ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 209 พรหมลิขิต
“คุณชายรองเรียกผู้ใดกัน” พอสาวรับใช้พูดออกมา นายท่านซูกับโหยวซื่อก็ถามขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
สาวรับใช้ตื่นตระหนก ใบหน้าซีดเซียวมองกวาดไปบริเวณรอบๆ
ตามสายตาที่กวาดมองออกไป ผู้ที่ถูกมองต่างก็กังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
สุดท้าย สายตาของสาวรับใช้ก็หยุดลงที่เจียงซื่อ แล้วยิ้มแบบทื่อๆออกมา พลางยื่นมือชี้ออกไปที่นาง แล้วพูดอึกอัก “คุณชายรองเหมือนกับกำลังเรียกว่า…พี่ซื่อ!”
ทันทีที่พูดจบ สายตาทุกคนก็จับจ้องไปที่เจียงซื่อ
โหยวซื่อเตรียมใจว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรกแล้ว พอพูดจบจึงเบิกตาโพลงมองเจียงซื่ออย่างดุดัน “เจียงซื่อ ที่อี้เอ๋อร์จมน้ำเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่”
นางแค้นใจมากจริงๆ หากรู้แต่แรกว่านางสารเลวคนนี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ก็คงไม่มีความคิดนั้นผุดขึ้นมาหรอก เป็นตัวหายนะก็ควรจะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ใช่ถูกปล่อยออกมาเพ่นพ่านทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้
นายท่านซูยังถือว่านิ่ง เขาเอ่ยถามสาวรับใช้เสียงขรึม “เจ้าแน่ใจนะว่าได้ยินคุณชายรองเรียกเช่นนั้น” ภายใต้สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาทำให้สาวรับใช้กังวลมากเป็นพิเศษ พอได้ยินนายท่านซูถามเช่นนี้ ความลังเลอันน้อยนิดที่ผุดขึ้นมาก็มลายสิ้น พลันพยักหน้าลงอย่างแรง “[jk;ได้ยินชัดเจนเจ้าค่ะ คุณชายรองตะโกนเรียกว่าพี่ซื่อ!”
“นางสารเลว เอาชีวิตอี้เอ๋อร์คืนมานะ!” โหยวซื่อตะเบ็งเสียงลั่น พลางพุ่งเข้ามาหาเจียงซื่อ
เจียงอีแทรกตัวเข้ามาขวางโหยวซื่อที่ด้านหน้าเจียงซื่อ “ป้าสะใภ้ใหญ่ น้องข้าไม่ทำร้ายใคร นางไม่อาจทำร้ายน้องรองได้เจ้าค่ะ!”
“หลีกไปให้พ้น!” โหยวซื่อออกแรงผลักเจียงอีออก เจียงอีเซถลาออกไป
มีมือเข้ามาประคองที่ด้านหลังเจียงอีไว้ น้ำเสียงเรียบเฉยของเด็กสาวดังขึ้น “ไม่ว่าอย่างไรก็ตามป้าสะใภ้ใหญ่เป็นถึงซื่อจื่อฮูหยินแห่งจวนอี๋หนิงโหว จัดการดูแลจวนมาก็หลายปี มีความรู้กว้างขวาง ทว่าวันนี้เพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคของสาวรับใช้ เหตุใดถึงตะโกนว่าจะเอาชีวิตหลานสาวเฉกเช่นกับเป็นสตรีปากคอเราะร้ายเช่นนี้ ไม่รู้สึกว่าลืมฐานะและตำแหน่งของตนไปหรือ”
เจียงซื่อส่งสายตาบอกใบ้ให้อาหมานดูแลเจียงอีให้ดี ทว่ากลับมองโหยวซื่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว โหยวซื่อก็ยิ่งโกรธ ขนาดร้องไห้ยังคงตะโกนไปด้วย “ฐานะงั้นหรือ ตอนนี้ฐานะของข้าก็คือแม่คนหนึ่งที่สูญเสีญลูกชายไป ข้าไม่สนใจศักดิ์ศรีหน้าตาอะไรทั้งนั้น ข้าต้องการเพียงแค่ให้คนที่ทำร้ายลูกชายข้าชดใช้ด้วยชีวิต!”
พูดไปก็ง้างมือไปที่เจียงซื่อ
“หยุดนะ!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่นออกมาด้วยความโกรธ
เจียงจั้นคว้าข้อมือโหยวซื่อไว้ สีหน้าโกรธเกรี้ยว “ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเป็นใคร หากท่านกล้าลงมือกับน้องสาวข้าก็ลองดู” เจียงจั้นโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว ถ้าเขามาช้าไปหนึ่งห้าว ไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้าลงมือกับน้องสาวเขา
โหยวซื่อถูกจับไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “เจียงจั้น เจ้ารู้จักมารยาทบ้างหรือไม่”
เจียงจั้นแค่นเสียงหัวเราะ “เวลานี้ถามข้าว่ามีมารยาทหรือไม่งั้นหรือ แล้วท่านที่เป็นถึงป้าสะใภ้ เรื่องยังไม่ทันกระจ่างแจ้งก็จะลงไม้ลงมือกับหลานสาวของตระกูลฝั่งสามี เหตุใดถึงกล้าพูดถึงเรื่องมารยาทอีก”
อาหมานที่ประคองเจียงอี ปากอ้าตาค้างไปเลยทีเดียว
ไม่คิดเลยว่า คุณชายรองจะน่าเกรงขามถึงเพียงนี้!
“นายท่าน!” โหยวซื่อร้องไห้พลางหันไปมองนายท่านซู
นายท่านซูเอ่ยเสียงขรึม “ใช่ ควรจะถามให้แน่ชัดก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
โหยวซื่อมั่นใจไปแล้วว่าเจียงซื่อเป็นคนทำร้ายลูกชายคนรอง พอได้ยินนายท่านซูพูดเช่นนี้จึงไม่พอใจอย่างยิ่ง
ซูชิงซวงประคองโหยวซื่อ “ท่านแม่ ข้าว่าถามให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากันดีไหมเจ้าคะ ข้ารู้สึกว่าน้องซื่อไม่ได้ทำร้ายน้องรอง…”
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไรกัน!” โหยวซื่อเอ่ยเชิงตำหนิ
ซูชิงซวงเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ
นางคิดไม่ออกเลยว่าทำไมจู่ๆ น้องรองถึงจมน้ำ และยิ่งคิดไม่ออกเลยว่ามันเกี่ยวข้องกับน้องซื่อได้อย่างไร
นายท่านซูจ้องไปที่เจียงซื่อ สีหน้าสุขุมนุ่มลึกดั่งสายน้ำ “ซื่อเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้เจ้าได้พบกับอี้เอ๋อร์หรือไม่”
เจียงซื่อกำลังจะเอ่ยปากพูด ทว่ามีเสียงพูดแทรกเข้ามา “ช้าก่อน”
เจียงอันเฉิงสาวเท้าก้าวเขามาอยู่ข้างเจียงซื่อ พลางดึงนางไปไว้ข้างหลัง แล้วจ้องตานายท่านซูอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ “พี่เขยกำลังไต่สวนลูกสาวข้าอยู่หรือ”
“น้องเขยพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าเป็นลุงแท้ๆ ของเจียงซื่อ ข้าไม่ได้กำลังไต่สวนนาง ข้าเพียงแค่ถามไถ่เรื่องราวเท่านั้น”
เจียงอันเฉิงทำหน้าขรึม ไม่ยอมโอนอ่อนให้นายท่านซู “ถามไถ่เรื่องราวคงคงไม่ใช่ธุระกงการของจวนโหว! พี่เขย หากพวกท่านรู้สึกว่าอี้เอ๋อร์ไม่ได้พลาดตกน้ำเอง อยากจะหาตัวฆาตกรล่ะก็ แจ้งความเถอะ!”
แจ้งความงั้นหรือ
ผู้คนได้ยิน ต่างก็ตกตะลึงกันยกใหญ่
เป็นธรรมดาที่จะไม่ยอมติดต่อคบค้าสมาคมกับทางการ หนึ่งก็เพราะมันยุ่งยาก สองก็เพราะมันน่าอาย
อย่างเช่นการจมน้ำตายของซูชิงอี้ หากทางตระกูลไม่มีผู้ใดแจ้งความ ทางการก็คงไม่ส่งคนเข้ามาตรวจสอบโดยพลการหรอก
เมื่อเห็นนายท่านซูเงียบไปครู่หนึ่ง เจียงอันเฉิงขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเรียบ “การตายของอี้เอ๋อร์มีความเป็นไปได้แค่สองทาง หนึ่งคือพลาดตกลงไปจมน้ำเอง สองคือมีคนผลักลงไป หากเป็นอย่างแรกก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับซื่อเอ๋อร์ทั้งสิ้น การที่พี่เขยซักถามซื่อเอ๋อร์เช่นนี้มันช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก แต่หากเป็นอย่างที่สอง ในฐานะที่เป็นพ่อกับแม่ พวกท่านไม่อยากหาตัวคนร้ายให้เจอเพื่อแก้แค้นให้กับลูกหรือ”
คำพูดของเจียงอันเฉิงทำให้นายท่านซูลังเลใจขึ้นมา
“แจ้งความ!” อี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ท่านแม่(เหล่าฮูหยิน)…” เสียงผู้คนดังอื้ออึง
อี๋หนิงโหวเป็นคนไม่สนใจเรื่องอะไร เมื่อได้ยินเหล่าฮูหยินพูดเช่นนี้ จึงเอ่ยเสริมออกไป “ถ้างั้นก็แจ้งความเถอะ”
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องให้ทางการเข้ามายุ่งเกี่ยวหรอก” นายท่านซูพูดไป พลางชำเลืองมองเจียงซื่อ
เขาไม่เข้าใจว่าเจียงอันเฉิงเอาความมั่นใจมาจากไหน หากให้ทางการเข้ามาตรวจสอบเรื่องระหว่างหลานสาวกับลูกคนรองว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองจวนก็ต้องอับอายขายหน้า
แม้เจียงอันเฉิงจะไม่ใช่คนที่มีความคิดละเอียดอ่อน แต่ว่าเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวเขากลับตื่นตัวเป็นพิเศษ เช่นนั้นเพียงแค่เห็นท่าทีของนายท่านซูทำเช่นนี้จึงโกรธขึ้นมาทันที
ไม่ว่าจะพูดอย่าไรก็ตาม พวกเขากำลังสงสัยซื่อเอ๋อร์! นี่เป็นเหตุผลที่เขายืนหยัดว่าให้แจ้งความ เขาเชื่อว่าลูกสาวตัวเองบริสุทธิ์ และเชื่อในความสามารถของเจินซื่อเฉิงผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนคร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การเลือกให้ทางการเข้ามาจึงเป็นตัวเลือกที่ฉลาดที่สุด ไม่ว่าอย่างไรมันก็คงดีกว่าการที่ลูกสาวต้องตกเป็นนักโทษโดนซักถามไปมาท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายเช่นนี้
“หากพี่เขยรู้สึกว่าไม่จำเป็น ผู้อื่นก็ไม่ควรพูดให้มากความ แต่ถ้าพวกท่านจะจับลูกสาวข้าไปซักถามไปมาเช่นนี้ ข้าไม่ยอมหรอก!”
โหยวซื่อโกรธแล้ว “นายท่านปั๋ว ลูกสาวท่านเป็นสิ่งล้ำค่า ส่วนลูกชายของข้าเป็นเศษกระเบื้องงั้นหรือ”
เจียงอันเฉิงรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีของโหยวซื่อที่ปฏิบัติต่อลูกสาวมาแต่แรกแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “เช่นนั้นข้าจึงเสนอให้แจ้งความ หากทางการเป็นคนสอบสวนซื่อเอ๋อร์ ข้าไม่มีทางขัดขวางแน่”
“แจ้งก็แจ้งสิ!” ในใจโหยวซื่อชัดเจนแล้วว่าการตายของลูกคนรองเกี่ยวพันกับเจียงซื่อ เช่นนั้นจึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
นายท่านซูเห็นเช่นนี้จึงไม่ขัดขวางอีก
ขณะที่รอทางการมาถึง โหยวซื่อร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดอยู่รอบๆ ศพซูชิงอี้ ทว่าอี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินร่างกายไม่เอื้ออำนวย อี้หนิงโหวจึงพาเข้าห้องไปพักผ่อนแล้ว ส่วนนายท่านซูกลับมีท่าทีนิ่งสุขุมมาโดยตลอด
เจียงอันเฉิงสะกิดเจียงซื่อเบาๆ แล้วกระซิบพูด “มีพ่ออยู่ ไม่ต้องกลัว”
เจียงซื่อพยักหน้า “ข้าไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ”
รอไม่นาน เจินซื่อเฉิงก็เข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตรวจการชั้นผู้น้อยกลุ่มหนึ่ง นายท่านซูเข้าไปต้อนรับ พร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเศร้า “ลำบากใต้เท้าเจินแล้ว”
“ซูซื่อจื่ออย่าได้เศร้าไปเลย” สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดคุยกัน เจินซื่อเฉิงกับนายท่านซูทักทายกันเสร็จก็กวาดสายตามองไปที่ผู้คน เมื่อเห็นหน้าเจียงซื่อก็ถอนหายใจ
มีคดีเมื่อไหร่ก็ต้องเจอเด็กคนนี้ ช่างเป็นพรหมลิขิตจริงๆ เลย