ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 372 ครอบครัวเปรียบเสมือนกระดาษ
รู้หน้าไม่รู้ใจ
เจียงอีเป็นคนใจดี ถึงแม้จะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจียงเชี่ยนแล้ว แต่เมื่อได้เผชิญหน้าเข้าจริงๆ ก็ไม่อาจทำเป็นนิ่งเฉยได้
“บังเอิญจริงๆ น้องรองออกมาเดินเล่นหรือ”
เจียงเชี่ยนขนตาขยับเบาๆ พลางยิ้มขึ้น “เจ้าค่ะ อยู่ในห้องทั้งวัน ราจะขึ้นตัวข้าแล้ว จึงอยากจะออกมาเดินเล่นสักหน่อย”
นางพูดพลางมองไปที่เจียงซื่อ “ได้ข่าวว่าน้องซื่อหมั้นแล้ว วันนั้นเดิมอยากจะไปแสดงความยินดีกับน้องซื่อ เสียดายที่ไม่ได้พบ แต่วันนี้เจอกันแล้ว น้องซื่ออย่าโกรธที่พี่มาแสดงความยินดีให้เจ้าช้าไปเลยนะ”
เจียงซื่อมองเจียงเชี่ยนพร้อมกับยิ้มร่า “จะโกรธได้อย่างไร หากเป็นการแสดงความยินดี ไม่ว่าจะตอนไหนข้าก็ไม่โกรธหรอก”
เจียงเชี่ยนปลดเหอเปาที่ห้อยอยู่ที่เอวออกมา สีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย “ข้าก็ไม่ได้มีของดีอะไรในเหอเปาหรอก ข้ามีสร้อยไข่มุกเส้นหนึ่ง ข้าให้น้องซื่อเป็นของขวัญแสดงความยินดีแล้วกัน หวังว่าน้องซื่อจะไม่รังเกียจ”
เจียงซื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน แทบไม่เห็นสีหน้าที่แสดงออกต่อเจียงเชี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว “ไม่มีทางรังเกียจหรอกเจ้าค่ะ เป็นพี่น้องอยู่ร่วมจวนเดียวกัน ถึงพี่รองจะให้ดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้าไหมเพียงหนึ่งดอก ข้าก็จะทะนุถนอมมันอย่างดี”
“เช่นนั้นพี่รองก็สบายใจ” เจียงเชี่ยนถือเหอเปาเดินเข้าไปใกล้เจียงซื่อ พร้อมกับอมยิ้มมุมปาก
เจียงอีเหลือบมองเจียงซื่อ แล้วค่อยมองเจียงเชี่ยน จากนั้นก็ถอนหายใจอยู่ข้างใน น้องซื่อไว้หน้าให้เจียงเชี่ยนสักหน่อยก็ดี เวลานี้น้องซื่อเป็นดั่งของล้ำค่า ไม่คุ้มค่าหรอกถ้าหากจะมีเรื่องกับเจียงเชี่ยน
ส่วนเรื่องที่จะไล่เจียงเชี่ยนออกไปจากจวนปั๋ว…เจียงอีก็บอกไม่ถูกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
สำหรับผู้อาศัยอย่างนาง เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีเรื่องนั้นดีกว่ามีเรื่อง เทียบกับน้องสี่ที่ตัดสินใจแน่วแน่เด็ดขาด นางเพียงถอยห่างกับเจียงเชี่ยนก็พอแล้ว
เจียงเชี่ยนเดินมาถึงตรงหน้าเจียงซื่อ จากนั้นก็นำเหอเปาอันสวยงามรูปร่างทรงน้ำเต้ายื่นออกไป พลางพูดเสียงอ่อนโยน “น้องซื่อเปิดออกดูน่าจะชอบ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เจียงซื่อรับเหอเปามา แล้วเปิดพลิกเหอเปาดู
จู่ๆ ก็มีแสงสะท้อนแวบผ่านขึ้นมาที่หางตา จากนั้นก็ได้ยินเสียงเจียงอีกรีดร้องดังขึ้นที่ข้างหู “อาซื่อ ระวัง!”
เจียงเชี่ยนยกกรรไกรขึ้นมาแล้วแทงออกไปที่เจียงซื่อ
ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวเจียงซื่อจึงได้แต่นิ่งงัน ตะลึงไปครู่หนึ่งถึงได้หันหลังวิ่งหนี
“คิดจะหนีงั้นรึ สายไปแล้ว!” ถึงเจียงเชี่ยนจะผอมกะหร่องจนน่าตกใจ แต่ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมหาศาลนี่มาจากไหนกัน นางจับแขนเสื้อเจียงซื่อไว้ แล้วแทงออกไปอย่างไม่ลังเล
“เจียงเชี่ยน หยุดนะ!” เจียงอีออกแรงผลักเจียงเชี่ยน
เจียงเชี่ยนไม่ได้สนใจเจียงอีที่ผลักเข้ามาอย่างแรงเลย นัยน์ตาฉายแววความแค้นออกมาอย่ารุนแรง และตั้งใจมุ่งมั่นจะเอาชีวิตของเจียงซื่อ
เหตุใดนางต้องขลุกอยู่แต่ในบ้านส่งกลิ่นเหม็นเหมือนโคลน แล้วเจียงซื่อกลับได้เฉิดฉายเป็นพระชายาอ๋อง
ที่นางต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะถูกเจียงซื่อนางสารเลวคนนี้ทำร้ายทั้งนั้น ในเมื่อไร้หนทางกลับตัว เช่นนั้นก็ลากเจียงซื่อลงไปตายด้วยกันเสียเถอะ
สาวรับใช้ของเจียงอีที่เดิมเดินคุยกับอาหมานตามหลังมา พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็ส่งเสียงร้องดังขึ้น
อาหมานวิ่งพุ่งพรวดเข้ามาถีบเจียงเชี่ยนกระเด็น จากนั้นก็คร่อมอยู่บนตัวเจียงซื่อร้องห่มร้องไห้ “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไหมเจ้าคะ บ่าวตกใจจะแย่แล้ว!”
เจียงเชี่ยนถูกถีบล้มลงกับพื้น วิงเวียนตาลาย และพยายามเอื้อมมือไปเก็บกรรไกร
ทว่าถูกรองเท้าปักลายคู่หนึ่งเตะออกไป
เจียงเชี่ยนพยายามหน้าเงยหน้าขึ้นมา
เจียงอีทำหน้าขึงขัง จ้องเจียงเชี่ยนราวกับเป็นผีร้าย “เจียงเชี่ยน เจ้าช่างน่ากลัวเสียจริง!”
ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนเช่นนี้กัน กลางวันแสกๆ กลับมาไล่เข่นฆ่าพี่น้องในจวน…
ไม่นานคนจำนวนไม่น้อยก็ได้ทราบเรื่อง ต่างก็พากันมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย เจียงเชี่ยนก็เหมือนถูกสูบพลังออกไปจนหมด ราวกับปลาใกล้ตายที่นอนอยู่ริมฝั่ง
คนที่มาถึงต่างก็ตกใจมาก
สวรรค์ ไม่นึกเลยว่าเอ้อร์กูไหน่ไนเจียงเชี่ยนจะฆ่าคุณหนูสี่
ตอนนี้คุณหนูสี่กำลังจะเป็นพระชายาอ๋องแล้ว หากเกิดเรื่องขึ้นมา คนอย่างพวกเขาจะไม่ต้องตายตามไปด้วยหรอกหรือ
“พวกเจ้าจะยืนบื้อกันอยู่อีกนานไหม ยังไม่รีบจับนางแล้วส่งไปที่เรือนฉือซินอีก!” อาหมานกระทืบเท้าพลางร้องไห้ไปด้วย
น่าเศร้าเสียจริง คุณหนูสั่งให้นางยืนอยู่ห่างๆ ไว้ รอให้คุณหนูรองทำตัวบ้าคลั่งออกมาให้พอแล้วค่อยเข้ามา ไม่ให้โอกาสสาวรับใช้อย่างนางได้แสดงวิชาออกมาเลยหรือ
มาหม่าสองสามคนเดินเข้ามาจับเจียงเชี่ยนไปอย่างไม่ใยดี แล้วคุมตัวไปยังเรือนฉือซิน
เฝิงเหล่าฮูหยินมองเจียงเชี่ยนที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ได้แต่โกรธจนพูดอะไรไม่ออก
“เหล่าฮูหยิน” อาฝูนำกรรไกรที่แวววับมอบให้เฝิงเหล่าฮูหยินด้วยท่าทีอ่อนน้อม
เฝิงเหล่าฮูหยินเพียงเห็นแค่แวบเดียวก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“เจียงเชี่ยน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
เจียงเชี่ยนไม่พูดไม่จา
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เจียงซื่อทำหน้าขรึม
เจียงอีก้าวออกมาข้างหน้า เอ่ยพูดออกไป “ท่านย่า เดิมไม่ใช่ข้าหรอกที่ควรพูด หากแต่ว่าเจียงเชี่ยนทำเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะนำกรรไกรออกมาแทงเจียงซื่อ ขอท่านได้โปรดจัดการนางด้วยเถิดเจ้าค่ะ อย่าให้นางได้มีโอกาสทำร้ายน้องสี่ได้อีกในอนาคต!”
เฝิงเหล่าฮูหยินสีหน้าย่ำแย่ลงไปอีก พลางมองไปที่เจียงซื่อ “ซื่อเอ๋อร์ เจ้าว่าอย่างไร”
เจียงซื่อหลุบตาลง เอ่ยพูดน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่มีอะไรจะพูด”
“ไปเรียกนายท่านรองมา” เฝิงเหล่าฮูหยินออกคำสั่งกับอาฝู
ส่วนเอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อนั้นแทบไม่ได้พูดถึงเลย
ยามนี้เป็นเวลาพักผ่อนพอดี ไม่นานนายท่านเจียงเอ้อร์ก็มาถึงเรือนฉือซิน เพียงเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็รู้สึกตกใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ท่านแม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ” เฝิงเหล่าฮูหยินเอ่ยเสียงสูง มือที่ชี้ไปยังเจียงเชี่ยนสั่นไม่หยุด “เจ้าลองถามลูกสาวตัวดีของเจ้าดูสิว่านางทำอะไรลงไป ไม่นึกเลยว่าจะใช้กรรไกรฆ่าหนูสี่!”
“จริงรึ” นายท่านรองมองลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เจียงเชี่ยนก้มหน้าลง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงปิดบังใบหน้าของนางไว้ จึงไม่เห็นสีหน้า
นายท่านรองสาวเท้าก้าวเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าทำจริงๆ รึ”
เจียงเชี่ยนเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ เผยให้เห็นสีหน้าเหยเก
นายท่านรองเซถอยหลัง ในใจรู้สึกตกใจมาก
ลูกสาวมีรูปงามดุจหยกในความทรงจำของเขา กลายเป็นคนที่ตกอยู่ในสภาพนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
ทันใดนั้นเขาก็ไม่มีความอดทนที่จะฟังเจียงเชี่ยนพูดอีกต่อไป จึงหันไปพูดกับเฝิงเหล่าฮูหยิน “บ้านเมืองนั้นมีกฎหมาย ในเรือนก็มีกฎ เชี่ยนเอ๋อร์ทำผิด ท่านแม่เห็นควรว่าจะจัดการอย่างไรก็จัดการเถอะ ลูกไม่มีอะไรจะพูดขอรับ”
เจียงเชี่ยนได้ยินนายท่านรองพูดออกมาเช่นนี้ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่หรือท่านย่าและท่านพ่อของข้า พวกท่านนี่ดีจริงๆ เสียดายที่ข้าใจสู้แต่ไม่มีกำลังพอ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกท่านทุกคนให้หมด ฆ่าให้หมด…”
ผู้คนในห้องต่างรู้สึกหวาดกลัว
คุณหนูรองเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ
ความรักหยดสุดท้ายที่เฝิงเหล่าฮูหยินมีให้หลานสาวคนนี้ได้สลายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็เอ่ยเสียงสูงออกมา “กูไหน่ไนรองป่วยทางจิต เฝิงมาหม่าไปตามหมอมารักษากูไหน่ไนรอง!”
ไม่นานเจียงเชี่ยนก็ถูกคุมตัวออกไป
เฝิงเหล่าฮูหยินไม่ได้สนใจว่านายท่านรองจะอยู่ตรงหน้า นางเอ่ยถามเจียงซื่อด้วยความเป็นห่วง “ซื่อเอ๋อร์ ตกใจมากหรือไม่”
เจียงซื่อเหลือบมองนายท่านรองแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าตกใจมาก ข้าขอตัวกลับเรือนไห่ถังก่อนนะเจ้าคะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินถูกปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ใบหน้าไม่แสดงให้เห็นถึงความโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว “อาฝูไปส่งคุณหนูสี่กลับ อย่าให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนคุณหนูได้”
เจียงซื่อยิ้ม แล้วจูงมือเจียงอีเดินออกไป
หลังจากที่เจียงเชี่ยนถูกคุมตัวกลับไปที่เรือนนางก็สงบลง ตรงหน้ามีถ้วยยาสมุนไพรร้อนๆ เพิ่มมาถ้วยหนึ่ง