ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 486 วันเกิดเสียนเฟย
เมื่อข้ามผ่านเทศกาลล่าปา บรรยากาศของวันปีใหม่ก็ดูเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงยังคงเป็นดังเดิม แม้ว่าอากาศจะหนาวจัด แต่พื้นอันเย็นยะเยือกนั้นก็ไม่สามารถหยุดความกระตือรือร้นของชาวบ้านที่พากันออกมาจับจ่ายใช้สอยในตลาดได้เลย
ของใช้ข้ามปีบางอย่างจะต้องจัดซื้อล่วงหน้า เนื่องจากหากหาซื้อตอนใกล้ปีใหม่ ราคาก็จะสูงขึ้นมากโข
เมื่อเดินไปบนท้องถนน จะเห็นใบหน้าอันยิ้มแย้มของผู้คน มือซ้ายถือเป็ดไก่มือขวาถือขนมต่างๆ ฝีเท้าของพวกเขาดูรีบร้อน
เรื่องการปลดตำแหน่งองค์รัชทายาทสำหรับชาวบ้านเหล่านี้แล้วเป็นเรื่องที่ห่างไกลตัวเหลือเกิน อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ยังสัมผัสไม่ได้ถึงผลกระทบของเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาขุนนางทั้งหลายรู้สึกได้ถึงลมและฝนที่กำลังจะตามมาเมื่อใกล้ปีใหม่
แม้จะไม่มีผู้ใดก้าวออกมากล่าวถึงเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่องค์ชายสามจิ้นอ๋องและองค์ชายสี่ฉีอ๋องก็ได้เริ่มเปิดฉากการเผชิญหน้ากันอย่างช้าๆ
ในวันนี้ ขุนนางที่อยู่ฝ่ายจิ้นอ๋องฟ้องร้องว่าขุนนางผู้ใกล้ชิดกับฉีอ๋องทำการทุจริตติดสินบน วันต่อมาผู้ที่ใกล้ชิดกับฉีอ๋องก็ฟ้องร้องว่าใครบางคนที่อยู่ฝั่งจิ้นอ๋องมีพฤติกรรมก้าวร้าวรังแกชาวบ้านและสตรี
การเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ใหญ่โตนัก ไม่เจ็บไม่คันแต่อย่างใด ทว่าทำให้หัวใจของคนมากมายตุ้มๆ ต่อมๆ
ฝ่าบาทอายุไม่น้อยแล้ว ต่อให้คำนึงถึงพลานามัยของฝ่าบาทและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่อนคลายไปก่อน ทว่าในปีหน้าเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทก็ยังคงต้องอยู่ในวาระควรเสนอ
จิ้นอ๋องและฉีอ๋องพวกเขาควรจะอยู่ฝ่ายใด
ในวันนี้ท่ามกลางเหตุการณ์อันเงียบสงบ วันเกิดของเสียนเฟยก็เวียนมาถึงอีกครั้ง
นอกจากฮองเฮาแล้ว ตามปกติเช่นเสียนเฟย จวงเฟย หนิงเฟยที่มีหน้ามีตาเป็นที่นับถือเหล่านี้ แม้จะไม่ได้จัดงานวันเกิดใหญ่โต แต่ก็ได้รับการแสดงความยินดีมากมายล้นหลาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่องค์รัชทายาทถูกปลด ฉีอ๋องจึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่จะได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นองค์รัชทายาท งานเลี้ยงวันเกิดของเสียนเฟยจึงได้ครึกครื้นไม่น้อย แม้แต่องค์หญิงใหญ่หรงหยางที่เสด็จเข้าพระราชวังไปเข้าน้อมทักเฮาก็ได้รีบมาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย
ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้เสียนเฟยค่อนข้างจะภูมิอกภูมิใจ
หลังจากเจียงซื่อตั้งครรภ์ นางก็ได้หลบเลี่ยงการเข้าวังไปน้อมทักเสียนเฟยเมื่อวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งได้ แต่นางไม่มีเหตุผลที่จะหลบหลีกไม่ร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเสียนเฟยในวันนี้ได้
อีกอย่างบัดนี้นางตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว ถึงเวลาที่ต้องสื่อสารกับผู้คนทั่วไปตามปกติ
“ขออวยพรให้เหนียงเหนียงสุขภาพพลานามัยแข็งแรง และงดงามดุจดั่งฤดูใบไม้ผลิตลอดไปเพคะ” หากเปรียบเทียบกับพระชายาฉีอ๋องที่เตรียมของขวัญพร้อมคำอวยพรเอาไว้อย่างดี เจียงซื่อค่อนข้างค่อนข้างจะเรียบง่าย ในสายตาของเสียนเฟยนางมองว่าเป็นการละเลย
“อืม ขอบใจเจ้ามาก” เสียนเฟยเพียงกล่าวออกมาเบาๆ
ท่าทางดูเยือกเย็นของเสียนเฟยนั้น เจียงซื่อไม่ได้รู้สึกเอามาใส่ใจเลย นางกลับไปนั่งลงตรงที่ของนาง
สายตาของเสียนเฟยจับจ้องไปที่หน้าท้องของเจียงซื่อแล้วถามว่า “สี่เดือนแล้วใช่หรือไม่”
เจียงซื่อตอบรับเบาๆ ว่า “เพคะ”
“ยังมองไม่ชัดหนัก ต่อจากนี้เจ้าควรจะออกกำลังกายบ้าง หากมักอยู่แต่ในจวนอาจจะไม่ดีต่อลูกในครรภ์”
นี่เป็นการโจมตีเนื่องจากก่อนหน้านี้เจียงซื่อไม่เดินทางมาคารวะนาง
บัดนี้อยู่ต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นเจียงซื่อจึงไม่ขัดแย้งกับนาง เพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบพระทัยเหนียงเหนียงที่ชี้แนะ หม่อมฉันจะจำเอาไว้ และจะเดินทางมาคารวะเหนียงเหนียงบ่อยๆ”
เมื่อได้ยินเจียงซื่อกล่าวดังนี้ เสียนเฟยก็โล่งใจเล็กน้อย
องค์หญิงใหญ่หรงหยางที่นั่งอยู่ด้านข้างก็กล่าวขึ้นว่า “เหนียงเหนียงช่างใจกว้างเสียจริง ลูกสะใภ้ไม่เดินทางมาน้อมทักเป็นเวลาตั้งหลายเดือนแต่กลับไม่ถือโทษ นึกถึงเมื่อครั้นที่ข้าตั้งครรภ์อี้เอ๋อร์ แต่ละวันจะต้องเดินทางจากจวนองค์หญิงไปยังจวนแม่ทัพเพื่อน้อมทักแม่สามี”
นางชำแลมองไปทางเจียงซื่อแล้วเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “พระชายาเยี่ยนอ๋องมีแม่สามีผู้ที่เป็นธรรมเช่นนี้ นับว่าโชคดีเหลือเกิน”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางเป็นผู้มีหน้ามีตาเมื่ออยู่ต่อหน้าไทเฮา แม้จะเป็นเสียนเฟยซึ่งมีชื่อเสียงในวังหลังก็จำเป็นต้องเคารพนาง ดังนั้นประโยคเมื่อครู่จึงไม่มีใครกล่าวสิ่งใดต่อ
ไม่เพียงแต่ไม่กล่าวคำใดออกมา อีกทั้งยังมีใครบางคนแอบหัวเราะเยาะ อย่างเช่นพระชายาฉีอ๋อง
นางรู้สึกไม่ชื่นชอบพระชายาเยี่ยนอ๋องมาเป็นเวลานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มีคนออกมาเหยียบย่ำพระชายาเยี่ยนอ๋องต่อหน้าสาธารณชน นับว่าเป็นการระบายความแค้นของนาง
พระชายาฉีอ๋องเหล่มองไปที่เจียงซื่อ แววตานั้นแอบตำหนิจากความมืดมิดว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ต่อให้พระชายาเยี่ยนอ๋องจะเย่อหยิ่งเอาแต่ใจเพียงใด เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์หญิงใหญ่หรงหยาง แม้ถูกเยาะเย้ยถากถางก็ต้องอดทนเอาไว้
ชีวิตในวังหลังไม่ต่างไปจากด้านนอก แม้ฉีอ๋องและเยี่ยนอ๋องจะเป็นโอรสของเสียนเฟย แต่พวกเขาเดินทางเข้าไปในพระราชวังเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆ หลังจากคารวะมารดาเรียบร้อยแล้วก็ต้องกลับออกมา ผู้ที่อยู่ข้างกายนางอย่างแท้จริงคือบรรดาข้ารับใช้หญิง
พระชายาฉีอ๋องรู้ดีว่าเยี่ยนอ๋องกล้าลงไม้ลงมือแม้กระทั่งกับองค์รัชทายาท แต่นางไม่เชื่อว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องจะกล้าโต้เถียงกับองค์หญิงใหญ่หรงหยาง
ใครจะรู้เล่าว่าจู่ๆ ก็มีน้ำเสียงอันเย็นชาดังขึ้น “เช่นนั้นหมายความว่าแม่สามีของเสด็จอาไม่เป็นธรรม เสด็จอาโชคไม่ดีหรือเพคะ”
บรรยากาศ ณ ที่นั้นสงบลงทันใด สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่เจียงซื่อ
พวกเขาฟังผิดไปหรือไม่?
องค์หญิงใหญ่หรงหยางสงสัยหูของตนเองเหลือเกิน มือของนางยกขึ้นตบลงไปบนโต๊ะแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พระชายาเยี่ยนอ๋องกล่าวว่าข้าโชคไม่ดีหรือ!”
เจียงซื่อยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางดูกล้าหาญและสงบ “เมื่อครู่เสด็จอากล่าวเองมิใช่หรือเพคะ ท่านอิจฉาที่หม่อมฉันได้พบกับแม่สามีที่เป็นธรรม จึงรู้สึกว่าหม่อมฉันนั้นโชคดี นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเสด็จอาโชคไม่ดีที่พบกับแม่สามีไม่เป็นธรรมหรือเพคะ”
ในโอกาสเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นที่เข้ามากระทบกระทั่งนาง บางทีนางอาจจะอดทนได้เป็นเวลาชั่วครู่ แต่สำหรับผู้ที่เป็นฆาตกรฆ่ามารดาของนาง นางไม่อาจทนได้แม้แต่วินาทีเดียว
“เจ้ากล้านัก!” องค์หญิงใหญ่หรงหยางคาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าหาญชาญชัยเพียงนี้ กล้าโต้แย้งกับนางต่อหน้าผู้คนมากมาย
“พระชายาเยี่ยนอ๋อง การโต้เถียงผู้ใหญ่โดยตั้งใจเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือกับเจ้าที่เป็นถึงพระชายาอ๋อง”
เจียงซื่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในฐานะพระชายาที่เสด็จพ่อแต่งตั้งขึ้น ในยามที่มีคนสงสัยในการเลี้ยงดูสั่งสอน หม่อมฉันจึงจำเป็นจะต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเสด็จพ่อไม่ได้เลือกคนผิดไป”
“เจ้า!” เจียงซื่อยกธงชัยโดยการกล่าวอ้างจิ่งหมิงฮ่องเต้ออกมาได้อย่างแยบยล ทำให้องค์หญิงใหญ่หรงหยางแทบจะกระอักตาย
เจียงซื่อก้มหน้าลงเล็กน้อย กลับคืนสู่ท่าทางอันอ่อนน้อมของนางแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “เสด็จอาอย่าได้เสียใจไป ต่อให้แม่สามีของท่านไม่เป็นธรรม แต่บัดนี้เรื่องราวก็ผ่านไปเเล้ว คนเราจะต้องก้าวไปข้างหน้าจึงจะถูก”
ในตอนนั้นท่านแม่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพชุยและองค์หญิงใหญ่หรงหยางได้ใช้แรงสนับสนุนจากไทเฮาผู้เปรียบเสมือนขุนเขามาแย่งความรักนั้นไป ในตอนแรกแม่ทัพชุยต่อต้านอย่างรุนแรง มารดาของแม่ทัพชุยบังคับเขาอยู่เนิ่นนานจึงได้ทำให้เขาล้มเลิกความพยายามต่อต้านนั้นลง
นางเข้าใจถึงการตัดสินใจของมารดาแม่ทัพชุย แต่ก็ไม่อาจมีความประทับใจดีงามได้ หากจะกล่าวว่ามารดาของแม่ทัพชุยไม่เป็นธรรม ก็ไม่ถือว่าใส่ร้ายนาง
“พระชายาเยี่ยนอ๋องอย่าได้แสร้งทำเป็นเลอะเลือน!” การปลอบโยนเช่นนี้ ทำให้องค์หญิงใหญ่หรงหยางรู้สึกไม่สบายใจ ปั่นป่วนเหมือนมีแมลงวันอยู่ในท้อง นางไม่อาจจะชื่นชมยินดีได้แม้แต่นิดเดียว
บรรยากาศดูเคร่งขรึมไปชั่วครู่
ดูเหมือนเจียงซื่อจะไม่สะทกสะท้านสิ่งใด นางลูบไปที่ท้องน้อยของตนแล้วกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าเมื่อตั้งครรภ์จะเลอะเลือนไผสักพัก ขอบพระทัยเสด็จอาที่ตักเตือน”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางไม่รู้จะทำสิ่งใดได้อีก
ใต้หล้าฟ้าเขียวนี้ ผู้ที่ตั้งครรภ์หลานขององค์จักรพรรดิอยู่คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด หากว่านางกล่าวกระตุ้นมากเกินไปจนทำให้สตรีผู้นี้ปวดหัวเป็นไข้ขึ้นมา คาดว่าคงไม่ส่งผลดีต่อเสด็จพี่และเสด็จแม่
องค์หญิงใหญ่หรงหยางไม่เคยต้องอดทนกับความโกรธต่อหน้าผู้ใดนอกจากจิ่งหมิงฮ่องเต้และไทเฮา ทว่าในเวลานี้นางกลับรู้สึกว่ามีลมก้อนใหญ่ติดอยู่ที่ลำคอยากที่จะกลืนลงไป
ช่างน่าโมโหเหลือเกิน
บัดนี้นางเริ่มเชื่อในสิ่งที่หมิงเย่ว์กล่าวกับนางก่อนหน้าที่จะหายตัวไปแล้ว
การที่หมิงเย่ว์ต้องพบกับชะตากรรมเช่นนั้น คาดว่านางสารเลวผู้นี้คงจะวางแผนเอาไว้
องค์หญิงใหญ่หรงหยางเหลือบตามองไปที่เจียงซื่อ
เจียงซื่อไม่กลัวแววตาของนางที่จับจ้องมา นางจ้องมองกลับไปแล้วเผยอหน้าขึ้นเล็กน้อยเป็นความหมายถึงความยั่วยุ
ถูกต้องแล้ว ชุยหมิงเย่ว์ตัวละครเล็กๆ นั้นถูกนางกำจัด และเป้าหมายเล็กๆ เช่นองค์หญิงใหญ่หรงหยาง นางก็จะไม่ปล่อยไว้แน่นอน
ดวงตาขององค์หญิงใหญ่หรงหยางหดลง
นังสารเลวผู้นี้กำลังยั่วยวนนางอีกแล้ว จะให้นางทนได้อย่างไร!