เปลี่ยนด้วยหรือ
“อย่างนั้นก็ได้ งั้นข้าเอาพวกมันไปคืนเลยก็แล้วกัน” สายตาเจียงจั้นที่มองไปยังนกคู่นั้น เปี่ยมไปด้วยความเสียดาย พลันหัวเราะขึ้น “พี่อวี๋ชียังมีนกอีกหลายตัว หรือไม่ ข้าไปเปลี่ยนตัวที่น้องสี่ชอบมาดีหรือไม่”
เจียงซื่อรีบโบกมือ “ไม่ดีกว่า ข้าไม่สนใจนกสักเท่าไหร่”
“สตรีต่างชอบสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ มิใช่หรือ”
“หากเป็นสุนัขน้อย แมวน้อยก็ว่าไปเจ้าค่ะ มันชาญฉลาดกว่านกเสียอีก แต่ไม่ว่าจะเลี้ยงอะไร ก็ดูยุ่งยากไปหมด” เจียงซื่อไม่อาจเผยให้เห็นว่านางชอบสัตว์เลี้ยงใดเป็นพิเศษ
เพราะตอนนี้ แม้แต่ตัวนางเอง นางยังดูแลไม่ได้ แล้วจะมีกำลังดูแลสัตว์เหล่านี้ได้อย่างไร
“แมวน้อยก็น่ารักจริงๆ ส่วนสุนัขนั้นช่างเถอะ” เจียงจั้นพลันนึกถึงสุนัขตัวใหญ่ที่ตามติดข้างกายอวี๋ชีแล้ว ก็รู้สึกโกรธจนขบฟันกรอด
เจ้าสุนัขชั่วตัวนั้นมักจะมองตาขวางใส่เขา สักวันเถอะ เขาจะเฉือนเนื้อมันมากินซะ!
พี่ชายน้องสาวเดินเคียงคู่กันออกจากโรงน้ำชา ก่อนเจียงจั้นหยุดฝีเท้าลง “น้องสี่กลับจวนไปก่อนเถอะ ข้านำนกไปคืนแล้วจะตามกลับไป”
เจียงซื่อพยักหน้ารับ เจียงจั้นเตะอาจี๋เบาๆ หนึ่งที “อาจี๋ เจ้าส่งคุณหนูสี่กลับจวน หากเส้นผมคุณหนูสี่ร่วงแม้เพียงเส้นเดียว เจ้าได้เห็นดีแน่!”
“พี่รองรีบไปรีบกลับดีกว่า” เจียงซื่อเอ่ยเร่ง
เจียงจั้นโบกมือให้เจียงซื่อ แล้วหิ้วกรงนกเดินหน้าไป
ตรอกเชวี่ยจื่ออยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เจียงจั้นเดินไปตลอดทาง ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็มาถึงจวนตระกูลหนึ่ง
ด้านหน้าประตูมีพุทราต้นหนึ่งยืนโน้มต้นลงมา เวลานี้ ต้นพุทราออกดอกเต็มต้น สีเขียวสดดึงดูดสายตายิ่งนัก
เจียงจั้นเดินเข้าไปเคาะประตู “พี่อวี๋ชี ข้ากลับมาอีกแล้ว”
ประตูพลันเปิดออก สุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่งพุ่งพรวดออกมา
“เจ้าจะทำอะไร” เจียงจั้นหอบกรงนกไว้บนหน้าอก ตะโกนเสียงดัง
นกแก้วในกรงรู้สึกถึงภัยคุกคาม จึงบินวนปั่นป่วนไปมา
เจ้าสุนัขตัวโตไม่แลเห็นนกแก้วที่อยู่ในกรง ยืนกร่างขวางประตูพลางจ้องมองไปยังเจียงจั้นอย่างรังเกียจ
“มาถึงประตูล้วนคือแขก เจ้าสัตว์เดียรัจฉานรีบหนีออกไป!”
โฮ่ง! สุนัขยักษ์พลันแยกเขี้ยวและพุ่งตัวเข้ามา
เจียงจั้นสะดุ้งโหยง พลันกระโดดขึ้นเกาะต้นพุทราพร้อมกันทั้งมือและเท้า
สุนัขยักษ์จ้องเจียงจั้นด้วยสายตาดูแคลน สะบัดหางเสร็จก็เดินกลับเข้าไป
เจียงจั้นกระโดดลงจากต้นไม้ด้วยสีหน้าดำคล้ำ แล้วเดินเข้าประตูไปด้วยสายตาผิดปกติ สีหน้าแน่วนิ่ง แต่ภายในใจกลับตระโกนด่าลั่น ข้าจะเสียบเจ้าด้วยมีดนับพันเล่ม เจ้าสุนัขบ้ากล้าต่อกรกับข้า!
ใต้ต้นจามจุรี อวี๋ชียืนเอนพิงยังต้นไม้ในชุดสีเขียว เจ้าสุนัขยักษ์วิ่งเข้าไปคลอเคลียชายเสื้อเขา
“พี่อวี๋ชี ข้ากลับมาอีกแล้ว”
สายตาอวี๋ชีมองไปที่กรงนกในมือของเจียงจั้น ขมวดคิ้วงุนงงเบาๆ
เจียงจั้นวางกรงนกลงบนโต๊ะหินใต้ต้นไม้ เอ่ยด้วยความเสียดาย “คนในครอบครัวข้าทนเลี้ยงไม่ได้ ยังไงก็ขอคืนแก่พี่อวี๋ชีเสียดีกว่า”
“ไม่ชอบรึ”
“ขอรับ” เจียงจั้นเอ่ยตอบแบบคลุมเครือ
“ข้ายังมีนกอีกมากมาย น้องเจียงเอ้อร์เลือกตัวที่ชอบไปได้เลย”
“ไม่ล่ะ คนในครอบครัวข้าไม่สนใจเลี้ยงนก” เจียงจั้นรู้สึกยิ่งชอบในนิสัยใจคอของอวี๋ชีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พี่อวี๋ชีไม่เพียงช่วยชีวิตเขา ยังใจกว้างถึงเพียงนี้ มิตรภาพเทียมเท่านี้จะไปหาได้จากที่ไหนอีก
อวี๋ชีมองไปยังนกแก้วในกรง ใบหน้าอันคมคายดั่งหยกแก้วฉายแววสับสน
นกแก้วงามถึงเพียงนี้ยังไม่ถูกใจอีกหรือ
เขาเปลี่ยนไปมองสุนัขตัวใหญ่ข้างกายแทน
เจียงจั้นตกใจเกือบกระโดดโหยง “สุนัขที่ทั้งดุทั้งน่าเกลียดเช่นนี้ยิ่งไม่ไหวขอรับ!”
โฮ่งง สุนัขยักษ์เห่าตอบ