ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 223 วางเพลิง
เนื่องจากดื่มไปไม่น้อย สัมผัสทั้งห้าและปฏิกิริยาในการตอบสนองถึงได้เชื่องช้า ในชั่วขณะนั้นเจียงจั้นจึงยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเขาเริ่มได้สติ ไม่ต้องรอให้ความคิดแล่นผ่านสมอง กำปั้นของเจียงจั้นก็ต่อยเข้าที่ใบหน้าของหยางเซิ่งไฉทันที
เจียงจั้นที่มึนเมาด้วยฤทธิ์สุราเผลอลืมสถานะของอีกฝ่ายไปชั่วขณะ หมัดนั้นจึงมิได้ยั้งเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่หมัดประทับลงบนใบหน้านั้น หยางเซิ่งไฉก็ร้องโอดครวญเสียงดัง มีโลหิตสีแดงเข้มไหลออกจากจมูก
เลือดอุ่นกระเซ็นเปื้อนบนใบหน้าและตามเนื้อตัวของเจียงจั้น
เจียงจั้นยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง แค่คิดว่าเลือดนี้พุ่งออกมาจากจมูกก็รู้สึกพะอืดพะอมทันที เขาจึงอ้าปากและอาเจียนรดหยางเซิ่งไฉ
หยางเซิ่งไฉไม่ได้ดื่มมากนัก เพราะเขาต้องรักษาความตื่นตัวเอาไว้เพื่อจะได้ทำเรื่องสนุกกับชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า
สติสัมปชัญญะที่ยังครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้เขามิอาจทนกับกองอ้วกของอีกฝ่ายได้ หยางเซิ่งไฉโยนความปรารถนาในตัวอีกฝ่ายออกไปแทบจะทันที และตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้ายืนอึ้งอะไรกัน ไฉนถึงยังไม่มาเอาตัวไอ้คนโง่นี่ไปทุบให้ตายอีก!”
ชุยอี้ขว้างจอกสุราลงที่พื้น เช็ดปากพลางเอ่ยเย้ยหยันว่า “ควรทำเช่นนี้เสียตั้งนานแล้ว ต้องมานั่งพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับคนอย่างมัน ช่างสะอิดสะเอียนเสียจริง!”
หลายคนเข้าไปรุมล้อมเจียงจั้น พลางขว้างสิ่งของที่อยู่ใกล้มือไปที่หน้าของเจียงจั้น
บรรดาเด็กหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบค้อมตัววิ่งออกไปจากโถงกลางทันที เพราะเกรงว่าตนเองจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องวุ่นๆ ในนั้น
บรรดาคุณชายมีเรื่องวิวาทกัน พวกเขาไม่อาจหาญเข้าไปแทรกแซง แม้แต่การยืนดูอยู่ห่างๆ ก็ยังมิควร ในความเป็นจริงแล้ว ตามสถานที่ผลาญเงินผลาญทองเช่นนี้มีเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดจากความริษยาเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ
เจียงซื่อยืนอยู่ในมุมเล็กๆ ไม่ว่าเหล่าบุรุษหนุ่มที่กำลังหาเรื่องทะเลาะวิวาทหรือเหล่าเด็กหนุ่มที่กำลังถอยหนีล้วนไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็นนาง
ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ นางกลับมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ในคืนนี้เมื่อชาติที่แล้ว พี่รองถูกคนพวกนี้รุมซ้อม และสุดท้ายก็ถูกโยนทิ้งลงแม่น้ำจินสุ่ยงั้นหรือ
เจียงซื่อมิได้รีบร้อนเข้าไปช่วยเจียงจั้น
อันดับแรกเพราะพี่ชายของนางหนังหนา การถูกทุบตีจึงมิใช่เรื่องใหญ่อะไร และที่สำคัญกว่านั้นคือนางอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้
ในสถานการณ์ปกติ เจียงจั้นสามารถจัดการกับคนได้สองถึงสามคน แต่เนื่องจากในตอนนี้เขาเมาด้วยฤทธิ์สุรา หลังจากหลบหมัดของชุยอี้ เท้าของเขาก็ลื่นจนร่างกายท่อนบนเซไปกองอยู่บนโต๊ะ
ถ้วยชามหล่นกระจายลงบนพื้น กลิ่นสุราลอยตลบอบอวล
บุรุษหนุ่มสองคนเข้ามาจับแขนซ้ายขวาของเจียงจั้น เพื่อไม่ให้เขาหนีไปไหน
แววตาชุยอี้ไร้ซึ่งความปรานี เขายกเก้าอี้ขึ้นเตรียมจะทุ่มใส่เจียงจั้น
หิ่งห้อยมายากำลังโบยบินออกจากฝ่ามือของเจียงซื่อ แต่ทันใดนั้นหยางเซิ่งไฉกลับตะโกนเสียงดัง “ช้าก่อน!”
เจียงซื่อหันไปมองหยางเซิ่งไฉ
หรือว่าจู่ๆ ก็รู้จักผิดชอบชั่วดีขึ้นมา?
แม้ว่านางจะตัดสินใจแต่แรกว่าจะไม่ปล่อยทั้งสี่ไป ทว่าขั้นตอนการลงโทษก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาทำ
ชุยอี้วางเก้าอี้ในมือลง พลางหันไปมองหยางเซิ่งไฉอย่างหงุดหงิดใจ “คงมิใช่อย่างที่ข้าคิดหรอกกระมัง จนถึงตอนนี้เจ้ายังมีแผนจะทำอะไรมันอีกหรือ”
เขากับหยางเซิ่งไฉแตกต่างกัน เขามิได้ชมชอบบุรุษเพศ การมาคลุกคลีอยู่ด้วยก็เพียงเพราะรักสนุก เขามองเพียงว่าเจียงจั้นหน้าตาหล่อเหลา ส่วนเรื่องนิสัยแล้ว เขารู้สึกรังเกียจเป็นที่สุด หากมิได้เห็นแก่หน้าของหยางเซิ่งไฉ เขาก็คงไม่มีทางมาร่วมโต๊ะเป็นแน่
“มีแผน?” หยางเซิ่งไฉลูบหน้าตนเอง กลิ่นสุราผสมคลุกเคล้าเข้ากับกลิ่นคลุ้งของอาหารทำให้เขาถึงกับกลอกตา ความเกลียดชังที่มีต่อเจียงจั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาถูกเลี้ยงดูปรนเปรอมาอย่างสุขสบาย ไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์น่าขายหน้าเช่นนี้ ฉะนั้นวันนี้เขาไม่มีทางปล่อยไอ้คนชั่วนี่ไปอย่างแน่นอน!
หยางเซิ่งไฉฉายแววโหดเหี้ยม “จะต่อยเขาทำไมกัน อย่างไรเสียเขาก็เป็นคุณชายจวนปั๋ว หากเกิดเรื่องจนได้รับบาดเจ็บ พวกเราจะเอาตัวไม่รอด”
ชุยอี้บุ้ยปาก “แล้วอย่างไร จวนปั๋วหรือจะกล้าแข็งข้อกับพวกเรา”
หยางเซิ่งไฉเยาะเย้ย “ทำให้เรื่องง่ายเข้าไว้ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ!”
“เช่นนั้นพวกเราควรจัดการกับมันอย่างไร” เมื่อหันไปมองเจียงจั้นที่ดิ้นพล่านอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของชุยอี้ก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หยางเซิ่งไฉหันหน้าออกไปมองด้านนอกหน้าต่าง
หน้าต่างในโถงล้วนเปิดกว้าง เผยให้เห็นแม่น้ำด้านนอกที่ทอแสงเป็นประกาย
ในขณะนั้นดวงจันทราลอยขึ้นสูงลิบ ทั่วทั้งนภามืดมิด แต่ทว่าโคมแดงที่พริ้วไหวตามลมและประกายไฟหลากสีกลับสะท้อนผิวน้ำทำให้สว่างไสวงดงามเสียยิ่งกว่าเวลากลางวัน
แต่ในสายตาของเจียงซื่อ ผิวน้ำที่ขยับเขยื้อนอยู่ตลอดเวลานี้เปรียบเสมือนกระจกเงาปีศาจก็ไม่ปาน เพราะสามารถกลืนกินสิ่งที่มนุษย์หวงแหนได้ทุกเมื่อ
หยางเซิ่งไฉเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “โยนลงไปก็เป็นอันจบเรื่อง”
ชุยอี้เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าหยางเซิ่งไฉจะกล้าคร่าชีวิตเจียงจั้น
บุรุษหนุ่มอีกสองคนที่คุมตัวเจียงจั้นอยู่ก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
ชุยอี้เลียริมฝีปากตัวเอง “พี่หยาง คงไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเอาชีวิตหรอกกระมัง แค่สอนบทเรียนก็น่าจะเพียงพอ”
หยางเซิ่งไฉหันไปมองบุรุษหนุ่มอีกสองคน “พวกเจ้าก็คิดเช่นนั้น?”
ทั้งคู่เผลอพยักหน้ารับ
พวกเขามีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ จึงกล้ารังแกข่มเหงเหล่าชายหญิงมานับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นการทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตกลับมีเพียงไม่กี่ครั้ง แล้วยิ่งเป็นคุณชายจวนปั๋วแล้วก็ยิ่งไม่เคยเลยสักครั้ง
“กลัวรึ” หยางเซิ่งไฉกวาดตามองทั้งสามคนพลางเบ้ปาก “ก็รู้แหละว่าถึงเวลาเอาเข้าจริงพวกเจ้าก็ตาขาว!”
เหล่าคุณชายสำรวยในวัยนี้ย่อมพ่ายแพ้ต่อการยุแหย่ ทั้งสามจึงโพล่งออกไปด้วยความเดือดดาล “ใครตาขาวกัน!”
หยางเซิ่งไฉผลักบุรุษหนุ่มทั้งสองออกไป และคว้าเจียงจั้นจากด้านหลัง
ความมึนเมาของเจียงจั้นหนักกว่าเก่าหลังจากถูกผลักให้เซไปมา เขาไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถึงขั้นไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาถึงตัว
เจียงซื่อเฝ้ามองหยางเซิ่งไฉผลักเจียงจั้นไปที่หน้าต่าง และจากนั้นก็ดันร่างเขาออกไป ทันทีที่เสียงตูมดังขึ้น ชุยอี้และอีกสองคนที่เหลือต่างก็ตะลึงตาค้างอยู่อย่างนั้น
แม้พวกเขาจะอวดดีแต่ก็ไม่คิดว่าหยางเซิ่งไฉจะกล้าทำ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็จัดการได้อย่างใสสะอาดแล้ว” หยางเซิ่งไฉปรบมือพลางบอก
“พี่หยาง ผลักลงไปแล้วจริงๆ งั้นหรือ”
“ทำไม เจ้ากลัวรึ”
ชุยอี้ถูมือตัวเอง “มีหลายคนเห็นว่าเจียงจั้นขึ้นเรือมาพร้อมพวกเรา หากมีคนพบศพเข้าจะให้บอกอย่างไร”
หยางเซิ่งไฉหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เห็นจะยาก ชั้นบนนาวาเป็นดาดฟ้า แค่บอกว่าพวกเราขึ้นไปเล่นบนดาดฟ้า แต่เพราะเจียงจั้นดื่มหนักจึงพลัดตกลงไป อย่างมากที่สุดก็เพราะพวกเรามิได้ลงไปช่วย ทว่าการตายของเขาจะเกี่ยวกับพวกเราได้อย่างไร พวกเราก็ไม่อาจเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลกเพียงเพื่อช่วยคนเมาคนหนึ่งจริงไหม พอถึงเวลานั้นก็แค่เจียดเศษเงินให้จวนตงผิงปั๋ว แล้วค่อยไปแสดงความโศกเศร้าเสียใจก็นับว่ามีเมตตาแล้ว”
ยิ่งหยางเซิ่งไฉกล่าวแสงในแววตาก็ยิ่งเป็นประกาย ราวกับว่าสิ่งที่ตกลงไปในน้ำมิใช่มนุษย์ แต่เป็นเพียงจอกสุราใบหนึ่งกับเศษอาหารจานหนึ่งเท่านั้น
จนแล้วจนรอดสายตาเย็นชาของเจียงซื่อยังคงจับจ้องไปที่หยางเซิ่งไฉ นางมิได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเจียงจั้น เนื่องจากกำชับเหล่าฉินเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าให้สังเกตความเคลื่อนไหวบนนาวาใหญ่ให้ดี หากเห็นพี่ชายของนางตกน้ำลงไปเมื่อไหร่ก็ให้เข้าไปช่วยทันที
นางเพียงต้องการทราบความจริงอันซับซ้อนที่ถูกฝังกลบเมื่อชาติที่แล้ว อยากรู้ว่าพี่ชายถูกคนพวกนี้เข่นฆ่าอย่างไร
ในตอนนี้ สิ่งที่ควรทราบก็ได้ทราบหมดแล้ว นางรู้ว่าควรทำเช่นไร
เจียงซื่อหยิบน้ำมันที่เตรียมไว้ราดลงบนพื้น จากนั้นก็ผลักไหสุราที่พื้นจนของเหลวในนั้นไหลออกมา สุราและน้ำมันผสมกันและกระจายแผ่เป็นวงกว้าง
ในขณะนั้นหยางเซิ่งไฉและคนอื่นๆ เริ่มสังเกตเห็นเด็กหนุ่มที่ยังอยู่ตรงนั้น
“เจ้าทำอะไรน่ะ”
เจียงซื่อยิ้มและโยนเทียนที่ติดไฟลงบนพื้น
ทำอะไรน่ะหรือ ก็วางเพลิงฆ่าคนอย่างไรล่ะ