ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 289 บังเอิญ
เด็กหนุ่มรูปงาม บุคลิกสูงโปร่ง เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อน ที่เอวผูกด้วยเข็มขัดหยกสีขาว รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่หางตาและริมฝีปากของเขา เกรงว่าแม้จะยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นก็ดูโดดเด่นเป็นสง่า ขนาดแม่เล้าที่มีประสบการณ์เห็นคนมามากมาย ชำเลืองมองดูก็ยังยากที่จะดูออกว่าเป็นสตรี
แม่เล้าทั้งเสียใจทั้งโกรธ หญิงสาวคนหนึ่งปลอมตัวเป็นชายยังดูดีกว่าแขกเหรื่อมากมายที่มาเรือบุปผาเสียอีก นี่มันแทงใจดำเสียจริง
แทงใจดำก็แทงใจดำไปเถอะ ทว่าถามเสร็จแล้วกลับไม่รีบไป แถมยังคิดจะดื่มชากับคณิกาอันดับต้นอีก ช่างทำอะไรไม่ดูตัวเองเลยเสียจริง
แม่เล้าแอบเบ้ปาก จากนั้นก็สะบัดผ้า “โชคไม่ดีเสียจริง วันนี้แม่นางอิงอิงมีแขก”
พูดถึงตรงนี้ แม่เล้าก็ลูบจอนผมอย่างลำพองใจ
หอเยี่ยนชุนไม่ใหญ่ก็จริง ตัวเรือก็เทียบไม่ได้กับนาวาใหญ่ที่กว้างขวางสวยงามหรูหราเป็นอันดับต้นในแม่น้ำจินสุ่ย คณิกาก็ไม่สวยเท่าของเขา เช่นนั้นแขกที่มาเที่ยวหอเยี่ยนชุนปกติจึงไม่นับว่าเป็นแขกที่มีเกียรติสูงศักดิ์
แต่ว่าวันนี้ผิดปกติเล็กน้อย ไม่เพียงแต่หญิงสาวที่แปลกประหลาดผู้นี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ยังมีคุณชายเอ่ยปากว่าอยากเจออิงอิง เขาไม่เพียงแต่หน้าตาดี แถมยังใช้เงินมือเติบอีกด้วย แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา อาศัยที่อิงอิงเป็นเสาหลักของหอเยี่ยนชุน ปกติจึงใช้นางเป็นสะพาน เพียงขยิบตาส่งให้นางจากชั้นบน นางก็ออกมาต้อนรับแล้ว
หากให้พูดจริงๆ ก่อนหน้านี่ที่พบว่าเจียงซื่อเป็นสตรี ความคิดแรกเลยก็คือสงสัยว่ามาที่นี่เพราะคุณชายท่านนั้นรึเปล่า
ส่วนพวกตาแก่พุงพลุ้ยหรือปัญญาชนที่อ่านกวีได้บ้างไม่ได้บ้างพวกนั้น กว่าภรรยาที่บ้านจะนึกกังวลก็คงกินอิ่มนอนหลับไปแล้ว
เจียงซื่อขมวดคิ้วมองแม่เล้า
การที่คณิกาอันดับหนึ่งในเรือจะมีแขกนั้นเป็นเรื่องปกติ นางก็ไม่อาจโทษแม่เล้าที่ทำตัวขายผ้าเอาหน้ารอดได้ แต่ว่าไหนๆ ก็มาแล้ว หากไม่เห็นลำดับต้นสักหน่อยก็คงไม่สบายใจ
เจียงซื่อไม่ใช่ว่าไม่สงสัยลำดับต้นของหอเยี่ยนชุน
ในเมื่อคนที่ไถ่ตัวอวี่เอ๋อร์แอบลอบทำร้ายพี่สาวคนโต และอวี่เอ๋อร์เป็นเด็กสาวที่คอยปรนนิบัติรับใช้ลำดับต้นของหอเยี่ยนชุน ใครจะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนผู้นั้นกับโฉมงามอันดับหนึ่งของหอเยี่ยนชุนไม่ได้มีอะไรกัน
หรือว่าจูจื่ออวี้กับหอเยี่ยนชุนมีส่วนเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีการไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์แแล้วส่งไปไว้ข้างกายของพี่สาวคนโต เพื่อวางแผนทำร้ายพี่สาวคนโตแล้วจะได้มีตำแหน่งว่างให้กับอิงอิงโฉมงามอันดับหนึ่ง
เจียงซื่อส่ายหัวเงียบๆ
หากจูจื่ออวี้วางแผนอย่างนี้จริงๆ เอ้อร์หนิวคงจะมีสมองมากกว่า
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้เห็นหญิงงามอันดับหนึ่งของหอเยี่ยนชุน
“คุณชายเจ้าขา กลับไปก่อนเถอะนะเจ้าคะ” แม่เล้าทำเป็นยิ้มออกมาพลางพูดเกลี้ยกล่อม
คิ้วที่ขมวดแน่นของเจียงซื่อค่อยๆ ผ่อนคลายลง พลางส่งยิ้มจางๆ ให้แม่เล้า “ในเมื่อวันนี้ไม่มีวาสนาได้เจอกับแม่นางอิงอิง เช่นนั้นพรุ่งนี้ยามดึกข้ามาใหม่ก็ได้”
แม่เล้าส่ายหน้าทันที แป้งที่หนาเตอะร่วงลงมาไม่น้อย นางยิ้มทื่อๆ ออกมา “พรุ่งนี้ยามดึก แม่นางอิงอิงมีคนนัดไว้แล้ว…”
เจียงซื่อพิงราวจับพลางยิ้มจางๆ ออกมา “เช่นนั้นวันมะรืนก็ได้ ข้าว่างมาก”
แม่เล้าพ่นลมหายใจออกมาเงียบๆ พลางสะบัดผ้าเช็ดหน้า “ข้าไปส่งคุณชายลงเรือนะเจ้าคะ”
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เรือบุปผาส่วนใหญ่จะจอดอยู่บริเวณใกล้ฝั่งเพื่อรอแขกขึ้นเรือ ตัวเรือโคลงเคลงเล็กน้อย เงาโคมไฟสีแดงบนราวจับที่สะท้อนลงไปบนผิวน้ำสั่นไหว แสงทองที่รวมตัวกันแตกสลาย ทำให้ผิวน้ำที่นิ่งสงบเปลี่ยนเป็นยากที่จะคาดเดาได้ แถมยังมีเสน่ห์เฉพาะตัวของแม่น้ำจินสุ่ย
เจียงซื่อรู้ว่าถึงอยู่ต่อไปก็ไม่ได้อะไรอีก จึงพยักหน้าลงเบาๆ แล้วเดินตามแม่เล้าออกไปข้างนอก
แม่เล้าแอบโล่งใจ
ถือว่าพาหญิงสาวผู้นี้ออกไปได้สักที
ทั้งสองคนเดินตามกันออกมา คนหนึ่งอยู่ด้านหน้า คนหนึ่งตามหลัง เหล่าฉินเดินอยู่หลังสุด เมื่อใกล้จะถึงบริเวณใกล้ปากประตูบันไดไม้ ทันใดนั้นเองที่บันไดไม้ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ
เจียงซื่อเงยหน้าขึ้น
มันไม่ได้สว่างจ้าเหมือนในห้องโถงใหญ่ แสงบริเวณบันไดค่อนข้างริบหรี่ ใบหน้าของคนผู้นั้นซ่อนอยู่ในความมืดครึ่งหนึ่ง จึงเห็นแค่ภาพรางๆ
ทว่าแค่เจียงซื่อชายตามองออกไปเพียงปราดเดียวก็ตะลึงไปเลย
ไม่นึกเลยว่าคนที่กำลังเดินลงบันไดคืออวี้ชี!
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ทว่ามันเป็นแค่ช่วงเวลาพริบตาเดียว ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ก้าว
เจียงซื่อก้มหน้าลงทันที พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดิน
เสียงของแม่เล้าดังขึ้นมาพอดี ทั้งป็นมิตรและอบอุ่น “อ้าว ทำไมคุณชายถึงไปแล้วล่ะเจ้าค่ะ อิงอิงของพวกเราดูแลท่านไม่ดีหรือ”
อิงอิง?
เจียงซื่อก้าวขาไม่ออก เงยหน้ามองออกไป
บริเวณราวจับชั้นสอง สตรีสวมชุดแดงนางหนึ่งจ้องไปที่แผ่นหลังของอวี้จิ่นด้วยความคับแค้นใจ และตัดใจไม่ลง
หญิงสาวอายุราวๆ ยี่สิบปี มีจอนผมปล่อยสบายลงมา ชุดกระโปรงยาวจรดเท้ารัดหน้าอก เนินอกที่ขาวเป็นยองใยอวบอิ่มอุดมสมบูรณ์
เจียงซื่อสายตาดีมาก จนสามารถเห็นเล็บเท้าของหญิงสาวที่ทาสีแดงสด
เทียบกับชุดที่สวมใส่ ใบหน้าจึงดูจืดชืดไปเล็กน้อย แต่เรียกได้ว่าสวยแน่นอน ทว่าก็แค่สวยแบบธรรมดาเท่านั้น
อย่างน้อยจากที่เจียงซื่อดูหน้าตาอิงอิง…หญิงงามอันดับหนึ่งของหอเยี่ยนชุนนั้นเทียบไม่ติดกับพี่ใหญ่เลย
สตรีในตระกูลเจียงหลายคน รูปร่างหน้าตาผิวพรรณไม่เป็นรองใคร
แน่นอนว่าเจียงซื่อไม่ได้มองเพียงแค่หน้าตาแล้วตัดสินว่าความสัมพันธ์ระหว่างจูจื่ออวี้กับอิงอิงนั้นบริสุทธิ์ใสสะอาด เพราะอย่างไรก็ตามนางไม่ใช่คนขี้เหร่ จี้ฉงอี้ก็มิได้เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ ในใจมีแต่หญิงสาวจากครอบครัวเล็กๆ
ไม่นานเด็กหนุ่มก็เดินลงมาจากบันได ดวงตาสีดำขลับมองผ่านเนินอกที่กระเพื่อมอยู่ตรงหน้าของแม่เล้าไปแล้วมองเจียงซื่อ
แม้ว่าเจียงซื่อจะแต่งตัวเป็นชาย แถมยังแต่งหน้าแต่งผิวอย่างละเอียด แต่ว่าสายตาอันเยือกเย็นที่ดูเหมือนจะมองผ่านทะลุทุกสิ่งได้มองมาที่นาง นางจึงเสียความมั่นใจไปชั่วขณะหนึ่ง พลางดึงแม่เล้าเข้ามาในอ้อมอกอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
แม่เล้าตะลึง อวี้จิ่นก็ตะลึง ที่จริงเจียงซื่อเองก็ตะลึง
แต่ดีที่หน้าหนาพอ ปฏิกิริยาตอบโต้จึงค่อนข้างเร็ว นางเลียนแบบบุรุษที่คุ้นเคยกับการมาหอนางโลม มือหนึ่งโอบไหล่แม่เล้า ส่วนอีกมือหนึ่งวางลงที่เอวของแม่เล้า แล้วพูดเสียงใหญ่ “เจ้าเป็นของหายาก เจ้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้าเถอะ พวกเราไปที่เดิมกัน”
แม่เล้ากระตุกมุมปากขึ้นมาทันที
ที่เดิม? เด็กนี่จะทำอะไรกันแน่
“ไปกันเถอะ” เจียงซื่อแอบออกแรงผลักแม่เล้าไปข้างหน้า
แม่เล้ารู้สึกว่าไม่ถูก แต่เห็นแก่เงินกองนั้นจึงไม่ได้เรื่องมาก
ไปที่เดิมแล้วยังไง อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวบอบบางจะรุนแรงกับนางได้อย่างไร
เจียงซื่อทำท่าโอบครึ่งกอดครึ่งกับแม่เล้า แล้วเดินไปข้างในเพื่อหลบสายตาของอวี้จิ่น แม่เล้าหันหน้ากลับไปพลางยิ้มเอ่ยขึ้น “ต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะคุณชาย ข้ามีแขก ครั้งหน้าถ้าท่านมาข้าจะดูแลท่านอย่างดีเอง…”
“ช้าก่อน” อวี้จิ่นตะโกนออกมา พลางสาวเท้าเดินเข้าไป
แม่เล้าเลิกทำตาเยิ้ม “หากคุณชายไม่ได้มีธุระอย่างอื่น ก็ให้อิงอิงดูแลท่านเถอะ ท่านก็เห็นว่าข้าไม่อาจแยกร่างได้…”
อวี้จิ่นยื่นมือออกมาดึงแม่เล้าที่อยู่ในอ้อมกอดของเจียงซื่อออก แล้ววางมือลงบนไหล่เจียงซื่อ
“จะพูดอย่างไรดี คุณชายทั้งสองทะเลาะกันเพื่อข้านั้นมันไม่คุ้มค่าหรอกเจ้าค่ะ” แม่เล้ายิ้มพร้อมกับเข้าไปไกล่เกลี่ย
สายตาเด็กหนุ่มนิ่งสุขุม แถมยังฉายแววอันตรายบางอย่างมองมาที่เจียงซื่อ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
ไม่นึกเลยว่าเขาจะเจออาซื่อที่นี่ นี่มันคิดไม่ถึงเลยจริง!
ไม่โกรธ ไม่โกรธ รอถามให้เข้าใจก่อนค่อยพูด
องค์ชายอวี้ชีแอบปลอบใจตัวเองอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง ถึงได้ใจเย็นลง