ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 276 อยู่ตามลำพัง
สายตาคู่นั้นแฝงไว้ด้วยความระมัดระวังเล็กน้อยกับความชอบที่เก็บซ่อนไว้ข้างในส่วนลึก เจียงซื่อมองมาพอดี สองคนสบตากัน อวี้จิ่นรีบมองไปทางอื่น
เขายังจำคำพูดที่ไร้ความรู้สึกของเจียงซื่อในวันนั้นได้ขึ้นใจ สรุปจากพรสวรรค์ในการตามจีบสตรีแม้จะไร้ประสบการณ์ของเขา ก่อนหน้านี้คงเซ้าซี้มากไป ควรค่อยเป็นค่อยไปแล้วค่อยว่ากันอีกที
การหลบหน้าของอวี้จิ่นทำให้เจียงซื่อประหลาดใจอยู่บ้าง นางนิ่งไปชั่วขณะแล้วจึงดึงสายตากลับมา
อวี้จิ่นไอ ค่อกแค่ก เบาๆ หนึ่งทีและเอ่ยถาม “คนขับรถม้าล่ะ”
เสียงอู้อี้ดังขึ้นแล้วตามด้วยเสียงกรีดร้อง
อวี้จิ่นย่นคิ้วและเดินออกไปดู พลางเห็นชายชุดสั้นวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่กับพื้นและอิงกำแพง หน้าผากยุบลงไปหนึ่งส่วนและมีเลือดไหลลงมา
บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งตะลึงตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี เขากล่าวพร้อมอธิบายแทบไม่เป็นประโยค “บ่าวห้าม ห้ามไม่ทัน…”
อวี้จิ่นชำเหลืองมองจูเส้าชิงและคนอื่นๆ หนึ่งทีพลางเอ่ยถามหน้านิ่ง “นั่นคือคนขับรถม้า?”
เยี่ยมจริงๆ เรื่องที่ยังต้องสอบสวน สามารถมั่นใจได้แล้วว่าคนที่ลงมือทำคือคนขับรถม้า และเบื้องหลังของคนขับรถม้ายังมีคนสั่งการอีกคน
จวนเส้าชิงเล็กๆ หนึ่งจวน มีการซุกซ่อนคนชั่วไว้จริงๆ
จูเส้าชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าคร่ำเครียด
เขาเองก็ตกใจไม่ต่างกับเรื่องที่คนขับรถม้าของจวนกล้าทำร้ายเจ้านาย แล้วเขาก็คิดถึงความผิดปกติที่อยู่ข้างในขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
คนขับรถม้าคนหนึ่งจะเกลียดชังลูกสะใภ้คนโตด้วยเรื่องอะไร ลูกสะใภ้คนโตของเขาเป็นคนอ่อนโยนและมีคุณธรรม เรื่องดูถูกบ่าวรับใช้นั้นเป็นไปไม่ได้แน่ ถ้าเช่นนั้น ก็คือมีคนสั่งการคนขับรถม้าแน่ๆ
สำหรับจูเส้าชิง เขาจะต้องนำตัวคนที่กล้าทำร้ายเจ้านายออกมาให้ได้ แต่นี่เป็นเรื่องที่ควรจัดการเองภายใน ไม่ควรนำเรื่องอื้อฉาวภายในครอบครัวไปเปิดเผยถึงราชการ ดังนั้น การตายของคนขับรถม้าทำให้เขาโล่งอกอย่างไม่ต้องสงสัย
อวี้จิ่นหย่อนตาลงเบาๆ เขาจับจ้องไปยังคนขับรถม้าที่ตายอย่างอนาถตรงพื้นและเอ่ยถามนิ่งๆ “พวกเจ้ามีคนมากถึงเพียงนี้ ไม่มีใครพบว่าเขาจะฆ่าตัวตายเลยหรือ”
บ่าวรับใช้พากันตอบ “คิดไม่ถึงเลยขอรับ เขาพุ่งใส่กำแพงกะทันหันขนาดนั้น…”
“แล้วก่อนตาย เขาได้พูดอะไรทิ้งท้ายหรือไม่”
บ่าวรับใช้ชายที่พูดก่อนคนแรกกล่าว “เขาบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นฝีมือของเขา ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ภรรยาของเขาตายเพราะฮูหยินใหญ่ เขาทำไปเพื่อแก้แค้นให้ภรรยา…บ่าวฟังแล้วรู้สึกแปลก แต่ยังไม่ทันดึงสติกลับมา เขาก็พุ่งออกไปแล้ว พอบ่าวยื่นมือออกไปก็จับไม่ทันแล้วขอรับ…”
คำพูดของบ่าวรับใช้ชายทำให้สีหน้าของเจียงซื่อซีดเผือดลงทันใด คล้ายว่านึกบางอย่างขึ้นได้ เนื้อตัวเริ่มสั่นขึ้นมา
อวี้จิ่นหันไปหาจูจื่ออวี้ เตรียมตัวฟังคำอธิบายของเขา
สอบสวนพี่สาวของอาซื่อต่อหน้าเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี อย่างไรเสีย สามีภรรยาก็เหมือนเป็นคนๆ เดียวกัน จูจื่ออวี้ต้องรู้ความหมายของคำพูดของบ่าวรับใช้ชายแน่นอน
จูจื่ออวี้ถอนหายใจแล้วเริ่มอธิบาย “ภรรยาคนขับรถม้าเคยทำงานที่เรือนของข้า เมื่อสามปีก่อน ตอนที่ภรรยาของข้าคลอดเยียนๆ ทารกในครรภ์ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของภรรยาคนขับรถม้า ท่านแม่โกรธเคือง จึงลงโทษนางให้ไปทำงานที่ห้องซักผ้า คิดไม่ถึงว่ามีครั้งหนึ่ง ภรรยาคนขับรถม้าไปตักน้ำในบ่อดันเท้าลื่นพลัดตกลงไป พอดึงขึ้นมาอีกทีก็สิ้นลมหายใจแล้ว…”
เจียงอีฟังเรื่องนี้แล้วแทบล้มลง
ภรรยาคนขับรถม้าเป็นคนมีอายุ เจียงอีแต่งเข้าจวนจูมาก็เห็นนางทำงานอยู่ที่นี่แล้ว หรือบางทีอาจเป็นเพราะนางเห็นว่าเจียงอีเป็นคนใจดี บ่าวจึงทำตัวใหญ่กว่าและกลั่นแกล้งเจ้านาย และนางเรียกใช้งานยากมากๆ
เจียงอียังจำวันนั้นได้ดี วันที่เดินเล่นอยู่ในสวนแล้วจู่ๆ เกิดรู้สึกไม่สบาย จึงบอกให้ภรรยาคนขับรถม้าช่วยเรียกคน ปรากฏว่านางใช้เวลานานมากจนสาวรับใช้ที่อยู่เฝ้าถึงกับร้อนใจจนร้องไห้ ภายหลังถึงได้รู้ว่าภรรยาคนขับรถม้าบังเอิญเจอกับลูกสาวที่ทำงานในเรือนแม่สามี สองแม่ลูกคุยกันอยู่นานถึงแยกจากกัน
หลังจากแม่สามีรู้ที่ไปที่มาของเรื่อง จึงสั่งให้ภรรยาคนขับรถม้าไปทำงานในห้องซักผ้าทันที ส่วนลูกสาวคนขับรถม้าถูกส่งออกไปแต่งงานกับลูกชาวสวนที่ใช้เวลาหาไม่นาน
เดิมทีคนขับรถม้ามีการงานพอเป็นหน้าเป็นตาอยู่บ้าง แต่ด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ต้องไปทำงานที่ห้องเลี้ยงม้า
หากวิเคราะห์อย่างละเอียด ครอบครัวนี้เสื่อมลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากความผิดพลาดในความคิดผิดเล็กน้อยจริงๆ ต่อมามีคนเสียชีวิตอีก และนางรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่นึกถึง
เจียงอีไม่คิดว่าตนเองควรรับผิดชอบต่อการตายของภรรยาคนขับรถม้า แต่นั่นก็เป็นชีวิตคนเป็นคนหนึ่ง จู่ๆ คนเป็นคนหนึ่งก็จากไปด้วยอุบัติเหตุ อย่างไรเสียก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี หากว่าคนขับรถม้าลงมือทำไปเพราะโกรธเรื่องนี้ เหมือนว่าก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่
มือเย็นนุ่มหนึ่งข้างได้กุมมือเจียงอีเอาไว้
เจียงอีหันข้างไปโดยไม่รู้ตัว พลางได้สบตากับเจียงซื่อ
ดวงตาสาวน้อยสดใสเหมือนน้ำ แต่คลื่นน้ำในนั้นนิ่งสงบ ส่องไว้ด้วยแสงสลัว ชวนให้มองไม่ออกถึงความรู้สึกข้างใน
ชั่วขณะที่เจียงอีชะงักและผ่อนคลายลง เจียงซื่อได้เอ่ยขึ้นมา “พี่เขยหมายความว่าคนขับรถม้ามีแรงจูงใจที่จะทำร้ายพี่ใหญ่?”
จูจื่ออวี้กะพริบตาเบาๆ
เขาพูดขนาดนี้ คนขับรถม้ามีแรงจูงใจทำร้ายภรรยา ยังต้องถามอีกหรือ
เจียงซื่อเผยสีหน้าไม่พอใจ “เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ภรรยาถูกข่มขู่ถึงชีวิต ทุกๆ โอกาสห้ามปล่อยผ่านอยู่แล้ว คนขับรถม้ามีแรงจูงใจถือว่านำมาใช้เป็นเหตุผลได้ แต่ใครยืนยันได้ว่าคนขับรถม้าทำร้ายพี่ใหญ่ด้วยเหตุผลนี้จริงๆ ไม่แน่ อาจมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังและคิดคำแก้ต่างไว้แล้วก็เป็นไปได้ แล้วอีกอย่าง คนที่คนขับรถม้าควรโกรธคือจูฮูหยินมิใช่หรือ เพราะคนที่ส่งภรรยาของเขาไปทำงานในห้องซักผ้าคือจูฮูหยิน ไม่ใช่พี่ใหญ่”
“น้องสี่…” เจียงอีดึงนางหนึ่งที เมื่อได้ยินเจียงซื่อดึงจูฮูหยินเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไม่เกรงใจ
เจียงซื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นางยิ้มให้กับจูฮูหยินที่สีหน้าย่ำแย่ “จูฮูหยิน ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ”
จูฮูหยินโมโหมือสั่น
นางไม่เคยพบเห็นเด็กสาวคนไหนช่างพูดช่างจาต่อหน้าผู้อาวุโสกว่าเช่นนี้มาก่อน
เวลานี้ ฮูหยินพลันเกิดความรู้สึกว่าเจียงอีเป็นลูกสะใภ้ที่ไม่เลว ตอนนั้น หากรับคุณหนูเจียงสี่คนนี้มาเป็นลูกสะใภ้ เกรงว่าคงปวดใจทุกวันแน่
เจียงซื่อหันไปยิ้มให้จูจื่ออวี้อย่างแผ่วเบา “พี่เขย พี่ดูสิ แม้แต่จูฮูหยินยังเห็นด้วยกับคำพูดของข้าเลย”
ความเงียบคือการยอมรับ เรื่องนี้ไม่มีข้อบกพร่อง
เมื่อมีความเกี่ยวข้องกับท่านแม่ จูจื่ออวี้ถึงกับอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ส่วนจูฮูหยินที่รักในหน้าตาก็ยิ่งไม่อยากฉีกหน้าเด็กรุ่นหลัง และในชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีใครปฏิเสธคำพูดของเจียงซื่อสักคน
ส่วนอวี้จิ่นเกิดอาการหัวใจบีบตัว เมื่อเห็นเจียงซื่อยิ้มหวานราวกับดอกไม้บานให้กับจูจื่ออวี้
ยิ้มให้ผู้ชายหลอกลวงคนหนึ่งหวานถึงเพียงนี้เชียวหรือ เขาไม่ชอบ
แต่องค์ชายเจ็ดมีความสุขขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เมื่อได้ยินเจียงซื่อกล่าว “ข้ามีเรื่องจะรายงานต่อเจ้าหน้าที่ท่านนี้เป็นการส่วนตัวเจ้าค่ะ”
อวี้จิ่นขอยืนยันอีกครั้งว่าคนที่เจียงซื่อหมายถึงคือตัวเองจริงๆ ก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจในทันทีทันใด จากนั้นก็เก็บความดีใจและทำหน้าจริงจังพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ รบกวนจูเส้าชิงช่วยหาสถานที่ที่สะดวกให้ที ดีที่สุดคือศาลาที่เปิดโล่ง”
ชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่กันตามลำพัง เขาไม่อยากตอบตกลงหรอก
“เอ่อ…” จูเส้าชิงลังเล
คนที่ฟ้องทางการคือคุณหนูเจียงสี่ ไม่รู้ว่าคุณหนูคนนี้จะก่อเรื่องอะไรอีก
“มีอะไรรึ หรือว่าจวนของท่านไม่มีสถานที่ที่เหมาะสมเลย”
เมื่อเห็นหน้าไม่สบอารมณ์ของอวี้จิ่น จูเส้าชิงจึงรีบสั่งให้บ่าวรับใช้พาคนสองคนไปยังศาลาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
จูฮูหยินจับจ้องแผ่นหลังของเจียงซื่อแล้วส่ายศีรษะ
สตรีคนนี้ ช่างไร้มารยาทเสียจริง!
ไม่มีสิ่งใดปิดบังรอบๆ ของศาลา ระยะห่างจากฝูงชนไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนได้ยิน เอ้อร์หนิวนั่งอยู่ด้านนอก เริ่มทำงานให้กับเจ้านายและนายหญิง