ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 274 ตระกูลจู
นายท่านรองเจียงมองเซียวซื่อด้วยแววตาลึกซึ้งพร้อมกับกล่าวเสียงนิ่ง “เข้าเรือนแล้วค่อยคุยกัน”
เซียวซื่อเดินตามนายท่านรองเจียงเข้ามาถึงเรือนฉือซิน เห็นเฝิงเหล่าฮูหยินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ มองมาด้วยใบหน้าแน่นิ่ง
เซียวซื่อเนื้อตัวเย็นวาบ น้อมทักทายเหล่าฮูหยินตัวแข็งทื่อ
“นั่งสิ” เฝิงเหล่าฮูหยินชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ
ในห้องโถงยังมีเด็กรุ่นหลังอย่างเจียงเชี่ยวยืนอยู่ เวลานี้ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง
นายท่านรองเจียงย่นคิ้วและกล่าว “พวกเจ้าออกไปก่อน”
เจียงเชี่ยวและคนอื่นน้อมทักทายและเดินออกไปเงียบๆ
ช่วงเช้าเกิดฝนตก เนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นในจวนกะทันหัน บ่าวรับใช้ที่รับผิดชอบกวาดพื้นรดน้ำก็ไม่มีใจอยากทำงาน ใบเซียงชุนในสวนจึงล่วงหล่นเต็มพื้น เวลาที่เดินผ่าน เหมือนย่ำอยู่บนพรม
เจียงเชี่ยวและคนอื่นเดินออกจากเรือนฉือซิน แล้วหันกลับไปมองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
เจียงลี่คุณหนูห้ากล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ท่านแม่มิเป็นอะไรใช่หรือไม่”
เจียงเชี่ยวตอบเรียบๆ “เรื่องของผู้ใหญ่เราอย่าไปสนใจมากเลยดีกว่า ไปกันเถอะ”
กับอาสะใภ้รองท่านนี้ นางไม่เคยสนิทสนมด้วย ดังนั้น ฝ่ายตรงข้ามจะดีหรือเลวนางไม่สนใจ
“ท่านแม่ถูกลักพาตัว จู่ๆ ก็กลับมา ข้ารู้สึก…” คำข้างหลัง เจียงลี่ไม่ได้พูดออกมา แต่ในใจรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
นางพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาใจแม่ใหญ่ตั้งแต่เด็ก อีกสองปีแม่ใหญ่ก็คงจะพยายามหาคู่ครองที่ดีให้กับนาง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ใหญ่ในเวลานี้ การประจบสอพลอที่พยายามทำมาหลายปีก็สูญเปล่าทั้งหมดน่ะสิ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เจียงลี่มีความรู้สึกอยากจะกระอักเลือด
เจียงเพ่ยคุณหนูหกเงียบสงบไม่พูดไม่จาสักคำ
“เรื่องนี้ พี่ใหญ่กับน้องสามยังไม่รู้เรื่อง” เจียงลี่พูดงงึมงำ
คุณชายใหญ่เจียงชังประสบกับการโจมตีสองครั้งจากการสอบชิวเหวยและเรื่องเจินเหิงสอบได้ที่หนึ่งระดับท้องถิ่น จนถึงตอนนี้ยังไม่ฟื้นฟูดี เอาแต่หลบในห้องไม่ยอมพบหน้าใคร คุณชายสามเจียงหยวนเป็นคนไม่ได้เรื่อง ออกไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า คนที่เรือนย่อมไม่ส่งคนไปรายงานเขาที่โรงเรียนโดยเฉพาะเป็นแน่ เพราะหากรายงานไปก็มีแต่เป็นการเพิ่มความวุ่นวาย
เจียงเชี่ยวมองเจียงลี่หนึ่งที แล้วจากไปเงียบๆ
“พี่ห้า พวกเราก็กลับกันเถอะ”
เจียงลี่หันกลับไปมองเรือนฉือซินอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจที่จะจากไป
ในห้องโถงฉือซิน เฝิงเหล่าฮูหยินเงียบไม่พูดจา นางหยิบกาน้ำชาไว้ จิบน้ำชาคำแล้วคำเล่า จนทำให้บรรยากาศอึมครึมมากยิ่งกว่าเดิม
นายท่านรองเจียงมองดูเซียวซื่ออย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาย่นคิ้วแล้วเอ่ยถาม “วันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่”
เซียวซื่อรู้สึกเย็นวาบเมื่อได้ยิน
หวังเพียงว่าเราสองสามีภรรยาใช้ชีวิตกันอย่างผาสุกมาร่วมหลายปี ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีความสนิทสนมใกล้ชิดเสมือนตอนที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ อย่างน้อยก็ยังมีความรู้สึกต่อกัน แต่วันนี้ นางไม่เห็นแม้ความเป็นห่วงเพียงเสี้ยวเดียวจากแววตาของบุรุษคนนี้ มีเพียงความอยากรู้ การค้นพบนี้ ทำให้เซียวซื่อพลันรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมากกว่าถูกลักพาตัวไปอย่างไม่รู้สาเหตุเสียอีก
เมื่อเงียบไปได้ครู่หนึ่ง เซียวซื่อจึงกล่าวตาแดง “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ข้านั่งอยู่ในรถม้า อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านนอก จากนั้นรถม้าก็เริ่มวิ่งอย่างเร็ว หงเย่ว์มองออกไปถึงได้รู้ว่าคนขับรถม้าถูกคนเตะลงไป แล้วคนที่ขึ้นมาบังคับรถคือคนสองคนที่ปิดหน้าไว้…”
เซียวซื่อนึกทวนประสบการณ์อันน่าสะพรึงที่เพิ่งประสบ พลางรู้สึกตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ “พอข้าตื่นขึ้นมาก็พบว่าถูกขังในห้องเก็บฟืน ข้าตะโกนเรียกอยู่นาน จู่ๆ ประตูก็เปิดออก คนปิดหน้าสองคนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเขาเตือนข้าว่าห้ามส่งเสียงและจะพาข้ากลับมา หลังจากนั้น ข้าถูกผลักลงจากรถม้า แล้วข้าก็พบว่า ข้าอยู่ตรงซอยลับที่อยู่ห่างจากตรอกซอยอี้เฉียนไม่ไกลมาก ส่วนรถม้าของฝ่ายตรงข้ามหายไปอย่างรวดเร็ว…”
นายท่านรองเจียงฟังจนขมวดคิ้วแน่น “จากที่ฟัง ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำอะไรเจ้า?”
เซียวซื่อรีบพยักหน้าหงึกๆ
อย่าว่าแต่ฝ่ายตรงข้าไม่ได้ทำอะไรนางจริงๆ ถึงทำ นางก็ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด หากนางยอมรับ นางจะเป็นมนุษย์ต่อไปอย่างไร
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เมื่อเห็นว่านายท่านสามเจียงสองสามีภรรยายังอยู่ นายท่านรองเจียงจึงฝืนยิ้มออกไป
ในเมื่อภรรยากลับมาแล้ว นอกจากทำเสมือนว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว คงไม่สามารถตามล่าคนที่ลักพาตัวภรรยาของเขาอย่างเอิกเกริก ไม่เช่นนั้น เขาจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาเพื่อนร่วมงานของเขา
แต่ว่ารถม้าของจวนปั๋วถูกทิ้งไว้ใกล้ๆ แม่น้ำจินสุ่ย ได้กลายเป็นหนามทิ่มแทงใจนายท่านรองเจียงไปเรียบร้อย ทำให้เขาไม่สามารถแสดงความเป็นห่วงเซียวซื่อออกมาได้อีก เหลือเพียงความเห็นอกเห็นใจเท่านั้น
ภรรยาสูญเสียความบริสุทธิ์ไปหรือไม่ ใครเล่าจะรู้ได้
“หงเย่ว์ล่ะ” เฝิงเหล่าฮูหยินพลันกล่าว
เซียวซื่อตะลึง สีหน้าพลันเปลี่ยนเล็กน้อย ตอนนี้เพิ่งนึกถึงหงเย่ว์
“พอข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็ไม่เห็นหงเย่ว์อีกเลยเจ้าค่ะ…”
“หมายความว่า ฝ่ายตรงข้ามส่งเจ้ากลับมา แต่เก็บหงเย่ว์ไว้?” เฝิงเหล่าฮูหยินรู้สึกเพียงว่า เรื่องนี้ช่างน่าแปลกยิ่งนัก จึงหันไปถามนายท่านรองเจียง “เหล่าเอ้อร์ เจ้าคิดว่าอย่างไร”
นายท่านรองเจียงส่ายหัว “พูดยากขอรับ ภัยครั้งนี้คงไม่ได้นำพาโดยหงเย่ว์หรอกกระมัง”
คงจะแปลกถ้าสาวรับใช้ที่ไม่ค่อยห่างจากนายหญิงจะเป็นคนนำสู่หายนะครั้งนี้
“พวกเจ้าคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับเรื่องรถม้าของจวนจูสูญเสียการควบคุมหรือไม่” เฝิงเหล่าฮูหยินบอกเล่าเหตุการณ์ที่เจียงซื่อพบเจอในวันนี้สั้นๆ
นายท่านรองเจียงพลันตะลึง “ท่านแม่หมายความว่า?”
เฝิงเหล่าฮูหยินหมุนกำไลอย่างเร็ว “ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน มันบังเอิญมากไปหรือไม่”
นายท่านรองเจียงหลับตาลง และลืมตาขึ้น นัยต์ฉายแววเย็นเยือก “ท่านแม่พูดถูก รถม้าจวนปั๋วถูกจับไป รถม้าจวนจูสูญเสียการควบคุม ซึ่งเป้าหมายคือซื่อเอ๋อร์ทั้งคู่ บางทีนางนั่นล่ะที่เป็นส่วนสำคัญ! ท่านแม่ ซื่อเอ๋อร์ล่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินเผยสีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย “พี่ใหญ่เจ้าพานางไปขอคำอธิบายที่จวนจูแล้ว”
นายท่านรองเจียงชะงัก
ยังกล้าไปขอคำอธิบายอีก หรือเขาสงสัยผิดคน?
เฝิงเหล่าฮูหยินพูดเสริม “นางฟ้องทางการแล้วด้วย…”
นายท่านรองเจียงดีดตัวขึ้นมาทันใด “เรื่องรถม้าจวนปั๋วถูกจับไป ห้ามนำมารวมกับเรื่องของจวนจูเด็ดขาด!”
ยัยเด็กคนนั้นบ้าไปแล้วหรือ เรื่องแบบนี้ถึงกับต้องไปถึงหูทางการ?
เมื่อนึกถึงหน้าหยิ่งไม่เป็นมิตรของเจ้าเจินซื่อเฉิง นายท่านรองเจียงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เฝิงเหล่าฮูหยินพยักหน้าหงึกๆ “เรื่องนี้ห้ามพูดถึงจริงๆ ส่งคนไปบอกต่อ ถ้าใครพูดถึงเรื่องที่เอ้อร์ไท่ไท่ถูกลักพาตัวไป จะขายออกไปทั้งครอบครัวทันที”
……
เวลานี้ จวนจูคึกคักกว่าจวนตงผิงปั๋วเสียอีก
จูฮูหยินเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับกฎระเบียบมาก โดยปกติแล้ว ไม่เคยมีเรื่องไหนที่เคยทำผิดพลาด แต่วันนี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมารับมือกับเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งมิได้รับเชิญมา
เวลานี้คนวัยหนุ่มที่นั่งดื่มน้ำชาในห้องโถงอย่างไม่แยแสก็คืออวี้จิ่น
แตกต่างจากจูฮูหยินที่มีสภาพจิตใจแย่มาก องค์ชายเจ็ดที่คงหน้านิ่งเสมอมา เวลานี้กลับคึกคักมาก
อาซื่อฟ้องตระกูลจูไปที่ทางการ นั่นหมายความว่ารออีกไม่นาน เขาจะได้พบหน้านางแล้ว?
อาซื่อสร้างโอกาสพบหน้าเก่งขนาดนี้ มันทำให้เขาพลางรู้สึกเขินเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าคิดถึงสิ่งใด ใต้ดวงตาของอวี้จิ่นเผยรอยยิ้มนุ่มลึกออกมา
จูฮูหยินเห็นแล้วรู้สึกโกรธอย่างที่สุด ใครๆ ก็พูดว่าองค์ชายที่กลับจากทางใต้เป็นคนไม่มีมารยาท คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่ไม่มีมารยาท แต่สันดานยังแย่ มาดำเนินคดีที่จวนจู แต่ยังปฏิบัติตนอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
ใช่ หลังจากเหตุการณ์แม่น้ำจินสุ่ยที่เจ้าหน้าที่ซื่อหลางของกรมพิธีการเข้าใจผิด บรรดาขุนนางและตระกูลชั้นสูงก็ไม่กล้าชะล่าใจอีก พวกเขาจึงรีบทำให้เยี่ยนอ๋องมีตัวตนเวลาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้อยู่บ่อยๆ ตอนนี้ ไม่มีใครไม่รู้ว่าเยี่ยนอ๋องทำงานอยู่กับเจินซื่อเฉิง
จะเร่งก็เร่งไม่ได้ จะด่าก็ด่าไม่ได้ จูฮูหยินทำได้แต่โกรธอยู่ภายในใจ
“จูฮูหยินขอรับ ทำไมคุณชายจูยังไม่กลับมาอีกขอรับ”