ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 213 สาบาน
พอคิดว่าการตายของลูกคนรองอาจเกี่ยวข้องกับลูกสาวที่เกิดจากอนุ เปลือกตาที่ปิดสนิทของโหยวซื่อก็กระตุก หลังจากลืมตาขึ้นมาช้าๆ กลับไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ อีก
หากซูชิงเสวี่ยเป็นคนฆ่าลูกคนรอง เช่นนั้นนางจะให้นางสารเลวนี่ชดใช้ลูกชายของนางด้วยชีวิต และแน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้นางจะไม่พูดให้มากความ ถ้าซูชิงเสวี่ยสารภาพเรื่องที่นางบอกให้ไปทำ นางก็สามารถปฏิเสธได้
“ผ้าเช่นหน้าผืนนี้นอกจากวัสดุเนื้อผ้าแล้วก็ไม่มีลวดลายสัญลักษณ์อะไร เกรงว่าคงจะหาตัวเจ้าของได้ยาก” นายท่านซูขมวดคิ้วพูดขึ้น
อวี้จิ่นยิ้มออกมาบางๆ “ใครบอกว่าจะหาไม่เจอ”
สิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้ทุกคนตะลึง
เจียงซื่อมองไปที่เขาอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็มองสุนัขตัวโตที่อยู่ข้างกายเขา ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างคร่าวๆ
เจินซื่อเฉิงถามขึ้นอย่ารีบร้อน “ไม่ทราบว่ามีวิธีไหนที่จะหาเจ้าของผ้าเช็ดหน้าได้หรือ”
อวี้จิ่นลูบหัวเอ้อร์หนิว เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเรียบเฉย “เอ้อร์หนิว ไป!”
เอ้อร์หนิวดมผ้าเช็มหน้า สะบัดขน เดินย่างกรายเข้าไปท่ามกลางฝูงชน
เมื่อทุกคนเห็นสุขตัวใหญ่เดินตรงเข้ามา ก็เริ่มกังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“วางใจเถอะ มันไม่กัดคน”
เอ้อร์หนิวก้าวไปพลางสะบัดหางไป เจ้านายพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว มันหมดปัญญาแล้วจริงๆ
ผู้คนที่ไม่รู้ความในใจของมันกลับถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเงียบๆ
เอ้อร์หนิวใช้จมูกดมแต่ละคนที่เดินผ่าน จู่ๆ ก็หันมาทางซูชิงเสวี่ย ซูชิงเสวี่ยกรีดร้องออกมา ชักเท้าวิ่งหนี เอ้อร์หนิวกระโจนไปข้างหน้า ทำให้ซูชิงเสวี่ยล้มลงไปกับพื้น
ซูชิงเสวี่ยอารมณ์แตกกระเจิงขึ้นมาชั่วพริบตา พลางกรีดร้องลั่น
เอ้อร์หนิวใช้อุ้งเท้าข้างหนึ่งกดไว้ที่ไหล่ของนาง แล้วหันไปมองอวี้จิ่น
“กลับมา” อวี้จิ่นเรียกเอ้อร์หนิวกลับไป ตบหลังมันเบาๆ ด้วยความพอใจ แล้วเอ่ยชม “ทำดีมาก”
เอ้อร์หนิวส่ายหางไปมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง นี่มันมีอะไรให้น่าชื่นชมกัน เรื่องง่ายๆ เช่นนี้ใครก็ทำได้
“ใต้เท้า สุนัขของข้าหาเจ้าของผ้าเช็ดหน้าเจอแล้ว”
คำพูดของทำให้ผู้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ตื่นขึ้น เริ่มมีสีหน้าต่างๆ ที่มองซูชิงเสวี่ยปรากฏขึ้นตามๆ กัน
เจินซื่อเฉิงท่าทางไม่สะทกสะท้าน พลางลูกเคราแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าสตรีท่านนี้มีนามว่าอันใด”
ซูชิงเสวี่ยถูกคนพยุงขึ้นแล้ว ทว่าเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่พูดไม่จา
นายท่านซูชำเลืองมองนาง แล้วตอบกลับ “นางเป็นลูสาวคนรองของข้า”
เจินซื่อเฉิงพยักหน้า “ที่แท้ก็คือคุณหนูซูเอ้อร์ ไม่ทราบว่า คุณหนูซูเอ้อร์อธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเหตุใดผ้าเช็ดหน้าของเจ้าถึงได้ปรากฏอยู่ในศาลา”
ซูชิงเสวี่ยยังคงอยู่ในท่วงท่าที่ตกใจ นางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“ใต้เท้าเจินให้อภัยข้าด้วยที่ข้าตกใจ” นายท่านซูชำเลืองมองเอ้อร์หนิวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “สุนัขเพียงตัวเดียวจะยืนยันเจ้าของผ้าเช็ดหน้าได้อย่างไร นี่มันเรื่องหลอกเด็กชัดๆ”
อวี้จิ่นถามกลับอย่างไม่แยแส “ซูซื่อจื่อคิดว่าจมูกของคนเราดีกว่าสุนัขงั้นหรือ”
นายท่านซูพูดไม่ออกราวกับเป็นใบ้ แล้วพาลโกรธเอาดื้อๆ “ใต้เท้าเจิน ลูกน้องท่านคนนี้ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!”
เจินซื่อเฉิงฉีกยิ้มสุขุมออกมา “คนอายุน้อยตั้งใจเพื่อไขดี ซูซื่อจื่อน่าจะเข้าใจ”
ไร้มารยาท? หากท่านรู้ตัวตนของเด็กชายผู้นี้ ก็จะรู้ว่าอะไรกันแน่ถึงจะเรียกว่าไร้มารยาท
“คุณหนูซูเอ้อร์ กรุณาตอบคำถามข้าด้วย!” จู่ๆ เจินซื่อเฉิงก็ทำหน้าขรึมลง
ซูชิงเสวี่ยหน้าซีดไร้ซึ่งเลือดฝาด ขาอ่อนยวบจนลงไปกองกับพื้น
“คุณหนูรอง!” สาวรับใช้ที่ประคองนางตะโกนออกมา
ซูชิงเสวี่ยอาศัยสาวรับใช้พยุงถึงได้มีแรงฝืนยืนขึ้นมา ทั่วทั้งร่างสั่นเทิ้มไม่หยุดราวกับต้นไม้แห้งที่ถูกลมพัด
นายท่านซูเห็นสีหน้าหวาดกลัวของลูกสาวก็นิ่งสุมขุมลงเล็กน้อย “ใต้เท้าถามเจ้า เจ้าก็ตอบออกไปตามความจริงสิ!”
ซูชิงเสวี่ยตัวสั่นขึ้นมาทันที แล้วร้องไห้ปานจะขาดใจพลางเอ่ยขึ้น “ที่จริง ที่จริงข้าเห็นคนลอยอยู่ทะเลสาบ…”
พอนางพูดเช่นนี้ออกมา ซูชิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ ก็หน้าซีดขึ้นมาทันที ร่างกายพลันโอนเอนไปมา
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” นายท่านซูสีหน้านิ่งสุขุมราวกับสายน้ำไหล
โหยวซื่อไม่พูดไม่จา ทว่าสายตากลับเยือกเย็นราวกับงูพิษ
ซูชิงเสวี่ยหดตัวลง ประสานมือไว้แน่น “เดิมข้าเล่นอยู่ที่ทางตะวันออกของสวน ทว่าไม่ทันระวังทำชุดเปื้อน จึงเรียกน้องสามไปส่งข้ากลับไปเปลี่ยนชุด ขณะที่เดินผ่านทะเลสาบจวีสยากลับพบว่า…พบว่ามีคนผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในทะเลสาบ…”
ซูชิงเสวี่ยยิ่งพูดสีหน้าก็ยิ่งดูหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ “ตอนนั้นข้ากับน้องสามตกใจมาก ยังไม่ทันได้ดูให้แน่ชัดว่าในทะเลสาบเป็นผู้ใดก็วิ่งกระเจิดกระเจิงกันไปไกลแล้ว ผ่านไปไม่นานก็ได้ยินว่าพี่รองจมน้ำ…ฮือฮือฮือ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเพิกเฉยไม่ช่วยเหลือนะ แต่ว่าตอนนั้นข้ากลัวมากจริงๆ…”
นายท่านซูมองไปที่ซูชิงอวี่ ซูชิงอวี่รีบพยักหน้าเสริม
โหยวซื่อจ้องลูกสาวทั้งสองคนเขม็ง ในใจรู้สึกสับสนปนเป
หากพูดเช่นนี้แสดงว่าหลังจากซูชิงเสวี่ยโน้มน้าวให้อี้เอ๋อร์ไปขวางเจียงซื่อเสร็จ ก็ออกไปพาซูชิงอวี่มาเป็นพยาน แต่พอพวกนางกลับมาอี้เอ๋อร์ก็จมน้ำแล้ว?
ด้วยเวลาที่สั้นขนาดนั้น หากฆาตกรไม่ใช่เจียงซื่อ หรืออี้เอ๋อร์จะพลาดตกน้ำเองจริงๆ
“เช่นนั้น แม่นางทั้งสองเจอคนลอยอยู่ในน้ำพร้อมกันใช่หรือไม่” เจินซื่อเฉิงถาม
ซูชิงเสวี่ยกับซูชิงอวี่สบตา แล้วพยักหน้าลงพร้อมกัน
อวี้จิ่นชูผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมาโดยไม่แยแส พลางเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเรียบเฉย “หากเป็นเช่นนั้นจะอธิบายเรื่องผ้าเช็ดหน้าของเจ้าที่ปรากฏอยู่ในศาลาว่าอย่างไร”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า” ซูชิงเสวี่ยตะเบ็งเสียงลั่นอย่างหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาไหลพรากลงมาราวกับน้ำฝน “ข้ากับน้องสามเดินผ่านทางนั้นไปด้วยกัน บางทีตอนที่วิ่งอาจจะรีบร้อนทำผ้าเช็ดหน้าตก ประจวบเหมาะกับมีลมพัดผ่านมันก็เลยไปตกอยู่ที่ศาลาเฉาหยาง อาศัยแค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวก็ยืนยันได้แล้วหรือว่าข้ากับพี่รองเคยอยู่ด้วยกัน อีกอย่าง ข้ามีเหตุอันใดที่จะไปทำร้ายพี่รอง”
คำถามที่ซูชิงเสวี่ยถามกลับทำเอาทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ
ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณหนูรองไม่มีเหตุผลที่จะไปทำร้ายคุณชายรองจริงๆ ด้วย แถมยังมีคุณหนูสามอยู่ด้วย แม่นางทั้งสองคงไม่จับมือกันฆ่าคุณชายรองหรอก
นายท่านซูโล่งใจ ถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้น “บางที่อี้เอ๋อร์อาจจะพลาดตกน้ำเองจริงๆ”
เวลานี้ เขายอมให้ลูกคนรองตายเพราะพลาดตกน้ำเอง มิเช่นนั้นไม่ว่าฆาตกรจะเป็นหลานสาวหรือลูกสาว หากมันแพร่งพรายออกไปคงเป็นเรื่องน่าขันจนไม่รู้จะโผล่หน้าออกไปได้อย่างไร
บนโลกนี้มักมีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราจึงควรให้อภัยกันให้มาก
จู่ๆ อวี้จิ่นก็แค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วมองซูชิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เยือกเย็น “บังเอิญ? เจ้าเห็นคนอื่นโง่หรือ บนโลกนี้จะมีอะไรบังเอิญมากขนาดนั้น ผ้าเช็ดหน้าของเจ้าปรากฏขึ้นในศาลาที่ผู้ตายอยู่ เท่านี้มันก็เพียงพอที่จะอธิบายได้แล้วว่าเจ้าเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด มิเช่นนั้นเหตุใดถึงเป็นผ้าเช็ดหน้าของเจ้าไม่ใช่ผู้อื่นล่ะ คุณหนูซูเอ้อร์ เจ้าอย่าได้เอ่ยคำหวานที่เชื่อถือไม่ได้เลย”
ซูชิงเสวี่ยอดที่จะโต้เถียงกลับไม่ได้ “พี่ซื่อยังปรากฏตัวขึ้นที่ริมทะเลสาบเลย หากว่ากันตามที่เจ้าพูด นางต่างหากที่น่าสงสัยที่สุด!”
อวี้จิ่นหุบยิ้มลงทันที สีหน้าเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง “คนเราสามารถโกหกได้ ทว่าสิ่งของทำไม่ได้ เช่นนั้นหลักฐานมันน่าเชื่อถือกว่าตัวบุคคลอยู่แล้ว เหตุผลนี้ใช้ได้หรือไม่ใต้เท้าเจิน”
เจินซื่อเฉิงมองอวี้จิ่นด้วยความประหลาดใจและทึ่งในสายตา พลันพยักหน้าเอ่ยขึ้น “มีเหตุผล”
แม้คดีความจะเหมารวมเป็นอย่างเดียวกันทั้งหมดไม่ได้ แต่พยานบุคคลมีการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าจริงๆ
“ว่าแล้ว เจ้าก็ไม่มีหลักฐาน ยังไงข้าก็ไม่ใช่คนฆ่าพี่รอง ข้าสาบานต่อหน้าฟ้าดินได้!” จู่ๆ ซูชิงเสวี่ยก็ยกมือขึ้น ตะโกนลั่น “สวรรค์ทรงโปรด ข้าสาบานว่าข้าไม่ได้ฆ่าพี่รอง หากข้าโกหก ขอให้ฟ้าผ่าข้า!”