ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 340 ตัดทิ้งเสีย
แสงสว่างที่ปรากฏขึ้นกะทันหันนี้ ทำให้โต้วฉี่ถงหลับตาลงทันใด เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง จู่ๆ ก็พบว่าที่ด้านหน้ามีคนอยู่คนหนึ่ง
ไม่ใช่สิ เป็นผี! ผีที่บังเอิญเจอในสวนดอกไม้เมื่อกลางวัน
โต้วฉี่ถงเชื่อมั่นว่าบัดนี้เขาเจอผีเขาแล้วจริงๆ ส่วนเมื่อตอนกลางวันเหตุใดจึงเจอกับผีได้ เรื่องนี้ยังต้องอธิบายอีกหรือ ในตอนนั้นหิมะตกไม่มีแม้แต่ดวงอาทิตย์ การที่มีผีสาวออกมาหลอกคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
ด้วยเหตุนี้เอง สีหน้าของเขาจึงซีดราวกับผืนดิน ตัวสั่นงันงก เหงื่อไหลออกมาเป็นทาง
แต่ต่อให้อยากจะวิ่งหนีอย่างไรก็วิ่งไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ เขาก็ขยับตัวไม่ได้เลย มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่ยังสามารถเปล่งเสียงออกมาอย่างบางเบาได้ว่า “ช่วย ช่วยด้วย…”
แต่ด้วยน้ำเสียงอันแสนเบาเช่นนี้จะเรียกให้ใครเข้ามาช่วยได้เล่า คงได้เพียงฝันไป โต้วฉี่ถงจึงละทิ้งความพยายามนี้ไปแล้วหัน ไปร้องขอว่า “ปล่อยข้าไปเถิด ข้าเพียงแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น”
เมื่อพบว่าผีสาวเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ โต้วฉี่ถงก็ตกใจกลัวจนฉี่แทบราด เขาตะโกนร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแทบจะร้องไห้ว่า “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ข้าไม่เคยฆ่าผู้ใด ไม่วางเพลิงผู้ใด แม้แต่มือของเจ้าข้าก็ไม่ได้สัมผัส หากเจ้าจะเอาชีวิตข้าไปเช่นนี้ข้าก็คงจะกลายเป็นผีดุเช่นกัน ข้าจะบอกกับเจ้าให้ว่าข้าเป็นบุรุษ เมื่อข้าตายไปเป็นผีผู้ชาย วิญญาณข้าจะดุร้ายกว่าผีผู้หญิงมากนัก เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะแก้แค้นเจ้า…”
โต้วฉี่ถงหลับตาแล้วตะโกนออกมา “ดังนั้นเจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนที่เสียหายก็คือเจ้าเอง”
จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ กล่าวขึ้นขัดประโยคของโต้วฉี่ถงอันไร้สาระนั้นว่า “หากข้าฆ่าเจ้า มีแต่จะนำความยุ่งยากมาให้ ดังนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”
จู่ๆ โต้วฉี่ถงก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเบิกตาจ้องไปยังผีสาวที่อยู่ด้านหน้า
บางทีอาจเป็นเพราะนางเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หรืออาจจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยการหยอกล้อเมื่อสักครู่ ดูเหมือนโต้วฉี่ถงจะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง สายตาของเขาจึงหันไปมอง
แสงไฟทำให้เงาของหญิงสาวทอดยาวออกไป ดูสูงเรียวและผอมเพรียว
โต้วฉี่ถงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ขอบคุณสวรรค์ นางไม่ใช่ผี!
ไม่ใช่ผีแต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
อีกทั้งเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม จู่ๆ โต้วฉี่ถงก็ใจกล้าขึ้นแล้วเอ่ยถามเจียงซื่อว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่” เจียงซื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
นี่คือความกล้าหาญอันล้นฟ้าสินะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจแม้แต่ขยับตัวได้แล้ว แต่เวลาดึกดื่นเที่ยงคืนปรากฏหญิงสาวแปลกหน้าที่มีเจตนาร้ายขึ้นตรงหน้า เขากลับยังมีแรงเหลือพอที่จะเอ่ยถามเช่นนี้
นางได้แต่ยิ้ม
ท่ามกลางแสงไฟสลัว รอยยิ้มนั้นช่างดูลึกลับแปลกประหลาด ทำให้โต้วฉี่ถงเหงื่อไหลออกกลางหลังเป็นน้ำเปียกโชก
หญิงสาวกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าเป็นผู้ที่จะมาทำหมันให้เจ้า”
“อะ อะ อะไรนะ?” โต้วฉี่ถงคิดว่าตนฟังผิดไป เขาอุทานออกมาอย่างตะกุกตะกัก
ในมือของหญิงสาวมีกรรไกรถือห้อยไปมา อีกทั้งยังขยับมันอยู่สองฉึบ ส่งเสียงกระทบกันของกรรไกรเบาๆ
โต้วฉี่ถงตกใจเสียจนหน้าซีด ฟันบนและฟันล่างของเขากระทบกันออกมาเสียงดังกึกๆ
เจียงซื่อหันไปพยักหน้าให้อาหมาน
อาหมานจึงเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วมองดูชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าของเขาหล่อเหลาเหลือเกิน
จากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง พรึบ! กางเกงของโต้วฉี่ถงถูกดึงลงมาข้างล่าง
“ชะ ชาย ชายหนุ่มหญิงสาว ไม่ควรใกล้ชิดกัน…”
“ถุย!” บ่าวรับใช้ตัวน้อยถุยน้ำลายออกมาแล้วเอามือเท้าสะเอวด่าโต้วฉี่ถงว่า “บัดนี้มากล่าวสิ่งใดว่าชายหนุ่มหญิงสาวไม่ควรใกล้ชิดกัน ตอนกลางวันที่สวนดอกไม้เหตุใดเจ้าจึงใจกล้านักหนา”
เขาก้มหน้าลงมองดูกางเกงที่หลุดลงไปอยู่ด้านล่าง บัดนี้ขาของเขาว่างเปล่า จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองดูกรรไกรที่แกว่งไปมา หากว่าโต้วฉี่ถงสามารถขยับตัวได้ บัดนี้เขาคงจะคุกเข่าร้องขอชีวิตแล้ว ส่วนตอนนี้จึงทำได้เพียงวิงวอนด้วยคำพูด “ไว้ชีวิตข้าเถิด! เมื่อตอนกลางวันข้าเพียงแค่หน้ามืดตามัว เนื่องจากข้าไม่เคยเจอหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มาก่อน...”
อาหมานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
ประโยคนี้เป็นเรื่องจริง เนื่องจากคุณหนูของนางงดงามยิ่งนัก
นางจึงหันไปมองทางเจียงซื่อ
สีหน้าของเจียงซื่อยังคงไร้ความรู้สึกดังเดิม น้ำเสียงของนางหนาวเหน็บยิ่งกว่าลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างเสียอีก “ข้าเองก็ไม่เคยเห็นชายใดที่โรคจิตและใจกล้าได้เพียงนี้ ดังนั้นก็ตัดมันเสียเถิด ในอนาคตเจ้าจะได้ไม่ต้องไปทำร้ายผู้อื่นอีก”
“อย่า อย่านะ” โต้วฉี่ถงมองไปทางกรรไกรที่ยื่นเข้ามา เขาพยายามกลอกตาไปมาแต่น่าเสียดายที่ภาพซึ่งตนเห็นตรงนี้เป็นเรื่องจริง
ที่แท้คนเราเวลาที่ตกใจกลัวสุดขีดไม่ได้เป็นลมล้มพับไปหรอก
“อาหมาน จับเจ้านั่นของเขาไว้ ข้าจะทำการตัดแล้ว”
น้ำเสียงอันงดงามอ่อนหวานของหญิงสาว เมื่อเข้าไปถึงหูของโต้วฉี่ถงน่ากลัวยิ่งกว่าผีดุเสียอีก
เขาเข้าใจผิดไป ที่จริงแล้วคนน่ากลัวยิ่งกว่าผี!
“แม่นาง อย่าได้จัดการกับของรักของหวงข้าเลย เมื่อสักครู่ข้าเพิ่งจะฉี่และยังไม่ได้อาบน้ำ หากทำให้มือแม่นางสกปรกคงไม่ดี…”
อาหมานหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสะบัดแล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ใครบอกว่าข้าจะใช้มือ ข้ามีผ้าเช็ดหน้ารองเอาไว้”
โต้วฉี่ถงร้องโหยหวนออกมาอย่างหมดหวัง
นายบ่าวคู่นี้เป็นคนอย่างไรกัน คนหนึ่งถือกรรไกรไว้ในมือกล่าวว่าจะตัดเจ้าโลกของชายหนุ่มทิ้งโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี อีกคนหนึ่งกล่าวว่าจะใช้ผ้าเช็ดหน้าจับมัน
น้ำเสียงของหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า “เจ้าเองก็อย่าได้โทษข้าเลย ข้าคิดไปคิดมา นี่จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แม้วันนี้ข้าจะรอดพ้นไปได้ แต่วันหลังหากเจ้าตั้งใจจะไปทำร้ายหญิงอื่นเล่าจะทำเช่นไร”
โต้วฉี่ถงดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นของกรรไกรที่ลอยออกมา เขาตกอกตกใจเสียจนน้ำหูน้ำตาไหลริน “ไม่ ข้าไม่กล้าแล้ว ต่อให้ตายข้าก็ไม่กล้า…”
เจียงซื่อจึงเก็บกรรไกรกลับไปแล้วเล่นอยู่ในมือ “แต่คำสาบานสัญญาของบุรุษนั้นไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย หากเจ้ายังอาศัยอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่วางใจ”
โต้วฉี่ถงรีบกล่าวออกมาว่า “ข้าไป ข้าจะไป!”
“เจ้าจะไปอย่างนั้นหรือ” ในที่สุดเจียงซื่อก็ได้ยินสิ่งที่นางต้องการฟัง ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
ชายผู้นี้ช่างโง่เง่าเหลือเกิน หากเขากล่าวในสิ่งที่นางต้องการได้ยินออกมาตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องตกอกตกใจเพียงนี้
โต้วฉี่ถงปฏิกิริยาร้องไวกว่าตามปกติเป็นเท่าตัว เขาเห็นโอกาสถึงท่าทางของเจียงซื่อที่เปลี่ยนไปจึงได้รีบกล่าวว่า “พรุ่งนี้เช้า ข้าจะรีบไปทันทีไม่รีรอแม้แต่นาทีเดียว”
ให้ตายสิ เขาไม่กล้าที่จะอยู่ในสถานที่ซึ่งน่ากลัวแบบนี้หรอก ทั้งมีผีและมีคนที่น่ากลัวกว่าผี
เจียงซื่อขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แต่จู่ๆ เจ้าจะออกจากจวนปั๋วอย่างไร้เหตุผล จะให้เหล่าฮูหยินและท่าน อาคิดอย่างไรกัน พวกเขาจะไม่รู้สึกว่าเป็นการรังแกแขกหรอกหรือ”
โต้วฉี่ถงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วรีบกล่าวว่า “ข้าจะให้เหตุผลว่าข้าเป็นชาย อาศัยอยู่ที่จวนของคนอื่นนานไม่ดี ข้าตั้งใจจะออกไปใช้ชีวิตของตนเอง…”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพยักหน้า โต้วฉี่ถงจึงยิ้มขึ้นเพื่อเอาใจนาง “ท่านว่าเช่นนี้ได้หรือไม่”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเจ้าจงเดินทางไปคารวะเหล่าฮูหยินแล้วบอกจุดประสงค์นี้กับนางเถิด แต่ข้าต้องขอเตือนไว้ก่อนล่วงหน้า”
“เชิญว่ามาเถิด”
“หากวันพรุ่งนี้เจ้ายังอยู่ที่นี่ไม่จากไป คืนพรุ่งนี้ข้าจะมาอีก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เจียงซื่อก็ยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น “อย่าได้คิดว่ามีบ่าวรับใช้คอยป้องกันคุ้มกันเจ้า ในเมื่อข้าสามารถทำให้บ่าวรับใช้ของเจ้าหลับใหลเป็นตายได้ ก็สามารถทำให้คนอื่นหลับใหลได้เช่นกัน อ้อ คนอื่นนั้นรวมถึงเจ้าด้วย เมื่อถึงเวลานั้นบางทีข้าอาจจะไม่อยากเอ่ยวาจากับเจ้าให้มากความ วันที่สองที่เจ้าตื่นขึ้นมาคงจะพบว่าตนสามารถเข้าไปในพระราชวังเป็นขันทีรับใช้บรรดาสตรีเหล่านั้นได้แล้ว”
โต้วฉี่ถงแทบจะร้องไห้ออกมา “วางใจเถิด ข้าจะไปอย่างแน่นอน”
เจียงซื่อจึงเก็บกรรไกรลง “อาหมาน ไปกันเถอะ”
อาหมานเหลือบมองไปยังเบื้องล่างของชายหนุ่มด้วยท่าทางเสียดายแล้วส่ายหน้า
ทุกครั้งที่ส่ายหน้า โต้วฉี่ถงก็รู้สึกตัวสั่นงันงก จนกระทั่งพวกนางจากไปแล้วเขาก็ยังตัวสั่นไม่หาย
เขานอนไม่หลับทั้งคืน ในที่สุดรุ่งเช้าก็มาถึง
บ่าวรับใช้ที่นอนหลับสบายเดินขยี้ตาเข้ามา “คุณชายขอรับ”
โต้วฉี่ถงรีบกระโดดลงมาจากเตียงแล้วเข้าไปคว้าคอเสื้อของบ่าวรับใช้เอาไว้ “เมื่อคืนนี้เจ้าตายไปแล้วหรือไร!”
“คุณ คุณชายขอรับ…”
“เมื่อคืนนี้เจ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรือ”
บ่าวรับใช้ส่ายหน้า
โต้วฉี่ถงปล่อยมือออกแล้วเดินไปข้างนอกด้วยท่าทางโซเซ
“คุณชายขอรับ ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลยขอรับ”
ณ เรือนฉือซิน เมื่อได้ยินว่าคุณชายโต้วเดินทางมาคารวะ เฝิงเหล่าฮูหยินก็ได้กำชับให้อาฝูเชิญเขาเข้ามา