ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 296 กลับไปเที่ยวที่แม่น้ำจินสุ่ย
ในชั่วขณะนั้นอวี้จิ่นนึกถึงเรื่องที่เจียงซื่อเคยบอกกับเขาคือ ‘มีคนสองคนบอกว่าต้องหาหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์ละม้ายคล้ายคลึงกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้นางเข้าหาท่าน…’
เป็นไปได้หรือไม่ว่าหญิงสาวที่ว่าจะเป็นเหล่าคณิกาที่แม่น้ำจินสุ่ย
“นาวาของที่ไหนกัน”
หลงต้านรู้สึกตกใจกับท่าทีของอวี้จิ่น
เอ๋ เขานึกว่าเจ้านายจะดีใจเสียอีก หากในยามปกติไม่สะดวกไปหาคุณหนูเจียง ก็สามารถไปหาหญิงงามเมืองนางนั้นเพื่อคลายความเบื่อหน่ายได้ หรือต่อให้เจ้านายกับคุณหนูเจียงออกเรือนไปแล้ว หากมีวันใดนางทำให้โกรธเคืองก็ยังไประบายความคับข้องใจนั้นกับนางแทนก็ย่อมได้…
แค่กๆ คิดเช่นนี้ดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด
“หมายความว่า เจ้านายเพิ่งจะไปเที่ยวที่หอเยี่ยนชุนมา แล้วนี่วางแผนจะไปที่หอฟู่ฟางอีกหรือขอรับ แม่เล้าบอกว่าคณิกานางนั้นเพิ่งมาได้ไม่นาน นางเป็นชิงกวน[1]ขอรับ”
อวี้จิ่นขมวดคิ้วพลางกวาดตามองไปทางหลงต้าน
นับวันไอ้คนนี้ยิ่งพูดอะไรไม่เข้าท่า อะไรคือเพิ่งจะไปเที่ยวที่หอเยี่ยนชุนมาแล้ววางแผนจะไปเที่ยวที่หอฟู่ฟางต่อ เขาเรียกว่าไปสืบคดีต่างหาก!
“นางนามว่าอะไร”
“นามว่าชิงชิงขอรับ จากที่สังเกตดู แม่เล้าใช้นางราวกับเป็นต้นไม้เขย่าเงิน คงหวังชุบเลี้ยงนางให้เป็นคณิกาอันดับหนึ่ง จากที่ข้าน้อยสืบมา ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่แม่เล้ามิค่อยถูกใจนัก” หลงต้านถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างหัวเสีย พลางเอ่ยพึมพำ “เรือนร่างของพวกข้าออกกำยำปานนี้ แม่เล้ายังตาต่ำเอ่ยวาจาดูถูกเสียได้…”
“ไปเอาเสื้อคลุมมาให้ข้า”
หลงต้านนำชุดใหม่มาให้อวี้จิ่นเปลี่ยน ครั้นเห็นเจ้านายกำลังจะเดินออกไปก็อดถามไม่ได้ “เจ้านาย นี่ท่านกำลังจะไปไหนหรือขอรับ”
“ไปหอฟู่ฟาง”
“หา?” หลงต้านหันหน้ามองฟ้าด้วยความประหลาดใจ “ยามนี่แล้ว พวกหญิงงามเมืองคงรับแขกกันไปหมดแล้วนะขอรับ…”
“ไร้สาระ” อวี้จิ่นมองตาขวางใส่หลงต้าน พลันก้าวฉับออกไปทันที
หลงต้านรีบตามออกไปติดๆ
“เจ้าไม่ต้องไป”
หลงต้าน “…”
นี่มัน เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล?
ริมฝั่งแม่น้ำจินสุ่ยยังคงสว่างไสวเฉกเช่นช่วงเวลากลางวัน ใบของต้นหลิวริมสองฝั่งเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนเกือบหมดต้น ราวกับชายวัยไม้ใกล้ฝั่งที่ยืนรับลมพัดโชยเฉื่อยยามค่ำคืน ใบไม้ที่ร่วงหล่นถูกพัดกลืนเข้าไปปะปนกับกลิ่นเครื่องประทินผิวหอมหวน
สรรพสำเนียงของเครื่องดนตรีส่งเสียงแผ่วเบาไปทั่ว แสงไฟระยิบระยับบนผิวน้ำถูกย้อมสีสันเย้ายวนชวนหลงใหลไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้ยามนี้เมืองหลวงจะเริ่มเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง แต่ทว่าที่แห่งนี้ยังคงให้ความรู้สึกของฤดูใบไม้ผลิอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เรือลำน้อยใหญ่ลอยล่องออกจากฝั่ง และแล่นไปตามแม่น้ำอย่างอิสระ
อวี้จิ่นโบกมือเรียกเรือบุปผาที่ค่อยส่งแขกซึ่งจอดอยู่ที่ริมฝั่ง
ชายชราที่กำลังพายเรือยิ้มแป้น “คุณชายต้องการไปที่ใดขอรับ”
“เรือฟู่ฟาง” อวี้จิ่นไม่ต้องการเอ่ยสิ่งใดให้มากความจึงตอบเพียงสั้นๆ
ชายชราผู้นั้นรู้งานเป็นอย่างดีจึงมิได้ถามซอกแซก ตอบรับเพียงคำเดียวก็หันไปเร่งฝีพายอย่างขยันขันแข็ง เรือรับจ้างจึงเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เรือลำน้อยแล่นเข้าไปรวมอยู่กับเรือลำอื่นๆ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงนาวาที่มีป้ายไฟประดับว่า ‘เรือฟู่ฟาง’
“หอฟู่ฟางรับแขกหน่อย” ชายชราตะโกนบอกพลางจอดเรือ
มีคนบนนาวาใหญ่รีบลงมาต้อนรับอวี้จิ่นทันที
เช่นเดียวกับเรือเยี่ยนชุน หอฟู่ฟางมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ครั้นแม่เล้าเห็นการแต่งกายของอวี้จิ่นแล้ว ใบหน้าของนางก็ฉายแววกระตือรือร้น นางกระวีกระวาดออกมาต้อนรับทันที
อวี้จิ่นเข้าไปนั่งในห้องรับแขก มือเขี่ยถ้วยชาเล่นไปพลาง เขาแทบจะไม่สนใจการแสดงบนเวทีเสียด้วยซ้ำ
“คุณชายมีหญิงที่หมายตาไว้หรือไม่เจ้าคะ” แม่เล้าเดินเข้ามาถาม
“เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก”
“เช่นนี้นี่เอง ประจวบเหมาะกับที่เฟยเฟยคณิกาอันดับหนึ่งของเรากำลังว่างอยู่พอดี ให้ข้าเรียกนางมาร้องเพลงให้คุณชายฟังดีไหมเจ้าคะ”
อวี้จิ่นพยักหน้าเล็กน้อย
“เช่นนั้นคุณชายเข้าไปในห้องพิเศษดีกว่าเจ้าค่ะ ตรงนี้เสียงดังอึกทึกเกรงว่าจะฟังเพลงไม่ได้อรรถรส”
อวี้จิ่นเพิ่งนั่งลงในห้องพิเศษได้ไม่นานก็มีหญิงสาวสวมผ้าคลุมไหล่บางโปร่งเดินถือผีผา[2]เข้ามา
“คุณชาย นี่คือเฟยเฟย”
อวี้จิ่นกวาดตามองเฟยเฟยอย่างเกียจคร้าน
ดวงตาของเฟยเฟยเป็นประกาย พลางย่างกรายอ่อนอรชรเข้าไปหา “ไม่ทราบว่าคุณชายฟังเพลงอะไรดีเจ้าคะ”
เงินพวงหนึ่งถูกโยนเข้าไปที่อกของหญิงสาว น้ำเสียงเกียจคร้านของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น “เพลงอะไรก็ได้”
เฟยเฟยยิ้มพราว รีบยกผีผาขึ้นมาวางบนโต๊ะ และเริ่มขับร้องเสียงใส
“…เอื้อมมือสัมผัสพักตรานวลนาง พยับเมฆาพลันลอยเลือนหาย เอื้อมมือสัมผัสปทุมถันนวลนาง สุขสราญเหมือนขึ้นสรวงสวรรค์…”
ที่แท้ก็เพลง สัมผัสทั้งสิบแปด
อวี้จิ่นอยู่ในค่ายทหารที่ทางใต้ยาวนานกว่าสิบปี ไม่ว่าจะมุกตลกใดๆ ที่พวกทหารชอบเล่น ล้วนเคยผ่านหูมาแล้วทั้งสิ้น พอได้ฟังเนื้อเพลงประโลมโลกเช่นนี้จึงมิได้รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด
เมื่อเฟยเฟยร้องจบ นางก็ถลาร่างอ่อนนุ่มของตัวเองเข้าไปหาชายหนุ่มทันที แต่ทว่าเขากลับใช้มือผลักนางออก พร้อมกับเอ่ยแผ่วเบา “น่าหน่ายเสียจริง สู้ข้าไปฟังดนตรีที่โถงกลางยังดีเสียกว่า”
เฟยเฟยไม่กล้าชักสีหน้าต่อหน้าแขก จึงทำได้เพียงหันไปมองแม่เล้าด้วยสายตากล้ำกลืน
แม่เล้าหัวเราะขึ้น “จากรูปการณ์แล้ว คุณชายคงโหยหาอะไรใหม่ๆ สินะเจ้าคะ โชคดีที่หอฟู่ฟางของพวกเราเพิ่งรับหญิงสาวเข้ามาใหม่ เรื่องความงามของนางคงมิต้องพูดถึง นางยังเป็นชิงกวนด้วยเจ้าค่ะ คุณชายอยากลองพบนางหน่อยไหมเจ้าคะ”
อวี้จิ่นพยักหน้าเล็กน้อย
ไม่นานนัก ม่านลูกปัดก็ส่งเสียงขึ้น มีหญิงสาวหน้าแฉล้มท่าทางอ่อนหวานเดินเข้ามา
แม่เล้าสั่งให้เฟยเฟยออกไปก่อน จากนั้นก็จูงหญิงสาวผู้มาใหม่เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าอวี้จิ่น “ชิงชิง เงยหน้าให้คุณชายชมเสียหน่อย”
ดูเหมือนหญิงสาวนางนั้นจะมิเต็มใจนัก ยังคงก้มหน้าก้มตาไม่เคลื่อนไหว แม่เล้าเอื้อมมือไปหยิกเด็กสาว “ข้าบอกให้เจ้าเงยหน้าขึ้น” เมื่อพูดจบก็หันไปส่งยิ้มหวานให้อวี้จิ่น “คุณชายโปรดอย่าถือสาเลยนะเจ้าคะ ชิงชิงเพิ่งมาใหม่ จึงยังมิค่อยรู้งาน”
อวี้จิ่นขมวดคิ้ว “ไม่รู้งานจริงตามที่ว่า”
ก็แค่คณิกานางหนึ่งที่แสร้งทำเป็นเหนียมอายเพื่อจะได้ถ่วงเวลาทำงาน
ทั้งชิงชิงและแม่เล้าต่างก็ผงะไปชั่วครู่
คุณชายผู้นี้จับทางยากเสียจริง
แม่เล้ารีบตอบสนอง เอื้อมมือไปดันชิงชิงให้ขยับเข้าไป “ไม่ได้ยินรึ เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร”
ชิงชิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้าของนางกระอักกระอ่วนเต็มทน เริ่มมีน้ำใสๆ ลื่นอยู่ในดวงตา เด็กสาวขานเรียกเสียงแผ่วเบา “คุณชาย”
อวี้จิ่นหรี่ตาลงเล็กน้อย
หากจะบอกว่าดูคล้ายอาซังผู้เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็พอมีส่วนอยู่บ้าง แต่การที่อีกฝ่ายคิดว่ารูปลักษณ์เพียงเท่านี้จะสามารถทำให้เขาใจเต้นได้ ก็ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นโง่เขลา หรือไม่รู้จักกลัวกันแน่
“งดงามสมคำร่ำลือ” อวี้จิ่นยกยิ้มมุมปากพลางถาม “ร้องเพลงเป็นหรือไม่ อย่างพวกเพลง สัมผัสทั้งสิบแปด”
ใบหน้าของชิงชิงแข็งทื่อ นางหลับตาก่อนจะตอบ “ไม่เป็นเจ้าค่ะ”
“แล้วร่ายระบำเป็นหรือไม่”
ชิงชิงส่ายหัว
“เช่นนั้นก็เอาใจชายหนุ่ม?”
ชิงชิงหน้าแดงระเรื่อ ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
อวี้จิ่นแสดงสีหน้าไม่ยี่หระ “ทำไม่เป็นสักอย่าง หรือจะต้องให้ข้าร้องเพลงร่ายระบำให้เจ้าดู แม่เล้า หญิงงามเช่นนี้ท่านเก็บเอาไว้เถอะ ข้าไม่สนใจหรอก”
แม่เล้าตะลึงค้างไป
ไม่ใช่สิ นี่มิใช่สิ่งที่นางคิดไว้!
“คุณชาย ชิงชิงยังใหม่มาก การที่นางจะเหนียมอายก็เป็นเรื่องธรรมดา ท่านอย่าถือสาเลยนะเจ้าค่ะ…”
อวี้จิ่นหัวเราะเยาะ “เหล่าสตรีสูงศักดิ์ที่เห็นข้า ต่างก็แสดงท่าทีเหนียมอายกันทั้งนั้น หากต้องเจอสตรีเหนียมอายเช่นนี้อีกข้าจะมาที่นี่ทำไมกัน”
หลังจากเอ่ยจบก็เดินออกไปทันทีโดยไม่ได้สนใจแม่เล้าเลยสักนิด
แม่เล้าขยิบตาให้ชิงชิงหนหนึ่งก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป “คุณชาย ชิงชิงช่างโง่เขลา นางทำให้ท่านหมดสนุกเช่นนี้ ข้าจะให้นางชดใช้เอง ชิงชิง ยังไม่มานี่อีก!”
ชิงชิงค้อมศีรษะเดินมา แต่แล้วก็ชนเข้ากับชายที่เดินโซเซสวนมาพอดี
จากสภาพแล้วชายผู้นั้นดื่มมาไม่น้อย ครั้นมีคนเดินมาชนก็กล่าวสบถออกมาทันควัน แต่พอหันขึ้นมาเห็นชิงชิง แววตาของชายผู้นั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นประกายขึ้นมาทันที เขารีบดันร่างหญิงสาวในอ้อมแขนออกไป แล้วหันไปคว้ามือชิงชิงมาจับไว้ “หลิวมาหม่า นางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไฉนข้าถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”
ชิงชิงหันไปมองแม่เล้าด้วยสีหน้าตื่นตระหนก สายตานั้นส่งไปยังอวี้จิ่นซึ่งยืนห่างจากแม่เล้าออกไปไม่ไกลด้วยเช่นกัน
อวี้จิ่นดึงมุมปากขึ้น
ช่างน่าเบื่อเสียจริง ละครฉากที่ถูกตัดตอนออกมากลับไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยสักนิด
———————————-
[1] ชิงกวน คือ หญิงงามที่ใช้ความเชี่ยวชาญในศิลปะแขนงต่างๆ เช่น เต้นรำ ขับร้องและแต่งกลอนเพื่อสร้างความบันเทิงให้แขกที่มา
[2]ผีผา เครื่องดนตรีประเภทพิณของประเทศจีน