ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 25 ขุดหลุมทิ้งไว้
เอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อรีบร้อนออกจากเรือนหยาซินด้วยความสงสัย สายตากวาดมองไปทางเจียงซื่อรอบหนึ่ง
แม้เวลานี้ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิทนัก แต่แสงโคมในห้องก็ยังส่องไม่ชัดเจน
หญิงสาวสบตา ยิ้มมุมปาก ฉับพลันห้องก็สว่างไสวขึ้นมาทันที
เซียวซื่อรู้สึกรสขมเปรี้ยวขึ้นมาในอก
เหตุผลที่ลูกสาวของนางแต่งเข้าจวนโหวได้ เป็นเพราะตำแหน่งเซ่าชิงในศูนย์พิทักษ์อาชาของบิดานาง ดีกว่าพวกมียศถาบรรดาศักดิ์แต่ไร้ซึ่งอำนาจอย่างแท้จริง
จวนฉังซิงโหวแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยให้ความสำคัญฐานะคุณหนูแห่งจวนปั๋วของลูกสาวนาง แต่เป็นเพราะฐานะของนายท่านรองจวนปั๋วต่างหากที่ดึงดูดใจจวนโหว
แต่กระนั้นเซียวซื่อก็ยังรู้สึกเสียดาย
สองปีก่อนลู่อ๋องหรือองค์ชายห้าของฮ่องเต้คนปัจจุบันเลือกชายา สุดท้ายเลือกชายาที่มีเบื้องหลังฐานะทางบ้านไม่ได้โดนเด่นอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ได้ไม่ดูแย่อะไร
ตอนนั้นเชี่ยนเอ๋อร์ก็ได้เข้าคัดเลือกชายาด้วยเช่นกัน หากเชี่ยนเอ๋อร์มีฐานะเช่นเดียวกับเจียงซื่อด้วยแล้ว ไม่แน่ว่าป่านนี้ชายาของลู่อ๋องก็คือเชี่ยนเอ๋อร์แล้วก็ได้
ต่อให้จวนฉังซิงโหวดีอย่างไร ก็ไม่สู้ตำแหน่งชายาของท่านอ๋อง
แน่นอนว่าเซียวซื่อได้แต่คิดอยู่ในใจ
งานแต่งของเจียงเชี่ยนก็จัดยิ่งใหญ่อยู่ไม่น้อย หากคนนอกรู้เข้าว่านางเสียดายที่ให้เจียงเชี่ยนออกเรือนไปจวนฉังซิงโหวล่ะก็ จะต้องถูกนินทาอย่างแน่นอน
“เหล่าฮูหยินยังไม่พักผ่อนอีกหรือเจ้าคะ” เซียวซื่อยิ้มกล่าวทักทายเฝิงเหล่าฮูหยิน
เจียงซื่อยอบกายทักทาย “ท่านอาสะใภ้รอง”
“คุณหนูสี่มาน้อททายเหล่าฮูหยินหรือ” เซียวซื่อแสดงท่าทางเมตตาอ่อนโยน “ลี่เอ๋อร์กับเพ่ยเอ๋อร์ควรเอาแบบอย่างคุณหนูสี่บ้างเสียแล้ว เด็กสองคนนั้นถูกข้าเลี้ยงจนเหลวไหลไม่รู้ความเลยสักนิด”
รอยยิ้มมุมปากของเจียงซื่อกระตุกวูบ
‘ลี่เอ๋อร์’ และ ‘เพ่ยเอ๋อร์’ ที่เซียวซื่อกล่าวถึง ก็คือคุณหนูห้าเจียงลี่ และคุณหนูหกเจียงเพ่ยนั่นเอง
เจียงลี่และเจียงเพ่ยเป็นลูกสาวของบ้านรอง แต่เซียวซื่อกลับพูดได้อย่างคล่องปากราวกับว่าทั้งสองเป็นลูกบ้านใหญ่ก็มิปาน
เฝิงเหล่าฮูหยินกระแอมขึ้น ใช้สายตามองไปทางโต๊ะอาหาร
เซียวซื่อตกใจพยายามข่มใจพูดขึ้น “นี่คือ…”
นางเพิ่งจะแอบสั่งการป้าหลิว แม่ครัวประจำจวนไปเมื่อช่วงเช้า ตกเย็นเจียงซื่อก็วิ่งแจ้นมาฟ้องเหล่าฮูหยินแล้วหรือ
เซียวซื่ออดตวัดสายตาไปมองเจียงซื่อไม่ได้
หญิงสาวหน้านิ่งยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย
เซียวซื่อไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
ในจวนนี้นางเป็นคนดูแลทั้งหมด เจียงซื่อไม่มีมารดาอบรมสั่งสอนปกป้อง ทั้งยังเพิ่งจะถูกยกเลิกงานแต่ง กลับกล้าทำเช่นนี้
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกตินางไม่ควรทำเช่นนี้
คิดว่ารอให้เจ้าเด็กนี่ลิ้มรสชาติความลำบากสักหลายๆ วันให้ผ่ายผอมลงสักหน่อย นางก็จะสั่งให้ป้าหลิวหยุดลงมือได้แล้ว
การแสดงออกของเซียวซื่อทำให้เจียงซื่อพอใจเป็นอย่างยิ่ง หญิงสาวยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ในชีวิตที่แล้วของนางเป็นคนใจร้อน และรักศักดิ์ศรีชื่อเสียงของตนเองมาก หากเซียวซื่อทำกับนางเช่นนี้แล้ว นางไม่มีทางไปบอกท่านพ่อหรือพี่รอง ไม่ต้องพูดถึงฟ้องท่านย่า เพียงแต่เฟ้นหาวิธีที่เอาคืนให้เหมาะสมถึงจะถูกที่สุด
แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าชื่อเสียงไม่ได้ทำให้นางอิ่มท้อง
“ท่านอาสะใภ้รองมาก็ดีแล้วเจ้าค่ะ จะได้รับทราบว่านี่คืออาหารมื้อเที่ยงและมื้อเย็นที่ส่งไปยังเรือนไห่ถัง” เจียงซื่อกล่าวเสียงเย็นชา
“อาหารนี้มีอะไรผิดปกติหรือ” เซียวซื่อทำท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราว
“กินไม่ลง” เจียงซื่อตอบตรงไปตรงมา “อาฝูกับอาสี่ลองชิมดูแล้ว หากท่านอาสะใภ้รองไม่เชื่อ ท่านก็ลองชิมด้วยตนเองสิเจ้าคะ”
เซียวซื่อหน้าเปลี่ยนสี “คุณหนูสี่กล่าวเช่นนี้ให้ข้าผู้เป็นสะใภ้ลำบากใจแย่แล้ว หากคุณหนูสี่ทานไม่ได้ก็บอกข้า ข้าจะได้ไปจัดการกับแม่ครัวแทนคุณหนูสี่ให้เอง”
“อาสะใภ้รองมีแผนจะจัดการกับแม่ครัวอย่างไรล่ะเจ้าคะ”เจียงซื่อกล่าวเสียงเรียบ “ข้าจำได้ว่าคนดูแลห้องครัวคือป้าหลิวใช่หรือไม่”
เมื่อครู่นี้สีหน้าของเซียวซื่อไม่สู้ดีนัก แต่ตอนนี้ปรับเข้าสู่ปกติแล้วถามกลับอย่างสนิทสนม “คุณหนูสี่อยากให้ข้าจัดการคนดูแลห้องครัวอย่างไรเล่า”
นางเป็นผู้ใหญ่ แต่กลับมีท่าทางนบนอบ หากเจียงซื่อแสดงท่าทีก้าวร้าวออกมาก็จะทำให้เฝิงเหล่าฮูหยินไม่พอใจเอาได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกบ่าวรับใช้ก็จะเอาไปนินทาต่อได้ว่าคุณหนูสี่อารมณ์ร้าย รังแกบ่าวรับใช้
เจียงซื่อชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ ตอบอย่างใจเย็น “หากกับข้าวออกมารสชาติแย่แค่จานเดียว จะเรียกว่าผิดพลาดก็พอเข้าใจได้ แต่กับข้าวสี่อย่างผิดพลาดหมดทั้ง อีกทั้งยังไม่มีใครกินลง อาหารทั้งมื้อมีปัญหานี่เป็นเพราะแม่ครัวยังหลับไม่ตื่นหรือเป็นเพราะอันใดกันเล่า”
ปากเจียงซื่อยิ้มแต่ตากลับไม่ยิ้มตาม พลางพูดกับเซียวซื่อ “หากสืบหาสาเหตุของความผิดพลาดนี้ไม่ได้ ข้าก็คงจะคิดว่าท่านอาสะใภ้รองได้ไปสั่งการอะไรไว้กับในครัวหรือไม่ ถึงได้ส่งอาหารเช่นนี้มาให้ข้า”
เซียวซื่อเก็บสีหน้าไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว “คุณหนูสี่ ท่านพูดเช่นนี้ ข้าผู้เป็นสะใภ้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าดูแลจวนนี้มาไม่ใช่แค่ปีสองปี ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรืออย่างไร”
“ท่านอาสะใภ้รองอย่าเพิ่งใจร้อนไป ข้าก็พูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าต้องหาสาเหตุให้ได้ หรือท่านอาสะใภ้รองเห็นข้าเป็นพวกไร้เหตุผล”
“แน่นอนว่าไม่ใช่…” เซียวซื่อพยายามรักษาสีหน้าต่อไป
เจียงซื่อโยนคำถามให้นางทีละคำถามอย่างใจเย็นโดย ทำให้เซียวซื่อผู้คุ้นเคยกับการพูดครั้งเดียวจบตกที่นั่งลำบาก
เจียงซื่อหน้านิ่งกล่าวต่อ “ในเมื่อท่านอาสะใภ้รองไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นก็เท่ากับว่าป้าหลิวแม่ครัวทำตัวกร่างรังแกข้าผู้ที่มารดาล่วงลับไปตั้งแต่ยังเด็ก ท่านอาสะใภ้รองคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้กับคนของท่านอย่างไรเล่า”
“ก็…” เซียวซื่อนิ่งไปอึดใจ “ในเมื่อป้าหลิวเสียรสมือในการทำอาหารไปแล้ว ก็ให้นางไปอยู่ที่ห้องเย็บปักก็แล้วกัน”
ป้าหลิวทำงานตามที่นางสั่ง ลงโทษให้นางไปอยู่ห้องเย็บปักก็ไม่ได้เป็นผลเสียอะไรมากนัก หากลงโทษหนักกว่านี้เท่ากับว่านางต้องทำร้ายคนที่ทำงานแทนนางไปเพิ่มขึ้นอีกคน
“บ่าวรับใช้ต่อยต่ำคนหนึ่งรังแกเจ้านาย ท่านอาสะใภ้รองเพียงงลงโทษให้ไปอยู่ที่ห้องเย็บปัก ท่านอาช่างเป็นคนจิตใจดีจริงๆ แต่ข้าอยากรู้ว่าหากคนที่ถูกรังแกเป็นพี่รอง ท่านอาสะใภ้รองจะลงโทษอย่างไร” เจียงซื่อถามต่ออย่างไม่เกรงใจ
เซียวซื่อคิดไม่ถึงว่าเจียงซื่อจะฉีกหน้านางเช่นนี้ ได้แต่กำมือแน่น “ป้าหลิวอยู่ห้องครัวมานาน หากแม้เปลี่ยนจากเจ้าเป็นพี่รองของเจ้าแล้วข้าก็จะทำเช่นนี้ เพราะอย่างไรเราไม่ควรหักหาญน้ำใจคนที่ทำงานมานานได้”
หึหึ แต่เชี่ยนเอ๋อร์ออกเรือนไปตั้งนานแล้วไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้กับนางได้เป็นแน่
เจียงซื่อเลิกคิ้วขึ้นถาม “ท่านอาสะใภ้รองพูดมาก็ถูก แม่ครัวที่ทำงานมานานไหนเลยจะเหลวไหลขึ้นมาได้โดยบังเอิญ ดูเหมือนว่าเป็นเพราะบ่าวรับใช้คิดกลั่นแกล้งเจ้านายแล้วเจ้าค่ะ”
เซียวซื่อยิ่งฟังหน้ายิ่งเปลี่ยนสี
หากไม่ใช่เพราะบ่าวรับใช้คิดกลั่นแกล้งเจ้านาย ก็หมายความว่าเป็นนางที่สั่งการน่ะสิ
เซียวซื่อสีหน้าไม่ค่อยดี เจียงซื่อหันไปยอบกายและกล่าวกับเฝิงเหล่าฮูหยินต่อ “ท่านย่าเจ้าคะ ท่านย่าเก่งกาจที่สุด หลานว่าขอคำชี้แนะจากท่านย่าดีหรือไม่ ว่าเหตุใดป้าหลิวถึงได้ตัวเหลวไหลเช่นนี้”
“จะด้วยเหตุอันใดอีกเล่า แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะบ่าวรับใช้คิดกลั่นแกล้งเจ้านาย” เซียวซื่อรีบกล่าวขึ้นอย่างใจร้อน รีบทิ้งหมากในมือตัวนี้ออกไป “คุณหนูสี่กล่าวได้ถูกต้อง บ่าวรับใช้คิดไม่ซื่อก็ขับนางออกจากจวนไปเสีย ให้นางไปอยู่จวนต่างเมืองนั่นเลยดีหรือไม่”
เจียงซื่อพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “ในเมื่อท่านอาสะใภ้รองพูดมาเช่นนี้ ข้าก็ไม่คิดอะไรมากแล้วเจ้าค่ะ อย่างน้อยป้าหลิวยังมีที่ให้ไป”
เซียวซื่อทำได้แต่เพียงแค่นเสียงอยู่ในใจ
คนที่ไม่เหลือทางหนีที่รอดให้คนอื่นไม่ใช่เจ้าเองหรือไง เจ้าเด็กสมควรตาย
เจียงซื่อหันกลับไปยอบกายคารวะเหล่าฮูหยิน “ท่านย่า หลานไม่รบกวนเวลาพักผ่อนท่านย่าแล้วเจ้าค่ะ”
นางพยักหน้าเบาๆ อาหมานกับอาเฉี่ยวก็จัดการเก็บอาหารบนโต๊ะจนสะอาดเรียบร้อย
เฝิงเหล่าฮูหยินเมื่อไม่ได้ยินเจียงซื่อเอ่ยถึงสินเดิมอีกก็รีบพยักหน้าให้กลับไป “ไปเถอะ”
เจียงซื่อรีบเดินออกไปจนถึงประตู แต่ดูเหมือนว่าคิดอะไรออกมาได้จึงหันกลับไปพูดขึ้น “วันนี้พี่รองกลับมา ได้ยินว่าไม่ได้ไปหาท่านอาสะใภ้รอง ท่านไม่ต้องเสียใจไปนะเจ้าคะ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้พี่รองอาจจะไปหาท่านก็เป็นได้”
นางพูดจบก็เดินออกไป
เฝิงเหล่าฮูหยินมองเซียวซื่อด้วยสายตาเย็นชา หน้าตาบูดบึ้ง
เซียวซื่อได้แต่อุทานอยู่ในใจ
เจียงซื่อ นังเด็กสมควรตาย จะไปแล้วยังขุดหลุมทิ้งไว้ให้ข้าอีก