ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 337 บังเอิญพบกันในสวนดอกไม้
หากเปรียบเทียบกับคุณหนูหกเจียงเพ่ยที่ปากไม่มีหูรูดแล้ว เจียงลี่นับว่าเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวัง นางไม่เคยพูดจาพาดพิงถึงผู้อาวุโส โดยเฉพาะอย่างยิ่งมารดาใหญ่ของนาง นางไม่เคยจะเอ่ยถึงมาก่อนเลย การที่นางกล่าวออกมาเช่นนี้จึงเป็นคำพูดที่ครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว
ร่างกายเอ้อร์ไท่ไท่ไม่สบาย ในวันนี้นางอารมณ์เสีย…
คำว่าร่างกายไม่สบายนั้นเป็นเพียงคำเอ่ยเริ่มต้นประโยค ที่สำคัญก็คือในวันนี้นางอารมณ์เสียใหญ่
เรื่องใดกันที่ทำให้เอ้อร์ไท่ไท่อารมณ์เสียได้
เจียงซื่ออดไม่ได้ที่จะนึกถึงแขกผู้เดินทางมาเยือนในวันนี้
ในตอนนั้น พี่น้องทุกคนล้วนเดินทางไปที่เรือนฉือซิน ซานไท่ไท่ก็อยู่ที่นั่นด้วย มีเพียงเอ้อร์ไท่ไท่เท่านั้นที่ไม่ได้ไป
นับจากที่เฝิงเหล่าฮูหยินประกาศว่าให้ซานไท่ไท่และเอ้อร์ไท่ไท่จัดการดูแลเรื่องในจวนด้วยกัน ภายในจวนก็มีการซุบซิบนินทามากมาย เรื่องนี้เจียงซื่อเองก็ได้ยินมาบ้าง
หากในช่วงนี้เซียวซื่อจะรู้สึกไม่มีความสุขก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว นางจัดการดูแลจวนนี้มาถึงสิบกว่าปี จู่ๆ ก็มีอนุภรรยาเข้ามาแทรกแซง การถูกแบ่งอำนาจยังไม่เท่าไร แต่สิ่งสำคัญก็คือนางเสียหน้า
การที่เจียงลี่เน้นย้ำว่าในวันนี้เอ้อร์ไท่ไท่อารมณ์เสีย นั่นหมายความว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาหญิงโต้วใช่หรือไม่
เจียงซื่อไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ
มีญาติของท่านย่าเดินทางมา เอ้อร์ไท่ไท่จะอารมณ์เสียเรื่องใด
เรื่องนี้จะต้องมีบางอย่างไม่ปกติแน่นอน
เจียงซื่อยกมือขึ้นแล้วนวดไปที่หัวคิ้ว
“คุณหนู ดื่มชาร้อนสักถ้วยก่อนเจ้าค่ะ”
เจียงซื่อยื่นมือไปรับถ้วยชาจากอาเฉี่ยว แล้วจิบเข้าไปเบาๆ
น้ำชาอุ่นที่ไหลลงไปในกระเพาะทำให้นางรู้สึกสบายตัวยิ่งนัก อีกทั้งยังทำให้เจียงซื่อหัวโล่งขึ้น
ก่อนหน้านี้เอ้อร์ไท่ไท่และอาหญิงโต้วไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ช่วงนี้ก็ไม่มีเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้นางโมโหเป็นฟืนเป็นไฟได้ จะว่าไปแล้วก็มีเพียงเรื่องผลประโยชน์ สำหรับสตรีเช่นนางซึ่งดูแลเรื่องในจวนนี้ ผลประโยชน์นั้นหากไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุรุษ ก็คงเป็นเรื่องของอำนาจ…
เจียงซื่อสะดุ้งเล็กน้อย
หรือว่าท่านย่าต้องการจะให้อาหญิงโต้วผู้นี้เป็นอนุภรรยาของลุงรอง! เนื่องจากบัดนี้ท่านย่าให้อาสะใภ้สามเป็นคนดูแลเรื่องในจวน เห็นได้ชัดว่า นางรู้สึกไม่พอใจกับอาสะใภ้รอง
แต่มองไปแล้วก็ไม่น่าใช่ แม้อาหญิงโต้วจะยากจนข้นแค้นสักเพียงใด ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรสาวของน้องสาวท่านย่า ท่านย่าจะเห็นแก่ผลประโยชน์และให้หลานสาวแท้ๆ ไปเป็นอนุภรรยาของบุตรชายได้อย่างไร หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปคงจะถูกติฉินนินทา
แล้วเอ้อร์ไท่ไท่โมโหเรื่องใดกัน
ในสมองของเจียงซื่อมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา ซึ่งอาจเป็นไปได้ นางตกใจและลุกขึ้นยืนเฉียบพลัน มือปัดไปโดนถ้วยน้ำชาหก
ชาร้อนไหลลงจากขอบโต๊ะไปด้านล่าง และกระเด็นไปโดนที่มือของนาง ทำให้มืออันขาวผ่องแดงเรื่อ
อาเฉี่ยวรีบใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเข้าไปประคบที่มือของเจียงซื่อ ส่วนอาหมานก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำที่หล่นลงสู่พื้น
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” สีหน้าท่าทางอันไม่น่ามองของเจียงซื่อทำให้อาเฉี่ยวรู้สึกกระสับกระส่ายแล้วเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง
เจียงซื่อโบกมือปฏิเสธโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา แต่ในใจของนางเต็มไปด้วยคลื่นยักษ์
ที่ไหนได้ท่านย่าต้องการจะหาแม่เลี้ยงให้แก่นางต่างหาก
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เอ้อร์ไท่ไท่โมโหหงุดหงิด หากว่าบ้านใหญ่มีนายหญิง ท่านย่าซึ่งไม่พอใจในท่าทีของเอ้อร์ไท่ไท่ก็คงจะมอบหน้าที่การดูแลจวนให้แก่สะใภ้ใหญ่
จะหาแม่เลี้ยงให้นางก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ท่านพ่อต้องยินยอมด้วยเท่านั้น ทว่าตัวเลือกของแม่เลี้ยงท่านย่าเป็นคนกำหนด จึงทำให้เจียงซื่อไม่ชื่นชอบ
ไม่ได้การละ เรื่องนี้จะต้องตักเตือนท่านพ่อสักหน่อย
เนื่องจากนางไม่ใช่สตรีที่ไม่รู้ประสีประสาอีกต่อไป เจียงซื่อมีความเข้าใจเกี่ยวกับชายหนุ่มไม่น้อย
ถึงแม้ว่าท่านพ่อจะรักเดียวใจเดียว และยังคงคิดถึงท่านแม่ที่จากไปแล้วหลายปีอยู่ก็ตาม ทว่าคนเราล้วนมีหัวใจและอาจผิดพลาดได้ทั้งนั้น หากว่าท่านพ่อเผลอเรอไปมีความสัมพันธ์กับอาหญิงโต้วเข้า เขาจะไม่รับผิดชอบเชียวหรือ
เจียงซื่อใช้ผ้าชุบน้ำเย็นกดไว้ที่มือแล้วหันไปกำชับกับอาเฉี่ยวว่า “ไปหยิบผ้าคลุมมาให้ข้าหน่อย”
อาเฉี่ยวรีบลุกขึ้นไปหยิบผ้าคลุมบ่ามาแล้วเอ่ยถามเจียงซื่อว่า “คุณหนูจะออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ”
อากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ หากไม่มีเรื่องราวใด การนั่งอ่านหนังสือพิงไปข้างกรงเทียนธูปหอมแล้วจิบชาร้อนจึงเป็นเรื่องที่สบายยิ่งนัก
“ข้าจะไปหาท่านพ่อ”
อาเฉี่ยวไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ นางเดินตามเจียงซื่อไปข้างนอกทันที
แต่จู่ๆ เจียงซื่อก็หยุดฝีเท้าลงแล้วกล่าวว่า “อาหมานไปกับข้า อาเฉี่ยวเจ้าอยู่เก็บกวาดเรือน”
ในอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้ หากเปรียบเทียบกันแล้วอาหมานที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ เหมาะสมที่จะเดินทางออกไปพร้อมกับนางกว่าอาเฉี่ยวที่ร่างกายบอบบางมากนัก
แต่อาหมานหาได้รู้ถึงความคิดของคุณหนูไม่ นางหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาให้อาเฉี่ยวแล้วเดินกางร่มออกไปข้างนอกอย่างหยิ่งผยอง
เมื่อเดินทางออกจากประตูมา ลมหนาวก็พัดมากระทบร่างกาย
อาหมานกางร่มออก นางกระทืบเท้ากล่าวว่า “คุณหนูเจ้าคะ ระวังพื้นลื่น”
หิมะบางเบาเช่นนี้ช่างน่าหงุดหงิดเหลือเกิน หากบนพื้นถนนมีหิมะสูงกว่านี้สักหน่อยก็คงดี แต่หิมะเช่นนี้เปรียบเสมือนกับขัดมันให้แก่หิน ที่บนทางเดินราวกับได้สาดน้ำมันลงไป หากเดินอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจจะหกล้มได้
เจียงซื่อนำผ้าคลุมคลุมร่างกายแล้วเดินตรงออกไปข้างนอก
เมื่อเดินทางออกมาจากเรือนไห่ถัง ก็ไม่มีกำแพงคอยสกัดกั้นลมหนาว สายลมกระทบกับใบหน้าอย่างจัง ให้ความรู้สึกเหมือนมีใบมีดจ่ออยู่ที่แก้มทั้งสอง
อากาศเช่นนี้ไม่มีผู้ใดออกเดินทางมาข้างนอกบ้านเลย มองไปช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
อาหมานใช้มือข้างหนึ่งกางร่ม อีกข้างหนึ่งพยุงเจียงซื่อเดินไปข้างหน้า สายตาของนางเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเข้า
สายตาของอาหมานค่อนข้างดี ในไม่ช้านางก็มองออกว่าคนผู้นั้นใบหน้าไม่คุ้นเคย จึงได้กระซิบเรียกคุณหนู เจียงซื่อก็เห็นเขาผู้นั้นเช่นกัน ใบหน้าของเขาดูไม่จริงใจ จากท่าทางและการสวมใส่เสื้อผ้าไม่ใช่บ่าวรับใช้
การที่มีคนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในสวนดอกไม้ ทำให้รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พอจะมองออกว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตางดงาม อายุประมาณยี่สิบกว่าปี
ดูเหมือนเจียงซื่อจะรับรู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือใคร คาดว่าคงจะเป็นอาชายโต้ว
แม้จะรู้ถึงตัวตนของชายหนุ่มแล้ว ทว่าเจียงซื่อก็ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปทักทาย
เนื่องจากยังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน หากเจอกันในสวนดอกไม้โดยบังเอิญแล้วจะให้นางเข้าไปทำความเคารพคงจะดูเคอะเขินเล็กน้อย อีกทั้งความรู้สึกดีที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในตอนแรกที่พบกับอาหญิงโต้วได้สลายหายไปเมื่อครั้นที่เดาว่าเฝิงเหล่าฮูหยินวางแผนอะไรอยู่ไปจนสิ้น
อยากจะเป็นแม่เลี้ยง เป็นน้าของนางหรือ หึ จะให้นางรู้สึกดีด้วยก็คงแปลก
เดิมทีเจียงซื่อคิดว่าหากอาชายโต้วผู้นี้บังเอิญพบเข้ากับสตรีวัยเยาว์ในสวนดอกไม้ของคนอื่น เขาคงจะรู้สึกอึดอัดใจและปลีกตัวออกไป แต่คิดไม่ถึงว่านางเดาผิด
นับตั้งแต่นางปรากฏกายขึ้น สายตาเขาก็ไม่เคยละไปจากนาง
สายตาของโต้วฉี่ถงไม่ได้ละไปจากนางจริงๆ!
ท่ามกลางสวนดอกไม้อันว่างเปล่า หิมะที่โปรยปรายลงมา ร่มกระดาษสีเขียวอ่อนค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ ใต้ร่มมีหญิงสาวสวมเสื้อคลุมสีแดง…เอ๋ ดูเหมือนยังมีบ่าวรับใช้อีกคนหนึ่งด้วยหรือ
แน่นอนว่าโต้วฉี่ถงไม่เห็น
เจียงซื่อขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหันไปพยักหน้าให้แก่อาหมาน “ไปทางโน้น”
คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะเดินตรงเข้ามา แล้วดักทางไปข้างหน้าของทั้งสองเอาไว้
อาหมานจับไปที่เอวของตนตั้งใจจะต่อสู้ แต่เจียงซื่อส่ายหน้า
ไม่มีเรื่องย่อมดีกว่าการหาเรื่องใส่ตน นับประสาอะไรกับในที่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ นางไม่มีเวลามากพอจะมาทะเลาะเบาะแว้งกับชายแปลกหน้า
แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้คิดเช่นนี้
เมื่อเข้ามาใกล้ก็ยิ่งมองเห็นใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวได้ชัดขึ้น ผิวพรรณที่อยู่นอกเสื้อผ้านั้นงดงามราวกับหยกขาวที่ถูกแกะสลักออกมา ทำให้ผู้พบเห็นวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
ที่เขตจินซา เขาไม่เคยเห็นหญิงใดงดงามเช่นนี้มาก่อน
หัวใจของโต้วฉี่ถงลุกร้อนเป็นไฟ แต่ขาของเขากลับอ่อนแรงและก้าวมาข้างหน้า
“หยุดเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงของหญิงสาวดังขึ้น
น้ำเสียงนั้นเบาบางแต่เยือกเย็น ท่ามกลางเกล็ดหิมะที่ล่องลอยอยู่ในสวนดอกไม้ ทำให้ผู้ที่ได้ยินหนาวจับใจ
โต้วฉี่ถงรู้สึกว่าตนเมามายไปแล้ว เขาเอื้อมมือออกไปตั้งใจจะจับเจียงซื่อ
เจียงซื่อจึงได้รีบแย่งร่มในมือของอาหมาน พับหุบลงจากนั้นฟาดไปที่โต้วฉี่ถงอย่างแรง
โต้วฉี่ถงเจ็บปวดร้องออกมา
แต่เจียงซื่อก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น นางวิ่งตามชายหนุ่มคนนั้นไปแล้วใช้ร่มฟาดลงไปอีกหลายทีก่อนจะวางมือลง
ในที่สุดชายหนุ่มผู้หน้าตาหล่อเหลาก็ถูกทุบตีจนหน้าบวมเป็นหัวหมู เขานอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น
“ไปกันเถอะ” เจียงซื่อหันไปกำชับกับอาหมาน
อาหมานก้มศีรษะลงมองดูชายหนุ่มที่ร้องโหยหวนแล้วเข้าไปเตะซ้ำก่อนจะวิ่งตามไปว่า “คุณหนูเจ้าคะ รอบ่าวด้วย หากไม่กางร่มจะเป็นหวัดเอาได้”