ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 346 มีปีศาจ
ค่ำคืนนี้ไม่มีลม เสียงเคาะตรงหน้าต่างจึงได้ยินชัดมากเป็นพิเศษ
สีหน้าของเจียงจั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพลันยืนขึ้น
อาหมานพุ่งเข้ามาหาอย่างกะทันหัน “คุณชายรอง เดี๋ยวบ่าวไปยกน้ำชามาให้เจ้าค่ะ!”
“หลีกไป” เจียงจั้นผลักอาหมานออกด้วยสีหน้าเข้มขมวด แล้วเดิน ฉับๆ ไปยังหน้าต่าง
เขาฟังไม่ผิดแน่ มีคนอยู่ตรงหน้าต่าง!
ฟ้ามืดแล้ว แล้วนี่เป็นห้องส่วนตัวของน้องสี่ ตรงหน้าต่างกลับมีคนมาหา จะให้เขาปล่อยไปได้อย่างไร!
เจียงจั้นพุ่งไปยังหน้าต่างด้วยหน้าเขียว แม้แต่เสียงเรียกคำว่า “พี่รอง” ของเจียงซื่อ ก็ยังไม่สามารถหยุดฝีเท้าของเขาลงได้
หน้าต่างถูกเปิดออกอย่างแรง ลมเย็นพุ่งเข้ามาอย่างจัง
เจียงซื่อนับว่ายังนิ่ง แต่กลับเป็นอาหมานกับอาเฉี่ยว ที่เอามือปิดปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ตายแน่ๆ คุณชายรองกำลังจะจับได้แล้วว่าคุณหนูกับคุณชายอวี๋แอบพบกัน! ทำอย่างไรดี คุณชายรองจะจับพวกนางโยนเข้าคอกหมูหรือไม่
นี่คือความคิดของอาเฉี่ยว
ส่วนอาหมานปิดตาลงไม่กล้ามอง
คุณชายรองกับคุณชายอวี๋จะรบกันจนนองเลือดหรือไม่ ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ นางจะช่วยคุณชายรอง หรือคุณชายอวี๋ดี
อาหมานลืมตาขึ้นอย่างลำบากใจ นางมองไปยังหน้าต่าง แล้วตาก็เบิกกว้างในทันใด
คนที่ตะลึงตกใจยิ่งกว่าอาหมานคือเจียงจั้น
เขาสบตากับสุนัขตัวใหญ่ด้านนอกหน้าต่างจนนึกว่าตาลาย เลยยกมือขึ้นขยี้ตา
ใช่เอ้อร์หนิวไม่ผิดแน่!
เอ้อร์หนิวเกาะอยู่บนขอบหน้าต่างด้วยสองเท้าหน้าพร้อมกับท่าสูดดม
เจียงจั้นทำหน้าขรึมอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเริ่มต่อว่าอย่างออกหน้า “เอ้อร์หนิว วันนี้ข้าจะฆ่าและกินเนื้อเจ้า!”
เอ้อร์หนิวยกเท้าหน้าข้างหนึ่งขึ้นมา คล้ายว่ากำลังทักทายเจียงซื่อ และก็คล้ายว่ากำลังยั่วยุคุณชายรอง จากนั้นมันหันหลังและหายเข้าไปในความมืดที่หนาวเหน็บ
เจียงจั้นใช้มือดันขอบหน้าต่างและกระโดดออกไปอย่างฉับไว ไม่นาน เงาร่างก็หายไป
หน้าต่างเปิดออกกว้าง ลมหนาวพัดเข้ามาด้านในจนเจ้านายและบ่าวรับใช้สามคนถึงกับลืมการตอบสนองไปชั่วขณะ
มีเงาร่างคนหนึ่งกระโดดเข้ามาจากหน้าต่าง ด้วยรูปร่างที่มีน้ำหนักเบา ยามฝ่าเท้ากระทบพื้น เสียงนั้นเงียบสนิท
ผู้ที่เข้ามาสวมใส่เสื้อคลุมสีดำสนิท หลังจากเข้ามาด้านใน เขาหันหลังปิดหน้าต่าง ทำการถอดชุดคลุมออกแล้วสะบัดจนทำให้น้ำค้างบนเสื้อตกลงเต็มพื้น จากนั้นก็ยื่นเสื้อให้อาเฉี่ยวที่ยังยืนตะลึงอยู่ข้างๆ
ความคุ้นเคยกับความอิสระนี้ ทำเหมือนกับว่ากลับถึงเรือนตัวเองปานนั้น
ส่วนอาเฉี่ยวก็ได้นำเสื้อคลุมไปแขวนตรงราวแขวนอย่างเป็นธรรมชาติด้วยอีกคน
เจียงซื่อมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาแล้วสลับมองที่หน้าต่าง “เอ้อร์หนิว…”
อวี้จิ่นเดินเข้ามากุมมือเจียงซื่อและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “สุนัขตัวนั้นคงคิดถึงเจ้ามาก จะตามมาให้ได้ เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เป็นแพะรับบาปให้กับข้าได้ด้วย”
เจียงซื่อยกมุมปากขึ้น
ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคนเลวคนนี้ที่สามารถปล่อยให้สุนัขของตัวเองเป็นแพะรับปากโดยไม่สนใจใยดี
“ยังเช้าอยู่เลย ทำไมมาแล้วล่ะ” เจียงซื่อเอ่ยถาม
ถ้ามาช้าอีกสักนิด ก็คงไม่ถูกพี่รองจับได้แล้ว
อวี้จิ่นกะพริบตาและยิ้ม “รังเกียจที่ข้ามาเร็วไปหรือ ถ้าข้ามาช้ากว่านี้ ข้าก็ไม่อยากกลับแล้ว…”
อาเฉี่ยวฟังแล้วหน้าแดงจึงก้มหน้าลง ส่วนอาหมานเฝ้าอยู่ตรงหน้าต่างอย่างระวังตัว
เจียงซื่อตีอวี้จิ่นหนึ่งที “หยุดตีฝากปากเสียที รีบเข้าเรื่องเถอะเจ้าค่ะ!”
เขามาหาอย่างร้อนอกร้อนใจเพียงนี้ มีเรื่องจริงจังจะพูดด้วยแน่
อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้นแล้วกวาดสายตามองสาวรับใช้สองคนหนึ่งที
เจียงซื่อถอนหายใจ “ถ้าไม่มีคนเฝ้าตรงหน้าต่าง พี่รองข้ากลับมาจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
ถ้าเกิดพบเข้าจริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นไปได้ นางก็ไม่อยากให้พี่รองต้องมาตกใจกับสิ่งนี้
อวี้จิ่นยิ้มพร้อมกับกล่าว “ไม่หรอก ข้ารู้จักเจ้าเอ้อร์หนิวดี ถ้ามีมันอยู่ พี่รองของเจ้าอย่าคิดว่าจะได้กลับมา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ องค์ชายเจ็ดเริ่มไม่สบอารมณ์
นี่มันกี่ยามแล้ว เหตุใดเจียงจั้นยังอยู่กับอาซื่อที่นี่!
เจียงซื่อกลอกตาขาวเงียบๆ
เอ้อร์หนิวเริ่มเสียคน เอ้ย เริ่มเสียหมาเพราะอวี้ชี ลองคิดดูว่ามันเป็นสุนัขที่นิสัยดีแค่ไหนในตอนแรก
“พวกเจ้าออกไปก่อน” ในเมื่ออวี้จิ่นพูดเช่นนี้ เจียงซื่อก็ทำตามอย่างไม่สงสัย นางปัดมืออันมีความหมายว่าให้อาเฉี่ยวกับอาหมานออกไปก่อน
หลังจากสาวรับใช้สองคนออกไปแล้ว อวี้จิ่นพลันดึงเจียงซื่อเข้ามายังอ้อมอกและกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจียงเอ้อร์ทำไมถึงยังอยู่กับเจ้า”
การใกล้ชิดอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้เจียงซื่อผลักเขาออกตามจิตใต้สำนึกพร้อมกับอธิบาย “วันนี้เป็นวันตงจื้อ ข้าห่อเกี๊ยวไว้ให้พี่รอง พี่รองกลับจากที่ทำงานมากินแล้วรู้สึกอร่อย จึงมาขอบคุณข้าเจ้าค่ะ”
อวี้จิ่นขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจมากกว่าเดิม “เจ้ายังห่อเกี๊ยวให้เขาด้วย?”
“เขาเป็นพี่รองของข้านะ!” เจียงซื่อจนใจ
อวี้จิ่นกัดฟัน “ข้ารู้ว่าเขาเป็นพี่ชายเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าคงทุบขาเขาหักแล้ว”
เจียงซื่อกลอกตาขาวให้เขาหนึ่งที “ถ้าเจ้ายังไม่รีบเข้าเรื่องอีก ข้าจะเข้านอนแล้วนะ”
อวี้จิ่นดึงนางนั่งลง เขายิ้มและกล่าว “งานเลี้ยงภายในพระราชวัง เสด็จพ่อตรัสถึงงานสมรสของข้า”
เจียงซื่อชะงักเล็กน้อย
ถึงแม้นางเชื่อว่าเขามีวิธี แต่นางก็ยังอยากรู้อย่างวิตกกังวลว่าเขาจะทำอย่างไรที่จะทำให้สองคนก้าวข้ามอุปสรรคแล้วได้อยู่ด้วยกัน
การที่ฝ่าบาทตรัสถึงการสมรสของอวี้ชี คงมิได้พระราชทานทันทีหรอกกระมัง
แล้วอวี้จิ่นก็กล่าวขึ้น “เมื่อปีใหม่ผ่านไปแล้ว เสียนเฟยกับจวงเฟยจะร่วมกันจัดงานชมดอกเหมยขึ้น นั่นเป็นงานเลี้ยงเลือกพระชายาให้กับข้าและสู่อ๋องโดยเฉพาะ”
เจียงซื่อแอบถอนหายใจกับสิ่งที่อวี้จิ่นพูด
อวี้ชีเอ่ยถึงพระมารดา แต่เรียกนางว่าเสียนเฟย มันทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่จืดจางของสองแม่ลูก
นางไม่สนใจเรื่องอื่นหรอก เพียงแค่เห็นใจและเอ็นดูบุรุษคนนี้เท่านั้น
อวี้จิ่นค่อนข้างไวต่อเรื่องของเจียงซื่อ เมื่อเขาเห็นว่าแววตาของนางพลันอ่อนโยนลง เขาจึงยิ้มและเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ”
เจียงซื่อไม่โง่ถึงขนาดไปเอ่ยถึงความสัมพันธ์แม่ลูกของอวี้จิ่นกับเสียนเฟยแน่นอน นางหย่อนตาลงแล้วกล่าว “งานเลี้ยงชมดอกเหมยนั่น เกรงว่าข้าคงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับคำเชิญกระมัง”
อวี้จิ่นหัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะนั่นเป็นเสียงใสแต่ดูมีความหนักแน่นและอยู่กึ่งกลางระหว่างเสียงของบุรุษกับชายหนุ่ม เสียงนั้นราวกับเป็นสุราชั้นดีที่หมักได้เต็มที่ ซึ่งฟังแล้วชวนให้รู้สึกใจสั่นเล็กน้อย
“เจ้าหัวเราะอะไร” เจียงซื่อเอียงตามองเขา
อวี้จิ่นยกมือขึ้นแล้ววางลงที่ผมของเจียงซื่อ จากนั้นออกแรงขยี้ “เจ้าเด็กโง่ เจ้าต้องได้รับเทียบเชิญอยู่แล้ว”
เจียงซื่อยื่นมือปิดผม แต่กลับทับโดนมือที่ยังไม่ขยับไปไหนของเขา
นางกดมือเขาไว้ เขามองหน้านาง
สองคนสบตากัน ภายในห้องเงียบลงทันใด
หลังจากได้สติ อวี้จิ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่
ก่อนเข้าพิธีสมรส เขาไม่กล้าทำอะไรเด็กสาวคนนี้นี่แน่นอน ไม่เช่นนั้น คนที่ทุกข์ทรมานจะเป็นเขาเอง
เขาดึงมือออกแล้วนำผมที่หลุดออกมาทัดไว้หลังใบหูให้นางพร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เอาเป็นว่า ในสองสามวันนี้ เจ้าไม่ต้องคิดวิตกสิ่งใด เจ้าไปฉลองวันปีใหม่อย่างวางใจก็พอ พอถึงงานเลี้ยงชมดอกเหมยก็ไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษ เดี๋ยวข้าจัดการทุกอย่างเอง”
เจียงซื่อขยับปาก มีใจอยากถามว่าเขาจะทำอย่างไร แต่พอได้สบตาอันแวววับที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนคู่นั้น ก็ทำให้ต้องกลืนคำพูดกลับไป
“งั้นข้ากลับก่อน” อวี้จิ่นก้มหน้าจุมพิตที่หน้าผากเจียงซื่อ จากนั้นก็เปิดหน้าต่างและกระโดดออกไป
เจียงซื่อเดินไปตรงหน้าต่าง เขาหันกลับมาโบกมือให้ จากนั้นก็หายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
“คุณหนู คุณชายอวี๋ไปแล้วหรือเจ้าคะ” เมื่อได้ยินเสียงปิดหน้าต่าง อาหมานจึงเดินเข้ามา
เจียงซื่อกล่าวหน้านิ่ง “ไปนอนได้แล้ว”
สีหน้าของสาวรับใช้ที่รู้สึกเสียดายอวี้ชีกลับเร็วนั่นมันคืออะไร!
และเวลานี้ ตรงทางเข้าประตูรอง มีเสียงกรีดร้องของหญิงรับใช้เฝ้าประตูดังขึ้น
ตายแล้ว คุณชายรองถูกปีศาจจับตัวไป!
ไม่ใช่ คุณชายรองกำลังวิ่งตามปีศาจอยู่
“มีปีศาจ….” เสียงกรีดร้องของหญิงรับใช้เฝ้าประตูดึงดูดให้คนออกมาดูจำนวนไม่น้อย
ตรงมุมหลบคนมุมหนึ่ง เจียงจั้นเอามือกุมก้นที่ถูกกัดจนเป็นรูเอาไว้ พร้อมกับแสดงอาการโกรธจัดออกมา “ฝากไว้ก่อนเถอะ เอ้อร์หนิว ฝากไว้ก่อน!”
เอ้อร์หนิวพับขาหลังลงแล้วนั่งรอ
“…”