ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 36 วางแผน
สีหน้าของเจียงเชี่ยนดูแย่เช่นเดียวกัน สติหลุดและยืนอยู่กับที่ไปชั่วขณะ
“เชี่ยนเอ๋อร์…” เซียวชื่อกังวลใจไม่น้อย
เหล่าฮูหยินยังคงโมโหนางอยู่ และเมื่อปวดตาก็ยิ่งเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น ทุกวันนี้ นางใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานก็ช่าง หากเหล่าฮูหยินมีปมในใจต่อเชี่ยนเอ๋อร์อีก คงไม่สู้ดีแน่
ลูกสาวที่แต่งออกและมีตระกูลของฝ่ายชายคอยหนุนหลังจะสร้างความมั่นใจให้กับตนเองได้อย่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเชี่ยนเอ๋อร์ที่แต่งออกอย่างสมเกียรติ
ซึ่งในขณะนี้ เจียงเชี่ยนสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จึงพูดกับสาวใช้อย่างเคร่งขรึม “เจ้าออกไปก่อน!”
สาวใช้ถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว เจียงเชี่ยนหายใจเข้าลึกๆ และจับมือของเซียวชื่อไว้ “ท่านแม่อย่าได้ตกใจไปเลย เราควรคิดหาวิธีรับมือก่อนไปที่เรือนฉือซินนะเจ้าคะ”
“ถูกต้อง เราต้องคิดหาวิธีให้ได้ก่อน” เซียวชื่อไม่ใช่คนที่เก็บซ่อนอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาว ไม่ได้เก็บซ่อนอารมณ์นี้ไว้ จึงทำให้ดูเหมือนร้อนรน และทันใดนั้นก็ผุดวิธีหนึ่งขึ้นมา “ในเมื่อมีคนอาศัยฝันแผงฤทธิ์ เช่นนั้น หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง!”
“ท่ามแม่จะทำเช่นไรหรือเจ้าคะ”
เซียวชื่อดึงเจียงเชี่ยนเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหูสองสามประโยค
เจียงเชี่ยนสงสัย “จะได้ผลหรือเจ้าคะ”
เซียวชื่อยิ้มเยาะ “ทำไมจะไม่ได้เล่า ในเมื่อท่านย่าเจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้ พวกเราก็พายเรือตามน้ำ ก็แค่ไก่ฟ้าสองตัว ในจวนปั๋วรุ่นเด็กที่อยู่ในลำดับสอง ไม่ได้มีเพียงเจ้าคนเดียวสักหน่อย!”
เจียงจั้นที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจียงซื่อ ก็อยู่ในอันดับสองเช่นกัน
“แต่ว่าเจียงจั้นไม่ได้เกิดปีไก่…”
“ใครกล่าวว่าไก่ฟ้าก็คือปีเกิดเล่า แค่หาเหตุผลมาให้ได้ก็พอแล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเซียนกูที่เชื้อเชิญมานั้น จะสามารถทำให้ท่านย่าเจ้าเชื่อใจได้หรือไม่” เมื่อผุดความคิดนี้ขึ้น หว่างคิ้วของเซียวชื่อปรากฎความภาคภูมิใจทดแทนความร้อนใจก่อนหน้านี้ “เจ้าวางใจเถิด ข้ารู้จักเซียนกูที่มีชื่อเสียงอยู่ท่านหนึ่ง ท่านย่ากับนางเคยรู้จักกันมาก่อน ข้าเชิญนางออกหน้า เรื่องนี้ต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน”
“ลำบากท่านแล้ว” หลังจากฟังเซียวชื่อพูดจบ สีหน้าที่ตึงเครียดของเจียงเชี่ยนก็ผ่อนคลายลง
“พูดอะไรออกมา เจ้าคลานออกมาจากท้องข้า จะไม่ให้ข้าเป็นห่วงเจ้า แล้วจะให้เป็นห่วงใคร” เซียวชื่อกุมมือเจียงเชี่ยนด้วยความรักและสงสาร
มุมปากของเจียงเชี่ยนขยับ คล้ายกับนึกบางอย่างออก จึงชักมือออกทันทีแล้วคล้องแขนเซียวชื่อและเอ่ยว่า “ท่านแม่ พวกเรารีบไปกันเถิด”
ข่าวคราวที่เฝิงเหล่าฮูหยินตาบาดข้างนึงราวกับเสียงฟ้าร้องดังสนั่นถล่มเข้าใส่จวนปั๋วตงเผิง เจ้านายของทุกเรือนเมื่อทราบข่าวก็รีบทยอยกันมา
ขณะที่เจียงซื่อมาถึงเรือนฉือซินก็ได้มีผู้คนมากันมากแล้ว นางจึงเดินเข้าไปรวมกับพี่สาวและน้องสาวหลายคนเพื่อรอสังเกตุการณ์
อาสะใภ้รองและเจียงเชี่ยนยังเดินทางมาไม่ถึง
เมื่อพบว่าเป็นเช่นนี้ เจียงซื่อจึงยิ้มเยาะที่มุมปาก
นางย่อมไม่คิดว่าเจียงเชี่ยนผู้ที่หลอกให้นางคิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันจะเป็นคนโง่เขลา
การพูดคุยของสองแม่ลูกคู่นี้ ต้องคาดเดาอะไรบางอย่างไว้แล้วแน่นอน และที่มาช้าก็น่าจะเพราะหารือวิธีรับมือกันอยู่เป็นแน่
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มุกปากเจียงซื่อจึงโค้งลึกขึ้น
นางไม่กลัวว่าพวกนางจะไม่ลงมือ แต่กลัวว่าพวกนางจะนิ่งเฉย หาโอกาสที่กระหน่ำซ้ำเติมคนเลวที่ตกที่นั่งลำบากไม่ได้
แต่ขณะที่เจียงซื่อครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ รับรู้ถึงสายตาที่มองมาทางนาง และเมื่อเงยหน้ามองไป ก็มองเห็นคุณหนูสามเจียงเชี่ยวกลอกตาใส่นาง
เจียงเชี่ยวงดงามสมชื่อ และในฐานะของคนดู ท่าทางกลอกตานั่น ทั้งทะเล้นและดูน่ารักนัก
เจียงซื่อยิ้ม
แต่เจียงเชี่ยวกลับตกตะลึง พูดเสียงทุ้มต่ำอย่างดุดันว่า “ท่านย่าไม่สบาย เจ้ายังยิ้มออกอีกรึ!”
“ข้ารู้สึกว่าวันนี้พี่สามสวยเป็นพิเศษ จึงกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่” เจียงซื่อพูดอย่างไม่ละอาย
เจียงเชี่ยวใบหน้าแดงก่ำ พร้อมกับพูดโพล่งขึ้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร ประเดี๋ยวท่านย่าเห็นเจ้ายิ้มเช่นนี้ ได้เป็นเรื่องแน่!”
เจียงซื่อเผยใบหน้าที่เข้าใจในทันที “ที่แท้พี่สามเป็นห่วงข้านี่เอง”
“อย่าคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย!” เจียงเชี่ยวกลอกตาใส่อีกครั้ง หันหน้ากลับโดยไม่สนใจเจียงซื่ออีกต่อไป
ซึ่งขณะนี้ เซียวชื่อรีบพาเจียงเชี่ยนเข้ามา
ทันทีที่เฝิงเหล่าฮูหยินมองเห็นใบหน้าของเซียวซื่อก็ได้ปาถ้วยน้ำชาเข้าใส่ “ทำไมไม่รอให้ข้าตายไปก่อนแล้วค่อยมา!”
เซียวชื่อเป็นผู้ดูแลกิจการในบ้านมาโดยตลอด แต่ในยามที่เหล่าฮูหยินเกิดเรื่องกลับมาช้า จึงทำให้ดูไม่ดี
แววตาของซานไท่ไท่กัวซื่อเผยอาการมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นขึ้น
นางที่เป็นลูกสะใภ้บ้านเล็กจึงไม่คิดที่จะเป็นปฏิปักษ์กับเซียวซื่อ แต่ทุกวันนี้เซียวชื่อแข็งกร้าวเกินไป คำพูดที่ไม่เหมาะสมก็จะจำแค้นฝังใจ เรื่องค่าใช้จ่ายภายในจวนของทุกคนล้วนทำให้นางไม่ชอบใจไปเสียหมด
กัวซื่อเป็นคนที่อยู่เป็น รู้ว่าทะเลาะจนถึงเรือนของเหล่าฮูหยินนั้นไม่ได้เป็นผลดี จึงทำได้เพียงกล้ำกลืนความทุกข์ระทมไว้เอง
กล้ำกลืนความทุกข์ระทมมานาน แม้แต่พระโพธิสัตว์ล้วนต้องเปลี่ยนพระอรหันต์สาวก แต่กัวซื่อกลับไม่สามารถหลุดพ้นได้
เจียงซื่อนำตัวเข้ามาขวางหน้าเซียวซื่อโดยปล่อยให้ถ้วยน้ำชาพุ่งเข้าใส่ตัวเอง
“เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!” เซียวชื่อเจ็บปวดใจอย่างมาก
เจียงเชี่ยนส่ายศีรษะ รีบเดินมายังด้านหน้าของเฝิงเหล่าฮูหยิน และพูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านย่า ข้าเองที่ดึงท่านแม่ไปพูดคุยอยู่ที่สวนนั่น ทำให้สาวใช้ตามหาไม่เจอ หลานสาวผิดเองทั้งหมด ท่านอย่าได้โมโหไปเลยนะเจ้าคะ ร่างกายอาจทรุดลงได้”
“เจ้ายังไม่กลับไปอีกหรือ” ขณะที่เฝิงเหล่าฮูหยินเอ่ยออกมา สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ใบหน้าของเจียงเชี่ยนทันที
เจียงเชี่ยนกลับรู้สึกว่าสายตาเหล่านี้ราวกับมีดอันแหลมคมที่ไร้รูปร่างบาดไปที่ใบหน้าของนางอย่างเจ็บปวด
นางไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ที่น่าอับอายในจวนปั๋วเช่นนี้มาก่อน
แต่ขณะนี้ เจียงเชี่ยนกลับยิ่งยินดีในใจ โชคดีที่นางได้พูดคุยกับท่านแม่เรื่องปมของท่านย่ามาก่อนมิเช่นนั้น ความน่าอับอายครั้งนี้ นางคงสับสนและรับมันไว้อย่างไร้มูลเหตุ
ซึ่งบัดนี้เจียงซื่อกลับไม่ใส่ใจมันแล้ว
ขอเพียงแค่ผลักเรื่องนี้ให้กับเจียงจั้นอย่างที่ท่านแม่กล่าวไว้ ตอนนี้ ท่าทีของท่านย่ายิ่งดูแย่เท่าไหร่ วันข้างหน้าก็จะยิ่งละอายใจมากขึ้นเท่านั้น และจะยิ่งชดเชยเพิ่มมากขึ้นด้วย
ขอเพียงแค่สามารถหัวเราะในตอนจบ ตอนนี้น้อยเนื้อต่ำใจไปบ้างจะเป็นอะไรไป
“หลานสาวเป็นห่วงท่านย่า” ใบหน้าของเจียงเชี่ยนเผยความน้อยเนื้อต่ำใจออกมาได้อย่างพอเหมาะ
“เจ้าไม่ใช่หมอ อยู่ที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ รีบกลับไปเถิด” ดวงตาข้างหนึ่งของเฝิงเหล่าฮูหยินบอดสนิท อารมณ์ฉุนเฉียวนั้นราวกับม้าพยศ แต่กดความรู้สึกเอาไว้ โดยเลี่ยงที่จะพูดคำว่า ‘ไสหัว’ กับเจียงเชี่ยน
“ท่านย่าจะให้หลานวางใจและกลับไปได้อย่างไร ให้หลานอยู่ที่นี่เถิดเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็รอฟังผลวินิจฉัยจากหมอก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“หมอมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้อาฝูวิ่งร้องตะโกนเข้ามา
“พวกเจ้าออกไปก่อน!” เฝิงเหล่าฮูหยินไม่อาจพูดกับเจียงเชี่ยนด้วยความโกรธ จึงบอกให้ทุกคนออกไป
ภายในห้องของเรือนฉือซินเต็มไปด้วยผู้คน
ถึงแม้เหล่าฮูหยินจะเอ่ยปากไล่ แต่ทุกคนกลับไม่ยอมจากไป
ต้นเซียงชุนขนาดใหญ่ตรงกลางลานบ้านยากที่จะบังแดดและบังลมให้กับผู้คนจำนวนมาก ลมพัดโชยกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้าไปในจมูกของเจียงซื่อ ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นแรงเป็นพิเศษ
เพียงชั่วครู่ คล้ายดั่งความรู้สึกในช่วงกลางฤดูร้อน
ทุกคนรออย่างร้อนใจท่ามกลางนาฬิกาทรายที่ล่วงเลยเกินกว่าครึ่งชั่วยาม ปลายจมูกของทุกคนสัมผัสได้ถึงหยดเหงื่อที่ไหลหยดออกมา
เจียงเชี่ยนและเซียวชื่อแอบส่งสายตากันไปมา
ในที่สุดหมอที่เชื้อเชิญมาและมีอาฝูคอยติดตามก็เดินถือกล่องยาออกมา เซียวชื่อรีบเปิดปากชิ่งพูดก่อนว่า “ท่านหมอ เหล่าฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอส่ายศีรษะ “ดวงตาของเหล่าฮูหยินยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะความร้อนจากภายใน ประเดี๋ยวข้าจะออกใบสั่งยาดับพิษร้อนให้ หากกินสองวันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ท่านก็เชิญหมอที่มีชื่อเสียงท่านอื่นเถิด”
พอหมอเดินจากไป เซียวชื่อแสดงท่าทีที่ต้องการเชื้อเชิญหมอยอดฝีมือมารักษาดวงตาของเหล่าฮูหยินให้หายเป็นปกติในทันที
เจียงซื่อมองดูผู้คนในจวนที่วุ่นวายด้วยสายตาอันเย็นชา แต่ในใจได้คิดแผนการไว้แล้ว